บทที่ 11 ศัตรูเผชิญหน้ากันอีกครั้งโดยไม่อาจเลี่ยงได้ 2
ชั่วพริบตาเดียว งานเลี้ยงฉลองวันเกิดครอบรอบห้าสิบปีของฉู่หยุนเทียนก็มาถึง
ห้าสิบปีนับเป็นการครบรอบครั้งใหญ่ ประกอบกับเป็นวันคล้ายวันเกิดของฉู่หวูโยวและฉู่หวูเสว่ ดังนั้นจึงเตรียมงานไว้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ
เช้าตรู่ ชิงจั๋วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉู่หวูโยว โดยสวมใส่ชุดที่ไทเฮาทรงสั่งตัดให้นางเป็นพิเศษ
เพียงแต่ ไม่รู้เพราะชิงจั๋วเคยชิน หรือเพราะว่าลืม จึงไม่ได้แต่หน้าให้ฉู่หวูโยว
เพียงแค่ช่วยจัดแต่งทรงผมที่ดูสวยงามให้กับฉู่หวูโยวเท่านั้น
ฉู่หวูโยวผงะไป แต่กลับไม่ได้สนใจนัก อย่างไรเสีย ใบหน้าที่หมองคล้ำขนาดนี้ จะแต่งเช่นไรก็คงไร้ประโยชน์
ยังเช้าอยู่ ยังถึงเวลาฉลองวันเกิด แต่บรรดาแขกเหรื่อก็เดินทางมาถึงกันเป็นจำนวนมากแล้ว โดยเฉพาะเหล่าขุนนางในราชสำนัก ต่างก็นำรายการของขวัญมามากมาย และเดินทางกันมาแต่เช้า
แต่ไหนแต่ไรมา ฉู่หวูโยวไม่ชอบสถานที่ที่อึกทึกคึกโครมนัก นางจึงชื่นชมดอกไม้อยู่ในสวนเพียงลำพัง แม้กระทั่งชิงจั๋ว ก็ไม่ได้พามาด้วย
ตอนนี้สาวใช้ชิงจั๋วผู้นั้น เชื่อฟังนางเป็นอย่างยิ่ง นางชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ โดยที่ชิงจั๋วไม่กล้าโต้แย้งเลยสักนิด
ชิงจั๋วเองก็น่าจะรู้ดีว่า ตอนนี้นางคงไม่ถูกผู้อื่นรังแกอีกต่อไป ดังนั้น เมื่อนางไม่ให้ชิงจั๋วตามมา ชิงจั๋วเองก็ไม่ตามมา
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน ดอกไม้ในสวนกำลังบานสะพรั่ง ชวนให้ชื่นชมจริง ๆ
ตอนนี้ ทุกคนต่างรวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ย่อมไม่มีใครมาที่นี่แน่นอน ดังนั้น สถานที่ที่งดงามเช่นนี้ จึงมีนางเชยชมเพียงแค่คนเดียว
มองดูเหล่าผีเสื้อและผึ้งบินวนไปมารอบดอกไม้ ฉู่หวูโยวก็นึกถึงบุปผาระเริงรมย์ของซ่าติ่งติ่งจึงฮัมออกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว
จู่ ๆ ฉู่หวูโยวก็เห็นว่า มีดอกไม้อยู่ประเภทหนึ่ง ที่ด้านบนเต็มไปด้วยผึ้ง นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าดอกไม้ชนิดนี้จะหลอกล่อผึ้งได้เป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าคือดอกอะไร ?
ฉู่หวูโยวไม่รู้ว่าดอกไม้ชนิดนี้มีความพิเศษอย่างไร จึงนึกสงสัยในใจ นางเด็ดออกมาเบา ๆ จำนวนหนึ่ง เพื่อต้องการจะนำกลับไปศึกษาอย่างละเอียด
“เหอะ ยัยขี้เหร่ กล้าเปรียบเทียบตนเองกับดอกไม้อย่างไร้ยางอาย เป็นการด้อยค่าดอกไม้ที่งดงามเหล่านี้เสียจริง ๆ” จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามดังขึ้นมาจากด้านหลังฉู่หวูโยว
แววตาทั้งสองข้างของฉู่หวูโยวหมองหม่นลงเล็กน้อย ลึกเข้าไปในแววตาปรากฏประกายของความเย็นชาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ถึงแม้นางไม่อยากสร้างปัญหา แต่ก็จะปล่อยให้ใครมารังแก ให้ใครมาดูถูกเหยียดหยามไม่ได้เด็ดขาด
อีกทั้งผู้ชายคนนี้ก็ปากเสียจริง ๆ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีฐานะอะไรกันแน่ ? อย่างไรเสียวันนี้ก็เป็นวันเกิดของท่านพ่อ ย่อมไม่อาจทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุได้ เพราะท่านพ่อผู้นี้เอ็นดูนางเป็นอย่างยิ่ง
“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ ยัยขี้เหร่อย่างเจ้ากลับทำหูหนวกอย่างนั้นหรือ” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบจากนาง น้ำเสียงของชายผู้นั้นก็ดังขึ้นอีกครั้งด้วยความโมโห
แววตาของฉู่หวูโยวแฝงไปด้วยความเย็นชา เข้าเรียกตนเองว่าอ๋อง ดังนั้นเขาคือท่านอ๋องผู้หนึ่งอย่างนั้นหรือ ?
เป็นท่านอ๋องแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ? เป็นท่านอ๋องแล้วสามารถดูถูกใครได้ตามอำเภอใจหรืออย่างไร ?
ฉู่หวูโยวรู้ดีว่าสังคมนี้แบ่งชั้นวรรณะอย่างชัดเจน บางคนคิดว่าตนเองสูงส่งกว่าใคร ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา และไม่เห็นแม้กระทั่งชีวิตของผู้อื่นมีค่า
แต่นาง ฉู่หวูโยว แต่ไหนแต่ไรไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ใครมารังอกได้ง่าย ๆ
คนอื่นด่านางขนาดนี้ จึงไม่มีเหตุผลที่นางจะไม่ตอบโต้
ฉู่หวูโยวมองต่ำลงเล็กน้อย เมื่อเห็นกลีบดอกไม้ที่อยู่ในมือ แววตาก็เป็นประกายออกมา
ฉู่หวูโยวค่อย ๆ หันกลับไป เมื่อเห็นว่าที่แท้คนที่มาคืออ๋องเก้า ซวนหยวนหลี่ นางจึงทำความเคารพตามมารยาท : “หวูโยวคารวะอ๋องเก้าเพคะ”
“ยัยขี้เหร่คนนี้ รีบไสหัวไปเสีย อย่าทำให้สายตาของข้าต้องแปดเปื้อน ทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้า กินข้าวไม่ลงไปสามวันทุกที” ซวนหยวนหลี่ยิ่งด่าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น : “ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะไม่ปัญญาอ่อนแล้ว แต่ก็เป็นยัยขี้เหร่อยู่ดี เห็นแล้วสะอิดสะเอียนนัก”
ฉู่หวูโยวหัวเราะเยาะ อ๋องเก้าผู้นี้รูปร่างหน้าตาพอใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่ปากเสียเกินไป
ด่านางได้อย่างสบายอารมณ์เช่นนั้น นางจึงควรตอบแทนน้ำใจของเขาบ้าง ควรให้อะไรเขาดีเล่า ?
ขณะที่ฉู่หวูโยวโน้มตัวคารวะ และเห็นถุงหอมที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเขา ฉู่หวูโยวก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย นิ้วมือของนางขยับเบา ๆ ถุงหอมที่อยู่ตรงเอวของอ๋องเก้า ก็หล่นลงมาอยู่ในมือของนาง
ฉ่หวูโยวรีบใส่กลีบดอกไม้ที่อยู่ในมือลงไปในถุงหอมของอ๋องเก้า จากนั้นจึงรีบแขวนถุงหอมกลับไปที่เอวของอ๋องเก้าเช่นเดิม
ฉู่หวูโยวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วว่องไว จนอ๋องเก้าไม่ทันสังเกตเห็น
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉู่หวูโยวก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใส งดงาม และมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนี้ นางก็แค่รอดูเรื่องสนุกแล้ว !
เพียงแต่ ในขณะที่นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย กลับสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่ง กะทันหันเกินไป และเกิดคาดมากเกินไป จนฉู่หวูโยวไม่อาจปิดบังรอยยิ้มบนริมฝีปากได้ทัน
ตอนที่สบเข้ากับตคู่นั้น ฉู่หวูโยวก็ผงะไป
องค์ชายเจ็ดซวนหยวนหรงโม ? ทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ ?
ครั้งก่อนตอนอยู่ที่ตำหนักฮองไทเฮา นางเคยสบตากับเขาครั้งหนึ่ง แววตานั้น จนกระทั่งถึงตอนี้นางยังคงจดจำได้ไม่ลืมเลือน
แต่ว่า ตอนนั้นดูเหมือนเขาจะรังเกียจนางมาก
แต่การสบตาในครั้งนี้ ฉู่หวูโยวอยากหลบ แต่ก็หลบไม่พ้น นางรู้สึกราวกับว่า การสบตาในครั้งนี้ของนางยาวนานเป็นหมื่นปี
แววตาคู่นั้น ราวกับมีแรงดึดดูดที่ยากจะต้านทานได้ ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่านั่นคือหุบเหวที่ลึกเหนือประมาณ แต่กลับกระโดดลงไปอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่านั่นคือเหล้าพิษที่หมายจะเอาชีวิต แต่ก็ยังดื่มลงไปโดยไม่ลังเล
นางไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เพียงแค่การสบตาครั้งเดียว จะนำมาซึ่งความรู้สึก......
ฉู่หวูโยวแอบตื่นตระหนกในใจ ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไปจริง ๆ นางมั่นใจอย่างยิ่งว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ต้องอยู่ในสายตาของเขาทุกอย่างแน่นอน
จะคิดเช่นไรก็คิดไม่ถึงเลยว่า ซวนหยวนหรงโม่จะมาปรากฏตัวขึ้นในเวลาเช่นนี้
ถือว่าพวกเขาเป็นศัตรูที่ต้องเผชิญหน้ากันโดยไม่อาจเลี่ยงได้หรือไม่นะ ?
ใจเย็น สงบไว้ ครั้งนี้ ฉู่หวูโยวหลบสายตาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ท่านพี่เจ็ด ทำไมท่านเองก็มาที่สวนดอกไม้ด้านหลังนี่ด้วย” เมื่อซวนหยวนหลี่เห็นซวนหยวนหรงโม่ ความหยิ่งยะโสเมื่อครู่ก็จางหายไปในทันที และกลายเป็นสีหน้าเคารพนบนอบ
องค์ชายเจ็ดไม่ตอบ เพราะฉู่หวูโยวหลบสายตาของเขา ตอนนี้สายตาของเขาจึงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าด้านข้างของฉู่หวูโยว
เขาผงะไปครู่หนึ่ง สายตาค่อย ๆ ผละจากใบหน้าด้านข้างของฉู่หวูโยว ไปจับจ้องอยู่ที่ถุงหอมตรงเอวของซวนหยวนหลี่
ถึงแม้ฉู่หวูโยวจะหลบสายตาซวนหรวหยวนโม่ แต่นางก็ยังคงเหลือบมองการเคลื่อนไหวของซวนหยวนหรงโม่อยู่ตลอดเวลา
ตอนที่นางเห็นซวนหยวนหรงโม่จ้องมองถุงหอมของอ๋องเก้า ก็แอบรู้สึกตกใจ นางตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย ที่แท้ซวนหยวนหรงโม่ก็เห็นทุกอย่างแล้ว
ซวนหยวนหรงโม่คงไม่คิดจะเปิดโปงนาง จากนั้นก็ลงโทษนางหรอกใช่ไหม ?
ซวนหยวนหลี่เป็นพี่น้องกับเขา ส่วนนางเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
ไม่สิ ครั้งก่อนตอนที่อยู่ในตำหนักของไทเฮา ดูเหมือนจะล่วงเกินเขาด้วย ไทเฮายังทรงตรัสอีกว่า ตอนที่เขาหันมองตนได้เลิกคิ้วขึ้นด้วย คงเป็นเพราะไม่พอใจนางอย่างแน่นอน
ต้องพูดว่า เขาคือศัตรูที่ต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้งโดยไม่อาจเลี่ยงได้อย่างแท้จริง !