บทที่ 5 บีบบังคับ
บทที่ 5 บีบบังคับ
ช่วงเย็นซีเฉินกลับมาถึงจวนก็ได้รับรายงานจากพ่อบ้านโจวเรื่องที่เกิดขึ้น ซีเฉินมีสีหน้าราบเรียบทว่าแววตาเคร่งขรึมลงหลายส่วน
“พวกเจ้าออกไปให้หมด”
เขาสั่งให้คนของตนเองออกไปทั้งหมด เหลือเพียงพ่อบ้านโจวกับเขาสองคนเพียงลำพัง จากนั้นเขาก็เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“เจ้าบอกว่าหลายวันที่ข้าไม่อยู่ อนุของข้าไม่ได้รับอาหารจนต้องไปขออาศัยขออาหารจากเรือนของซื่อจื่อหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง เป็นความผิดของข้าน้อยเองที่ปล่อยปละละเลย กว่าข้อน้อยจะทราบเรื่องก็เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ บ่าวนางนั้นเพราะเป็นคนของพระชายานางจึงกล้ากำเริบเสิบสาน”
"ในจวนแห่งนี้เจ้าคือพ่อบ้านโจว ผู้ดูแลแต่กลับกล้าปล่อยให้คนของพระชายาทำเรื่องเช่นนี้โดยที่เจ้าไม่รู้เรื่อง พ่อบ้านโจวความผิดนี้สมควรรับโทษอย่างไรดี"
"เป็นข้าน้อยที่ผิดเองพ่ะย่ะค่ะ ทำให้อนุจื่อได้รับความลำบาก
" พ่อบ้านโจวคุกเข่าลง จากนั้นก็เริ่มตบหน้าตัวเองไปหลายครั้ง ทว่าซีเฉินเหมือนจะยังไม่พอใจ
"แรงเจ้าน้อยไป"
ในเวลานั้นเป็นซีเฉินที่เงื้อมือขึ้นแล้วตบใบหน้าของพ่อบ้านโจวอย่างแรงกระทั่งเลือดกบปาก ใบหน้าบวมเป่ง ทว่าพ่อบ้านโจวกลับไม่ร้องสักแอะยอมให้ซีเฉินตบจนพอใจ
หลังพ่อบ้านโจวพูดจบเขาก็ถูกซีเฉินตบหน้าอย่างแรงไปหลายครั้งจนใบหน้าของพ่อบ้านโจวบวมเป่งเลือดไหลออกมาจากมุมปาก ทว่าเขากลับไม่ขยับยอมรับการลงโทษแต่โดยดี
ซีเฉินตบคนจนโทสะทุเลา จึงนั่งลงแล้วเอ่ยถามเสียงราบเรียบ ราวกับว่าเรื่องตบหน้าพ่อบ้านโจวเมื่อสักครู่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“แล้วสาวใช้นางนั้นเล่า”
พ่อบ้านโจวเช็ดเลือดออกจากมุมปาก จากนั้นจึงพูดน้ำเสียงหนักแน่น
“หลังจากอนุจื่อหายดี นางก็จัดการสาวใช้จนนางผู้นั้นเจ็บไปหลายวัน บ่าวคิดจะลงมือสั่งสอนแต่นางเป็นคนของพระชายารั่วหนิงเกรงจะมีผลกระทบต่อท่านอ๋อง จึงได้ยั้งมือเอาไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
พ่อบ้านโจวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซีเฉินฟังโดยละเอียด ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชัดเจนนักเพราะปากของเขากำลังบวมเป่งกระทั่งตัวเขาเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้หลังจากที่สาวใช้นางนั้นก่อเรื่องไปแล้ว
“รั่วหนิงอยู่เบื้องหลังสินะ”
“ทั้งหมดเป็นคำสั่งพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
ซีเฉินส่งเสียงเย็น
“หึ ข้าสั่งเอาไว้แล้วแท้ ๆ ว่าห้ามแตะต้องคนของข้านางยังกล้าล้ำเส้นหรือ นางคิดว่าคำของข้าไร้ความหมายใช่หรือไม่”
“ท่านอ๋องจะให้จัดการอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“สาวใช้ที่กำเริบเสิบสานเจ้าคิดว่าควรทำอย่างไรเล่า ยังจะเลี้ยงดูเอาไว้ได้อีกหรือ จัดการนางให้พ้นหูพ้นตาข้าเสีย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ซีเฉินท่าทางครุ่นคิด
“เจ้าคิดว่าอนุจื่อแปลกไปหรือไม่”
พ่อบ้านโจวพยักหน้า
“พ่ะย่ะค่ะ ราวกับไม่ใช่อนุจื่อคนเดิม”
“เจ้าก็มองออกสินะ”
“ทุกคนในจวนนี้ล้วนมองออกพ่ะย่ะค่ะ หรือว่านางจะถูกพิษจนสติเพี้ยนไปแล้วจริง ๆ”
ซีเฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงโบกมือพ่อบ้านโจวประสานมือคารวะแล้วหมุนกายออกไปจัดการตามคำสั่งอย่างเร่งรีบโดยไม่สนใจบาดแผลของตนเอง
พ่อบ้านโจวให้คนลากบ่าวรับใช้นางนั้นไปโบยจนสลบไม่รู้เป็นตายจากนั้นก็ให้คนลากออกไปทิ้งเอาไว้ที่หอนางโลมเพราะเขาตัดสินใจยกสาวใช้คนนั้นให้หอนางโลมไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอันใด
เรื่องนี้เล่าลือกันไปทั่ว ดังนั้นทุกคนจึงหวาดกลัวที่จะทำให้อนุจื่อได้รับความลำบากใจเพราะเกรงจะถูกทำโทษ บัดนี้จึงให้ความสำคัญกับนางเป็นอย่างมาก
ซีเฉินให้คนไปตามจื่อเม่ยมาพบ นางก็มาหาเขาด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
ทว่าจะมีผู้ใดรู้ดีไปกว่านาง ถึงภายในใจจะกลัวเขาแค่ไหน จื่อเม่ยก็พยายามไม่แสดงออกเพราะนางรู้ดีว่าซีเฉินนั้นเป็นคนเช่นไร
หากนางยิ่งแสดงอาการหวาดกลัว เขาก็ยิ่งกดข่ม นางคลอดเขาออกมาด้วยปลายปากกาจะเสียหน้า หวาดกลัวตัวละครของตัวเองได้อย่างไร
หึ ไม่มีทางเสียหรอก
“หลายวันมานี้ข้าไม่อยู่ เจ้าได้รับความลำบากหรือ”
“อืม เป็นเช่นนั้นทำไมรู้สึกผิดต่อข้าหรือ”
เขายิ้มเย็น
“เจ้าสมควรโดนแล้วไม่ใช่หรือ”
จื่อเม่ยส่งเสียง หึ ออกมา จากนั้นก็ไม่พูดคำใดอีก
ซีเฉินนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางเรือน เขากำลังดื่มสุราบรรณาการที่ฝ่าบาทพระราชทานมาให้ด้วยสีหน้าราบเรียบ เขาคงดื่มมาได้สักพักแล้วจื่อเม่ยจึงเห็นว่ามีไหสุราเปล่าสองไหกลิ้งอยู่บนโต๊ะ
นางได้กลิ่นสุราร้อนแรงออกมาจากลมหายใจของเขา ท่าทางของเขาแม้จะดูปกติแต่ดวงตาที่แดงก่ำก็ทำให้นางรู้ว่าเขาคล้ายจะเมาแล้ว
ปกติซีเฉินคอแข็งมาก เหล้านี้คงแรงไม่ใช่เล่น
ซีเฉินจ้องนางอย่างเลื่อนลอย จื่อเม่ยยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางขาวเนียน ริมฝีปากแดงระเรื่อแม้ไม่ได้แต้มชาดและดูเหมือนว่านางไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางใดลงบนใบหน้าทว่ากลับงดงามหยาดเยิ้มจนซีเฉินรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว
ซีเฉินกระตุกแขนของนางเล็กน้อย จื่อเม่ยก็โผลงมานั่งบนตักของเขา ซีเฉินก้มลงมาดูดลำคอของนางแล้วเลื่อนริมฝีปากพรมจูบส่งเดชทั้งกอดนางแนบแน่น
จื่อเม่ยเหนื่อยหน่ายใจยอมให้เขากกกอดจากนั้นก็เงยหน้ามองพร้อมกับพยักหน้า
ซีเฉินคลอเคลียริมฝีปากอยู่บนกลีบปากของนางแต่เขากลับไม่ยอมจุมพิตเอ่ยถามแผ่วเบา
“ข้าไม่อยู่ เจ้าก็ยังก่อเรื่องจนได้สินะ”
จื่อเม่ยยอมรับ
“ข้าก่อเรื่องตีสาวใช้คนหนึ่ง ยังอยากจะตีนายของนางด้วยแต่ยังทำไม่ได้”
“เจ้าตัวแสบ”
“ข้าคิดว่าสิ่งที่ข้าทำยังนับว่าน้อยไป หากเทียบกับท่านที่ให้พ่อบ้านโบยนางไม่รู้เป็นตายแล้วยังลากไปทิ้งหน้าจวน ข้าไม่คิดว่าท่านจะสนใจเรื่องของข้าเพียงนี้ ทำไมโกรธหรือที่นางทำร้ายข้าจึงได้ลงมือแทนข้า”
ซีเฉินจ้องนางหัวเราะขบขันในลำคอ เขากัดปากของนางเบา ๆ มือลูบไปตามแผ่นหลังนุ่มนิ่ม จากนั้นจึงเอ่ยว่า
“เรื่องไร้สาระข้ามีหรือจะสนใจ ทว่าสาวใช้นางหนึ่งไม่เคารพเจ้านาย ข้าย่อมต้องลงโทษไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เจ้าอย่าคิดเข้าข้างตนเองไป ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้าสักนิด”
จื่อเม่ยยิ้มยกมือคล้องคอของเขาพร้อมทั้งเอียงคอท่าทางน่ารัก
“คราแรกข้ายังคิดว่าท่านจะเรียกข้ามาตำหนิเสียอีก แต่เผอิญได้ยินเรื่องที่ท่านทำก่อนก็เลยคิดว่า อืม ท่านก็มีคุณธรรมเหมือนกันจึงได้ปกป้องข้า แต่ตอนนี้รู้ความจริงแล้วจึงอดเสียใจนิด ๆ ไม่ได้”
“ไยเจ้าถึงดูได้ชอบใจเรื่องการลงมือทำร้ายคนนัก กลายเป็นปีศาจแล้วหรืออย่างไร”
จื่อเม่ยเอ่ยขัดทันใด
“เซียนแสนสวยไม่ใช่ปีศาจ จื่ออินที่ทรยศท่านตายไปแล้ว ต่อไปก็เลิกรังแกข้าได้แล้ว ท่านก็เห็นอยู่ว่าข้าไม่ใช่นาง”
เขาแค่นคำออกมา
“ไร้สาระ เจ้าไม่ใช่นางแล้วนางอยู่ที่ไหน”
“ลงนรกไปแล้ว นางวางยาพิษคิดลอบฆ่าท่านสมควรตกนรก”
“หึ อย่ามาพูดเอาใจข้า”
“ใครเขาจะอยากพูดเอาใจท่านกัน ข้าแค่พูดตามหลักเหตุผล”
“ไร้สาระ คนสารเลวเช่นเจ้าเพื่อเลี่ยงความผิดถึงกล้าแต่งเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ข้าบอกเจ้าให้รู้เอาไว้นะว่า ข้าหาได้สนใจไม่”
จื่อเม่ยขยับตัวจากนั้นจึงรินเหล้าให้เขาจนเต็มจอก พูดเบา ๆ
“ท่านอ๋อง ท่านก็รู้ว่าร่างกายของจื่ออินถูกพิษนางก็เลยตายเพราะพิษนั่น วิญญาณเทพข้ามาสวมแทน ท่านเห็นหรือไม่ว่าร่างกายของข้าขจัดพิษได้ นั่นก็เพราะข้าไม่ใช่คนของโลกนี้ไงเล่า”
แน่นอนว่าอย่างไรจื่อเม่ยต้องย้ำให้เขารู้ว่านางคือเทพเซียนที่มาเกิดใหม่ในร่างนี้ ซีเฉินส่ายหน้าเอ่ยเสียงเย็น
“หึ ยังไม่หยุดเพ้อเจ้ออีก”
จื่อเม่ยไม่ต่อปากต่อคำแล้ว นางส่งเหล้าให้ถึงปากเอ่ยเสียงหวานเอาใจใส่
“ท่านอ๋อง ดื่มเถิดข้าป้อนท่านเอง”
เขายอมรับสุราที่นางป้อนแต่โดยดี สายตายังจับจ้องที่จื่อเม่ยคนนี้ไม่วางตา
ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่านางไม่ใช่จื่ออินคนเดิมอย่างแน่นอน ท่าทางนี้ สายตาคู่นี้ การกระทำของนางทุกอย่างล้วนเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
คงเพราะฤทธิ์ของสุราที่ร้อนแรงเกินไป ชั่วเวลาต่อมาซีเฉินก็เหมือนจะเมาแล้ว เขาจ้องหน้าจื่อเม่ยเอ่ยพึมพำเกี่ยวกับจื่ออินไม่หยุด กระทั่งจื่อเม่ยรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาไม่น้อย
"ท่านอ๋อง ท่านอย่าคิดมากเลยนะ คนก็จากไปแล้ว"
ซีเฉินจ้องมองใบหน้างามครู่หนึ่ง เขาดื่มเหล้าไปหลายจอกจากนั้นสีหน้าก็พลันบิดเบี้ยว จื่ออินอย่างไรก็ยังเป็นนางที่ทรยศเขา ซีเฉินเริ่มคุ้มคลั่ง ถึงเขาจะไม่เคยรักผู้ใดแต่จื่ออินน้องสาวสหายของเขาคนนี้เขาก็ปกป้องมาโดยตลอด เมื่อถูกนางหักหลังเขาจึงรู้สึกเจ็บแค้นใจไม่น้อย
ทั้ง ๆ ที่เขาเชื่อใจ และนางคือคนเดียวที่เขาวางใจแต่นางกลับทอดทิ้งเขาไป!
“จื่ออินอันที่จริง ข้าคือสามีของเจ้า แต่ข้ากลับไม่รู้เลยว่าในใจของเจ้ามีคนอื่นและยังคิดฆ่าข้าเพื่อชายผู้นั้น เจ้ามันสารเลว!”
ซีเฉินเอ่ยอย่างเจ็บแค้นใจ เขาไม่ได้รักจื่ออินแต่เขาคิดว่าเขาไว้ใจนาง ทว่าเมื่อนางหักหลังเขาก็เจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด มือของเขาที่จับร่างของนางนั้นออกแรงมากขึ้น จับนางจนเจ็บไปถึงกระดูก
“ท่านอ๋อง โอ๊ย ข้าเจ็บ ปล่อยข้านะ! ทำไมท่านไม่ใจดีอ่อนโยนให้สมหน้าตาบ้าง หล่อเสียเปล่าแต่ไยใจดำเช่นนี้”
"ข้าหรือหล่อเหลา"
จื่อเม่ยพยักหน้า
"แน่นอน ข้าไม่ได้พูดเอาใจท่านนะ"
จื่อเม่ยพูดจริง ๆ ซีเฉินคนนี้เป็นคนที่หล่อเหลาเกินกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้เสียอีก ศูนย์รวมความหล่อนางมอบให้เขาทั้งหมดแล้ว ซีเฉินมีรูปโฉมที่งดงามอย่างเหลือล้น อะไรที่เรียกว่านัยน์ตาหงส์ อะไรที่เรียกว่าจมูกโด่งรับกับใบหน้า ริมฝีปากโค้งสมบูรณ์แบบและสูงศักดิ์ล้วนรวมอยู่ในตัวของบุรุษผู้นี้กลับไม่ได้ใจดีเหมือนหน้าตาสักนิด
"ในเมื่อเจ้าชอบข้า เช่นนั้นก็ต้องเป็นของข้า"
กลิ่นสุราคละคลุ้ง ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ลำคอทว่าท่าทางนี้ไม่ได้อ่อนโยนแม้แต่น้อย เขากอดนางจนร่างกายแทบจะแหลกละเอียด ใบหน้าเสียดสีนางจนเจ็บ ซีเฉินลงมือลงมือหนักหน่วง อุ้มร่างบอบบางมาที่เตียงก้มลงมาจูบสะเปะสะปะอย่างบ้าคลั่ง
"หยุด ท่านอ๋อง ข้าเจ็บ!"
ซีเฉินขาดสติแล้ว อย่างไรนางก็คือจื่ออินเขาตะโกนบ้าคลั่ง
"ข้าเกลียดที่สุดก็คือคนทรยศ"
เพราะพี่ชายของจื่ออินคือสหายที่เสี่ยงชีวิตปกป้องเขาจนตาย ก่อนตายซีเฉินรับปากว่าจะดูแลจื่ออินแทนเขา เพราะนางล้มป่วยร่างกายอ่อนแอไม่สามารถมีบุตรได้จึงทำให้ไม่มีผู้ใดต้องการ ซีเฉินจึงรับจื่ออินเข้าจวนในฐานะอนุเพื่อปกป้องดูแลเขาถนอมนางกว่าผู้ใด แต่นางกลับกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับเขา
ซีเฉินดวงตาแดงก่ำรวบมือบางเอาไว้เหนือหัว จากนั้นจึงทาบทับร่างใหญ่โตลงมาจนนางไม่สามารถขยับหนีไปที่ใดได้
แม้จื่อเม่ยจะพยายามออกแรงถีบและทุบตีเขา แต่ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนกับหินผาที่แข็งแกร่งที่ไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
"ขอร้องหยุดเถอะ ได้โปรด"
อย่างไรเขาก็ไม่ยอมหยุด ยิ่งนางดิ้นรนเขาก็รัดร่างงามแน่นขึ้นและยิ่งเจ็บคล้ายถูกคีมหนีบ
มือหนึ่งกดแขนของหญิงสาวอีกมือกระชากดึงตู้โตว่ [1] ปิดเนินนมด้านในให้ขาดออก ในตอนนี้เผยให้เห็นเพียงแต่เนินเนื้อนูนที่มียอดอกสีชมพูอวบอิ่มชูชัน อวดสายตาคนเลว
จื่อเม่ยย่อมรู้ชะตากรรมของนางดี เขาไม่มีทางปล่อยนางและนางต้องกลายเป็นนางบำเรอของเขาจริง ๆ
นางคิดหนีแต่ถูกจับได้จนถูกทำร้ายมาแล้ว ดังนั้นนางไม่คิดหนีอีกยังคิดจะทำตัวดี ๆ หวังให้เขาอ่อนโยนบ้าง ทว่าตอนนี้ท่าทางของเขาทำให้นางกลัวจริง ๆ แล้ว
ดวงตาคมจับจ้องสองเต้าอวบด้วยท่าทางหื่นกระหาย จากนั้นก็ก้มลงมาดูดกลืนด้วยอาการคล้ายคนหิวโซ ริมฝีปากตะโบมจูบก้อนเนื้อเต้าขวบอวบ ทั้งดูดและดื่มอย่างรุนแรงไร้ความปรานี
"ท่านอ๋อง เบา ๆ หน่อย ท่านอ๋อง เจ็บ โอ๊ย ข้าเจ็บ”
เขาไม่สนใจในเสียงร้องขอหรือความเจ็บปวดของนาง บัดนี้มีเพียงความสะใจในการกระทำของตนเองเท่านั้น
และแล้วอ๋องซีเฉินตัวร้ายในนิยายที่จื่อเม่ยสร้างขึ้นมาด้วยมือของตนเองที่มีจิตใจวิปริตเหี้ยมโหดผู้นี้ก็พลันดึงมีดสั้นออกมาแล้วกดเข้าที่ลำคอขาว บาดเนื้ออ่อนจนเลือดไหลซึมออกมาก็เอ่ยเสียงเย็น
“ดิ้นสิ ข้าจะได้ใช้มีดแทงลงไปตรงนี้ จากนั้นเจ้าก็จะตายไปอย่างไร้ค่า”
จื่อเม่ยกลัวจนแทบจะฉี่ราด ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ทั้งหุบปากโดยพลัน นางเห็นสีหน้าของอ๋องตัวร้ายผู้นี้แล้วก็ได้แต่ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว
นั่นมิใช่ว่านางเห็นไอสังหารในแววตาของคนชั่วผู้นี้หรือ จื่อเม่ยยังไม่อยากตายจริง ๆ บัดนี้นางจึงได้เพียงนอนนิ่งเหมือนศพไร้ลมหายใจ นางกลั้นใจพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
“ข้าไม่ดิ้นแล้ว ท่านเอามีดลงก่อนนะท่านอ๋อง อย่าวู่วาม”
“กลัวหรือ”
“อื้อ กลัว”
“รู้จักกลัวก็ดีแล้ว ปรนนิบัติข้าให้ดีถึงข้าไม่สัญญาว่าจะดีกับเจ้า แต่ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้าแน่นอน”
เมื่อเห็นนางนิ่งสงบเขาก็ยกมุมปากยิ้มชั่วร้ายโยนมีดทิ้งไปบนพื้นใต้เตียงจากนั้นจึงปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองและของนางออกจนหมด ทั้งกวาดสายตามองร่างงดงามด้วยสายตาราวกับสัตว์ร้ายก็ไม่ปาน
จื่อเม่ยหลับตาแน่น จำยอมโดยไม่เต็มใจ เขาเอ่ยเสียงเย็นเยือก
"ลืมตาหากว่าไม่อยากถูกควักลูกตาออกมา ข้าชอบให้เจ้ามองหน้าข้าระหว่างทำเรื่องนี้"
นิ้วแข็งปานหินจับเข้ายังปลายคางของนางให้หันจ้องมองตนเอง
จื่อเม่ยรีบลืมตาขึ้นทันใด ยิ่งเห็นแววตาดุดันน่ากลัวนี้ก็แทบอยากจะหลับตาอีกครั้ง แต่ใครจะกล้าล่ะ
น่ากลัวชะมัด!
">[1] ตู้โตว่ เป็นเสื้อบังทรงเป็นชุดยาว ชั้นใน