3
หลี่เฉินกงที่ไม่ใช่หลี่เฉินกง
ผู้ชายตัวสูงในชุดสูทสีกรมท่า เรือนผมถูกตัดสั้นตามแบบสมัยนิยม มันถูกหวีจัดทรงเรียบร้อยเป็นทรงแบบที่พวกผู้บริหารทำกัน เมื่อได้เห็นใบหน้าเขาในครั้งแรกอ้ายฉิงตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
ทำไมหลี่เฉินกงถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
เขากำลังพูดสายอยู่กับใครบางคนด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเคร่งเครียด ดูจากแอกเซสซอรีต่าง ๆ ที่เขาใช้แล้วบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้อยู่ระดับไหน หากเป็นคนทั่วไปไหนเลยจะใช้เครื่องประดับราคาแพงขนาดนี้ อ้ายฉิงอยากรู้ว่าเขาจะใช่คนเดียวกันกับที่เธอคิดไหม
หลี่เฉินกงรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองจึงหันหลังไปดู พบผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมองเขาอย่างไม่วางตา ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดคนป่วยวีไอพี เธอดูสวยแต่ซีดเซียว ดูไร้เรี่ยวแรง คงจะเป็นหนึ่งในคนป่วยที่มารักษาตัวที่นี่อย่างนั้นละมั้ง ตอนแรกเขาพยายามจะไม่ใส่ใจแต่เธอยืนจ้องเขาอยู่แบบนั้นจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองเขาด้วยสายตายากจะคาดเดา มันเจือไปด้วยความสับสน โหยหา ใช้สายตาราวกับว่าเขาและเธอรู้จักกันมาอย่างยาวนานลึกซึ้ง
‘แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันโทรกลับไปใหม่’ หลี่เฉินกงตัดสายสนทนาทิ้ง
เขาก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอแล้ว อ้ายฉิงทำท่าจะหลบกลับไปที่รถเข็น แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ผู้ชายคนนั้นก้าวเข้ามายืนขวางทางเธอ และยืนห่างจากเธอแค่ก้าวเดียว มันใกล้เสียจนเธอได้ยินเสียงลมหายใจของผู้ชายคนนั้น
“คุณรู้จักผมเหรอครับ” หลี่เฉินกงถามผู้หญิงแปลกหน้า เขามักจะโดนผู้หญิงเข้ามาตีสนิทด้วยลักษณะแบบนี้อยู่บ่อย ๆ
จากคำทักทายประโยคแรกของเขานั่นแสดงว่าเขาไม่รู้เรื่องในโลกของม่านฮวาและไม่รู้จักเธอ อ้ายฉิงยิ้มขมขื่น เธอคาดหวังอะไรกัน คาดหวังว่าจะเจอเขาในโลกนี้เหรอ เธอบ้าไปแล้วเหรอ
“เปล่าค่ะ คุณแค่ดูคล้าย...คนที่ฉันรู้จัก” อ้ายฉิงพูดเท็จ เพราะเธอไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้าง
หลี่เฉินกงยิ้มมุมปาก ผู้หญิงที่เข้าหาเขาใช้ไม้นี้กันทั้งนั้น
“ผู้หญิงหลายคนก็พูดแบบนี้” คนตัวสูงยืนล้วงกระเป๋า “แล้วผมหน้าเหมือนใครล่ะครับ คนในฝันของคุณหรือเปล่า” เขาแสดงท่าทีไร้มารยาท
อ้ายฉิงตกใจกับท่าทีไร้มารยาทของเขา หลี่เฉินกงไม่ว่าจะในโลกหนี้หรือในโลกไหนเขาก็ยังเป็นมนุษย์หลงตัวเอง
คนตัวเล็กปรายตามองเขาเพียงครู่เดียวอย่างรู้สึกรำคาญ ก่อนจะค่อย ๆ หอบร่างไร้เรี่ยวแรงกลับไปที่รถเข็น เธอนึกบ่นถังเจิ้งเหอในใจ ทำไมเขาถึงไปนานขนาดนี้และยังทิ้งเธอไว้คนเดียว
นอกจากเธอจะไม่ตอบคำถามสุดท้ายของเขาแล้ว สายตาเย่อหยิ่งของผู้หญิงนั้นยังทำเอาหัวใจเขาคันยุบยิบ จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่กล้าปฏิเสธเขา
ถ้าไม่ใช่เสิ่นอ้ายเหริน!!
หลี่เฉินกงยืนกอดอกพิจารณาผู้หญิงคนนี้อยู่ห่าง ๆ หากอยู่ในช่วงเวลานอกเหนือจากนี้เธอต้องเป็นผู้หญิงที่เจิดจรัสมากคนหนึ่งแน่ ๆ ตัวเล็กบอบบาง แม้กระทั่งตอนที่ซีดเซียวเช่นนี้ก็ยังไม่ทิ้งเค้าลางความสวย
ร่างกายของอ้ายฉิงตอนนี้ดูเหมือนจะใช้พลังมากเกินไปแล้ว แข้งขาของเธออ่อนแรงไปหมด คิดเอาไว้ว่าหลังจากนี้จะต้องรีบทำกายภาพให้หนัก ๆ เพื่อที่จะได้แข็งแรงโดยเร็วที่สุด เผื่อว่าสักวันเธอจะได้เป็นอิสระจากตระกูลเสิ่นเร็ว ๆ
แต่ก้าวได้เพียงก้าวเดียว ร่างบอบบางของอ้ายฉิงก็ทรุดตัวลงกับพื้นกระเบื้องของโรงพยาบาล
“คุณ!!!” หลี่เฉินกงรีบก้าวเข้ามาหาคนตัวเล็ก “จะไปไหนให้ผมช่วยไหม” เขามีมนุษยธรรมมากพอเห็นคนกำลังลำบากก็ต้องช่วยเหลือ
อ้ายฉิงปัดแขนเขาออก “มีอะไรก็ไปทำเถอะค่ะ”
“ให้ผมช่วยเถอะ นั่นรถเข็นคุณใช่ไหม” เขาชี้มือไปที่รถขนที่จอดทิ้งไว้ไม่ห่าง
“บอกว่ามีอะไรก็ไปทำไงคะ เดี๋ยวคนของฉันก็มาแล้ว” อ้ายฉิงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เธอไม่อยากถูกเขามองด้วยสายตาไร้มายาท
‘แผนเรียกร้องความสงสารงั้นเหรอ’ หลี่เฉินกงคิดในใจ และดูเหมือนจะได้ผลเขาเริ่มรู้สึกสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นมานิดหนึ่ง
บอดี้การ์ดหนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากซื้ออาหารเห็นนายหญิงคนใหม่ของตนกองอยู่ที่พื้นและมีผู้ชายที่ไม่รู้จักนั่งอยู่ข้างกัน เขารีบวางถาดอาหารในมือและปรี่เข้ามาผลักผู้ชายคนนั้นให้ออกห่าง
“คุณหนู” ถังเจิ้งเหอเข้ามาอุ้มคนตัวเล็กกลับไปนั่งรถเข็น
เพราะเมื่อครู่ไม่ระวังตัวทำให้หลี่เฉินกงล้มคว่ำไม่เป็นท่า บอดี้การ์ดของหลี่เฉินกงเองก็เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น รีบกรูกันเข้ามาจะเอาเรื่องถังเจิ้งเหอ
บอดี้การ์ดหนุ่มอยู่ในท่าเตรียมพร้อมรับมือ
“อาเหออย่า” อ้ายฉิงรั้งแขนห้ามบอดี้การ์ดของตัวเองไว้
ส่วนหลี่เฉินกงก็ห้ามคนของตัวเองไว้เหมือนกัน คนตัวสูงมองสองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ยินดียินร้าย เมื่อครู่แสดงว่าเธอจำคนผิดจริง ๆ สินะ คนตัวสูงยิ้มยียวน ดวงตาของเขาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
เขาคือหลี่เฉินกงแน่ ๆ แต่ไม่ใช่หลี่เฉินกงของเธออีกต่อไปแล้วคนตัวเล็กไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง
“คุณผู้หญิง เราได้เจอกันอีกแน่ ผมชักเริ่มสนใจคุณขึ้นมาจริง ๆ แล้วสิ” เขามองคนบนรถเข็น
อ้ายฉิงแสร้งไม่ได้ยิน
“อาเหอ ฉันไม่กินแล้วกลับห้องเถอะ”
“ครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มรับคำจากนั้นจึงเข็นรถออกไปจากบริเวณ
หลี่เฉินกงรู้สึกสนใจผู้หญิงคนนี้อย่างบอกไม่ถูก เขาเดินตามคนทั้งคู่ไปอย่างห่าง ๆ และพบว่าพวกเขาขึ้นไปที่โซนวีไอพี ระดับสูงสุดและไม่ใช่เรื่องยากที่หลี่เฉินกงจะขึ้นไปเช่นกัน เขามองคนตัวเล็กที่นั่งเศร้าสร้อยอยู่บนรถเข็น แววตาของเธอเศร้าอย่างแปลกประหลาด คล้ายกับมีเรื่องมากมายให้คิด
ไม่นานพวกเขาก็เข้าไปในห้องห้องหนึ่ง จากนั้นคนของตระกูลเสิ่นที่เขาคุ้นเคยดี ก็เพิ่งทยอยออกมาจากลิฟต์ โดยมีเสิ่นเหยาซิ่วเดินนำหน้า ครอบครัวคนอื่น ๆ เดินตามหลัง และแน่นอนว่าวันนี้เสิ่นอ้ายเหรินก็มาด้วย
เขาได้ยินมาว่าคุณหนูเล็กตระกูลเสิ่นป่วยเป็นเจ้าหญิงนิทรา หรือว่าคนที่พวกสื่อพูดถึงจะเป็นเธอ
“คุณคือเสิ่นอ้ายฉิงงั้นเหรอ”
หลี่เฉินกงลอบยิ้ม มีเรื่องสนุกให้ทำอีกแล้ว เขามองหมวกในมือที่หยิบติดมาด้วยอย่างมีแผน