บทที่5
ห้องทำงานของรณชัย สวรรยา ประธานกรรมการบริษัทเอส วาย โปรเจ็คท์ อยู่บนชั้นบนสุดของอาคารรูปทรงทันสมัยสูงห้าชั้นผลงานการออกแบบของบุตรชายคนรอง...รัชพล สวรรยา หรือ ริกคาร์ด ทั้งภายในและภายนอกอาคารตกแต่งแบบเรียบง่าย เน้นพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัวและดูเรียบโล่ง สบายตา ซึ่งก็เป็นผลงานการออกแบบของไลลา สวรรยา...บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของเขาเช่นกัน
และหากใครจะถามถึงการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งนี้แล้วล่ะก็... รณชัยก็จะตอบได้อย่างภาคภูมิใจยิ่งว่า...บุตรชายคนโต ผู้ซึ่งเขาวางอนาคตให้เป็นผู้สืบสานธุรกิจต่อจากเขาเป็นผู้ควบคุมดูแลการก่อสร้างเองกับมือ
ลูกๆ ทุกคนของเขาไม่เคยทำให้เขาผิดหวังและไม่เคยนำความเดือดร้อนมาสู่เขาสักครั้ง แม้ว่าบุตรชายทั้งสองออกจะเจ้าชู้ โดยเฉพาะรัชพลที่บวกความเจ้าสำราญเข้าไปอีกข้อ แต่รณชัยก็คิดเสียว่าเป็นธรรมดาของลูกผู้ชายที่จะต้องมีสนุกสนานและออกนอกลู่นอกทางบ้าง หากก็มิได้หมายความว่าจะเกินขอบเขตอันสมควร
เขากำลังมองทิวทัศน์เบื้องนอกกระจกใสที่สูงจากเพดานจรดพื้นห้อง เมื่อรัชพลเดินเข้ามา ผู้เป็นลูกเดินตรงมายังโต๊ะทำงานของเขาและทรุดนั่งลงบนเก้าอี้หนึ่งในสองที่ตั้งอยู่ตรงข้าม สีหน้าไม่ได้บอกความสบายอกสบายใจมากนัก
“ว่าไง นายริก มาถึงเร็วจริงวันนี้ นี่มันเพิ่งจะเที่ยงเอง”
ผู้เป็นพ่อเลื่อนสายตาจากทิวทัศน์ด้านนอกมาจับอยู่ที่บุตรชายคนรองพลางเอ่ยทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ประชุมบ่ายโมงตรงไม่ใช่เหรอครับพ่อ”
รณชัยก้มศีรษะรับ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มเป็นเชิงสัพยอก
“มันก็ใช่ แต่ทุกทีฉันเห็นแกมาตอนจวนเจียนเวลาประชุมอยู่รอมร่อ มีปัญหากับสาวคนไหนของแกหรือเปล่าล่ะ ถึงได้ต้องเปิดแน่บมาทำงานอย่างนี้”
รัชพลตวัดสายตามองบิดา เอื้อมไปหยิบคริสตัลสลักเป็นรูปหอคอยมาถือไว้ในมืออย่างไม่รู้จะทำอะไร
...พ่อเดา ‘ถูก’ อีกแล้ว...
รัชพลกำลังนึกเซ็งๆ เมื่อเช้านี้เขาเห็นภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ซึ่งพี่ชายตัวดีเอาไปประเคนให้ถึงห้องนอนในคอนโดมีเนียมส่วนตัวที่ทั้งเขาและพี่ชายอยู่ร่วมกัน
“ริก...ริก นายลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย”
ไม่เรียกเปล่า รณภพเดินไปที่หน้าต่าง เปิดม่านออกให้แสงเช้าสาดเข้ามาได้เต็มที่ คนที่ยังไม่อยากลุกจากที่นอนจึงจำต้องปรือตามองอย่างเสียไม่ได้ รัชพลเท้าศอกกับที่นอนหนานุ่มพลางทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงเอากับคนเป็นพี่
“โธ่ อะไรกัน พี่เรน นี่มันกี่โมงเอง วันนี้ประชุมบ่ายไม่ใช่เหรอ ยังมีเวลาอีกถมถืดน่า...”
หนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่งหล่นปุมาตรงหน้าเขา
“แกดูซิ...ดาราที่เป็นข่าวนี่ ใช่คนเดียวกับที่แกคั่วอยู่เมื่อเดือนก่อนหรือเปล่า”
เขาหยิบหนังสือพิมพ์มาดูเพียงชั่วแวบแล้วส่งคืนพี่ชายโดยไม่แม้แต่จะอ่านตัวหนังสือที่พาดหัวใหญ่โตนั้นสักนิด
“อือ...ใช่ ผมนอนต่อได้ยังล่ะ”
เขาซุกศีรษะตัวเองลงกับหมอนนุ่มฟู ...ยังเช้าอยู่อย่างนี้ เตียงก็น่านอนถึงเพียงนี้ พี่ชายจะเอาข่าวดาราบันเทิงมากวนเขาทำไมกันนะ...
“เขาหย่ากับผัวตากล้องแล้ว!”
เท่านั้นก็เหมือนโดนสาดด้วยน้ำเย็นจัด รัชพลลุกพรวดขึ้นมานั่งทันที ดวงตาที่หรี่ปรือเพราะความง่วงงุนเมื่อสักครู่ลุกโพลง เขาเงยหน้ามองพี่ชายที่ยืนเท้าเอวมองมานิ่งๆ
“อะไรนะ พี่...!”
“ที่ได้ยินน่ะถูกแล้ว นี่ไงเขาจัดแถลงข่าวเมื่อวานนี้”
พี่ชายเอานิ้วจิ้มลงไปบนหนังสือพิมพ์ที่บอกสถานที่จัดงานแถลงข่าว แล้วก็พูดต่อด้วยเสียงเรียบๆ ตามแบบของเขา
“นี่ดีเท่าไรแล้ว ที่ในข่าวเขาพาดพิงไปถึงพระเอกหนุ่มคนไหนไม่รู้ ว่ากำลังพัวพันอยู่กับแม่อะไรนะ...”
“มาลินี…”
คนเป็นน้องต่อให้เสียงอ่อน รณภพทรุดลงนั่งบนเตียงก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงดุจเดิม
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าจะไปยุ่งกับผู้หญิงมีพันธะแล้วน่ะ แกต้องดูให้ดีๆ ก่อน ไม่ใช่นึกอะไรง่ายๆ เข้าไว้ ให้ตายเถอะ...ริกคาร์ด ฉันไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งกับผู้หญิงที่มีพันธะเลย นอกจากว่าจะแน่ใจว่าหล่อนจะเข้าใจจุดประสงค์ของความสัมพันธ์ได้ตรงกับฉัน”
“โธ่! ”
คนเป็นน้องเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ คิ้วเข้มขมวดมุ่นจนแทบจะชนกัน
“ทำอย่างกับพี่ไม่เคยงั้นแหละ ผมจำได้น่า...ตอนนั้นพี่ไปคั่วกะแม่อะไรนะ จนผัวเขาฟ้องหย่า แม่นั่นถึงได้มาตามเกาะพี่แจเป็นตุ๊กแกอยู่นานสองนาน”
น้องชายขุดคุ้ยเรื่องราวเมื่อครั้งผู้เป็นพี่ยังคงเป็นหนุ่มรุ่นคะนองมาเอ่ยอ้าง
รณภพยิ้มอย่างยอมรับ ตอนนั้นเขาเพิ่งจะยี่สิบเจ็ด...ยี่สิบแปด อารมณ์และความยั้งคิดยังมีน้อย บวกกับความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ทำให้เขาไม่มองอะไรสำคัญกว่าความต้องการของตัวเอง แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เขาก็ระวังตัวมากขึ้นในการคบหาผู้หญิงซึ่งมีพันธะ เขาจะไม่ยอมมีอะไรลึกซึ้งกับพวกหล่อนเหล่านั้น แม้จะถูกใจแค่ไหนก็เพียงแต่นัดกันไปทานข้าวหรือฟังเพลงเท่านั้น ยิ่งพักหลังๆ อย่าว่าแต่ผู้หญิงมีพันธะเลย กระทั่งผู้หญิงโสด เขาก็แทบจะไม่คบหา
ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อกับความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยชั่วคืน ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นกับเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ทว่ามันค่อยๆ รุนแรงขี้นทุกขณะ เพียงแต่เขาไม่ได้ต่อต้านหรือห้ามปรามหากน้องชายจะยังคงสนุกกับความสุขชั่วคราวของเขา บางครั้งออกจะสนับสนุนด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะเวลาที่เขาแกล้งเข้าข้างน้องชายเพื่อยั่วน้องสาวเล่น
...ก็น้องสาวของเขายั่วขึ้นนี่นา...
ยั่วนิด...ยั่วหน่อย เจ้าหล่อนก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แล้วพอไม่มีใครเข้าข้าง หล่อนก็เอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาข่ม เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่า...อ้ายเจ้าประคู้นของหล่อนนี่...เจ้าพ่อ เจ้าแม่องค์ไหนกันหนอ...
รณภพคิดว่า เขาคงจะอายุมากขึ้น จึงทำให้มองเรื่องทำนองชู้สาวไปในทางไร้สาระ...ฉาบฉวย และมองหาสิ่งซึ่งมีความมั่นคงมากกว่า และบางทีมันก็คงจะถึงเวลาแล้ว ที่เขาจะมองหาใครสักคนหนึ่งมายืนเคียงข้าง
ผู้ชายอายุสามสิบสามอย่างเขาควรจะเริ่มต้นชีวิตคู่ได้แล้ว พ่อของเขายังเริ่มชีวิตแต่งงานเมื่อครั้งมีอายุเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้นเอง แม้ว่าชีวิตการแต่งงานของพ่อจะจบลงด้วยการที่แม่ขอหย่าแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านเกิดของแม่ เพราะ...ทนความเจ้าชู้ของพ่อไม่ได้ แต่สำหรับเขา เขาไม่คิดว่าชีวิตการแต่งงานของเขาจะจบลงเช่นนั้น เหตุว่าเขาได้ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน...หัวหกก้นขวิดมาเยอะ และตอนนี้ก็รู้สึกเต็มอิ่มแล้ว
