บทที่3
ไลลากดปุ่มเรียกลิฟต์แล้วก็ถอยออกมายืนรอในระยะที่มองเห็นตัวเลขสีเขียวที่บอกว่าลิฟต์อยู่ ณ ชั้นใดของตัวอาคาร คอนโดมีเนียมแห่งนี้มีลิฟต์ขึ้นลงถึงสี่ตัวด้วยกัน หากตอนนี้มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่กำลังเคลื่อนลงมาและมันเคลื่อนลงมาจากชั้น 14 ชั้นซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องพักของหล่อนด้วยเช่นกัน ทว่าหญิงสาวมิได้เฉลียวใจ
คอนโดมีเนียมแต่ละชั้นมีห้องพักเพียงสี่ยูนิตเท่านั้น และสองในสี่ก็เป็นของหล่อน ที่เหลืออีกสอง...หนึ่งเป็นของฝรั่งต่างชาติที่ผู้จัดการคอนโดมีเนียมบอกว่า เขาซื้อทิ้งเอาไว้และจะมาอยู่เพียงปีละครั้งตอนช่วงหน้าหนาว อีกหนึ่ง...เป็นของคิม สิรภพ พระเอกหนุ่มมาแรง ซึ่งไลลาหมายหัวเอาไว้ว่าเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงควรจะหลีกเลี่ยงไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไลลายังคงยืนคิดอะไรอยู่เงียบๆ หล่อนจึงไม่เห็นว่า ตัวเลขสีเขียวหน้าลิฟต์นั้นลดลงจากเลขสาม...สอง แล้วก็มาเป็น...หนึ่ง เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ไลลาจึงยังมิได้ตั้งตัว ใครคนหนึ่งซึ่งก้าวเท้าออกมาจากตัวลิฟต์เกิดอาการชะงักกะทันหัน เมื่อมองเลยไปด้านหน้าตรงประตูทางเข้าแล้วพบว่ามีกลุ่มนักข่าวยืนออกันอยู่แน่นขนัด และเมื่อหนึ่งในกลุ่มนักข่าวชี้มาที่เขา ด้วยความคิดอันว่องไว...ชายหนุ่มฉวยข้อมือคนที่ยืนคิดอะไรเพลินๆ แล้วออกแรงดึงกึ่งลากหล่อนไปยังประตูด้านหลังซึ่งเป็นทางออกสู่ลานจอดรถอีกทางหนึ่ง
“เฮ้ย...นั่น คิมหรือเปล่า”
หนึ่งในกลุ่มนักข่าวเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นประตูลิฟต์เปิดออก พร้อมกับที่ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมา
“ไหนวะ...”
คนบอกชี้ไปยังผู้ที่ตนสงสัยว่าจะเป็นพระเอกชื่อดังที่ทุกคนต่างก็เฝ้ารอ คนอื่นๆ เริ่มสนใจและหันมามองเป็นตาเดียวกัน เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความลิงโลด
“ใช่...ใช่...เฮ้ยย....ไปกันโว้ย จะได้กลับไปทำงานทำการอย่างอื่นต่อเสียที เสียเวลามาเกือบทั้งเช้าแล้ว”
“แล้วนั่นคิมพาใครมาด้วยวะ เฮ้ย...เร็วๆ วิ่งหนีไปข้างหลังแล้ว”
อีกคนตะโกน เมื่อเห็นดาราหนุ่มวิ่งไปพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ต่างคนก็ต่างมองหน้ากันด้วยสงสัย และสับสน...เพราะตามข่าวที่ได้มา คิม สิรภพ คบหากับมาลินี ดารา อย่างแน่นแฟ้นสนิทสนมเกินขอบเขตของคำว่าเพื่อน เมื่อนักข่าวคนหนึ่งแอบเก็บภาพพระเอกหนุ่มขณะออกมาจากที่พักของดาราสาวตอนเช้าตรู่...
เช้าขนาดนั้น จะคิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร นอกเสียจากว่า...ทั้งคู่คบหากัน...สนิทสนมเป็น ‘พิเศษ’
แต่ฝ่ายชายก็ปฏิเสธ บอกว่าเป็นการเข้าใจผิด ส่วนฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งเมื่อวานนี้ที่มาลินีจัดแถลงข่าว...ประกาศแยกทาง
รักร้าวระหว่างดาราสาวกับตากล้องมือหนึ่งของวงการบันเทิง...พอล ธนรักษ์
ทุกคนจึงพุ่งเป้ามาที่...มือที่สาม ต้นเหตุแห่งรักร้าวครั้งนี้ ทั้งที่เพิ่งจะครบรอบวิวาห์เมื่อต้นเดือนเท่านั้นเอง
มือที่สามนั้น จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...คิม สิรภพ เพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่พัวพันอยู่กับดาราสาวที่เปลียนสถานะมาเป็นม่ายเนื้อหอมภายในชั่วข้ามคืน!
“ผู้หญิงคนนั้น...คนที่ขอทางผมไปเมื่อกี้นี้”
“ใช่..ใช่ คนนั้นไง...คนที่ผมบอกว่าเหมือนดาราไงพี่...”
อีกคนสำทับแข็งขัน ในใจนึกเสียดายตงิดๆ ที่ไม่ตามไปขอถ่ายรูปหรือสัมภาษณ์แต่แรก แล้วดูซิ...ตอนนี้หล่อนกลายเป็นหัวข้อข่าวชินโบแดงไปแล้ว...
“อย่าเพิ่งพูดมาเลยว่ะ ตามไปเก็บข่าวดีกว่า เดี๋ยวจะพลาดอีกหน”
ไลลาสะดุ้งตกใจพยายามสะบัดมือให้พ้นจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย ทว่าไม่สามารถต้านทานมือที่แข็งปานคีมเหล็กของเขาได้ ตัวหล่อนเซหลุนๆ ตามเขาไป ไม่ทันจะได้ขืนหรือยั้งตัวไว้ด้วยว่ากำลังยืนเหม่อไม่ทันระวังตัว หล่อนจึงไม่มีหลักพอที่จะแข็งขืน
ทว่าหล่อนก็ฤทธิ์มากพอดู...เพราะเมื่อเห็นว่าไม่สามารถดิ้นหลุดไปได้ เจ้าหล่อนก็กัดหมับเข้าให้ที่แขนด้านซ้ายของเขา
“โอ๊ย...นี่คุณจะบ้าเหรอ กัดมาได้ เจ็บชะมัด”
ชายหนุ่มโวยลั่น
“คุณน่ะแหละ...บ้า ลากมาฉันทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันกัดคุณเหวอะแน่”
คำขู่ของหล่อนไม่ได้ผล เขายังคงฉุดลากหล่อนต่อไปเรื่อยๆ และยิ่งเพิ่มแรงมากขึ้นเมื่อปรายตาไปยังเบื้องหลังของหล่อนแล้วเห็นกลุ่มนักข่าววิ่งตามออกมาจากประตูเล็กที่เขากับหล่อนเพิ่งวิ่งออกมาสักครู่
“ปล่อย...ปล่อย นี่คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
ไลลาโวยวายไปตลอดทาง แต่ก็มิได้ทำให้คนตัวโตหยุดยั้งการฉุดดึง หล่อนถูกลากถูลู่ถูกังจนมาถึงบริเวณลานจอดรถภายในตัวอาคาร
“อีตาบ้า คนผีทะเล ไอ้โจรห้าร้อย...”
สารพัดที่ไลลาจะยกมาด่าว่า หากอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ ซ้ำยังหันมาดุหล่อนเสียอีก
“นี่คุณ...เงียบซะทีได้มั้ย แล้วก็ตามผมมาดีๆ ไม่งั้นผมไม่รับรองความปลอดภัยของคุณ”
“ทำไมคุณจะทำอะไรฉัน ! ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วทำท่าใช้ความคิด
“อะไรก็ได้ที่จะทำให้คุณสงบเสียที แล้วก็ตามผมมาดีๆ คุณอยากให้ทำอะไรดีล่ะ ทุบหัว หรือว่า ต่อยท้องดี”
เขาเสนอทางเลือกให้ หญิงสาวฟังดูแล้วก็ได้แต่เบะปาก ไม่เห็นมีทางไหนน่าเลือกทั้งนั้น หล่อนเริ่มสงบ...นิดหน่อย อย่างน้อยหล่อนก็ไม่อยากเจ็บตัว
เมื่อวิ่งมาถึงรถกระบะขับเคลื่อนสีล้อสีบรอนซ์เงินคันใหญ่ยี่ห้อเดียวกันกับของไลลา ชายหนุ่มก็หยุดวิ่งยืนเอาตัวพิงรถอย่างเหนื่อยอ่อน เขามองไปข้างหลังเพื่อดูให้แน่ใจว่ามีใครตามมาหรือไม่ หากก็รู้ว่าไม่มีอะไรกีดขวางพวกนักข่าวเหล่านั้นได้ อีกภายในไม่กี่วินาทีพวกนักข่าวจะต้องตามมาถึงนี่แน่ แต่ไหนๆ ก็วิ่งมาถึงรถแล้ว จะพักสักสองนาทีก็คงจะไม่เป็นไรหรอกน่า...
หญิงสาวที่เขาฉุดข้อมือให้วิ่งมาด้วย ยืนก้มหน้าเอามือยันเข่าอย่างอ่อนแรง เขาจึงมีโอกาสเพ่งพินิจเสี้ยวหน้าด้านข้างของหล่อนในขณะที่เจ้าตัวกำลังเผลอ จากหน้าตา ผิวพรรณ...บ่งบอกว่า หล่อนมีสายเลือดผสม จมูกโด่งเป็นสัน รับกับปากสวยได้รูปสีชมพูอ่อนราวกุหลาบแรกแย้ม และโหนกแก้มสูงเรื่อสีเดียวกัน
เจ้าหล่อนหอบน้อยๆ เพราะต้องออกแรงวิ่งมาไกล แถมคงจะโมโห เลยยิ่งทำให้เหนื่อยเข้าไปใหญ่ พอเริ่มหายเหนื่อย เงยหน้ามาได้ หล่อนก็ตั้งท่าจะบริภาษเขาต่อทันที หากชายหนุ่มชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“หยุดเลยคุณ ตะกี้ผมบอกว่ายังไง ลืมไปแล้วเหรอ”
หล่อนหยุดความคิดที่จะพูดเพียงนั้น แต่เขาเห็นจุดเขียวสว่างเรืองในดวงตาสีน้ำตาลใสของหล่อน นี่ถ้าไม่โดนขู่ไว้หล่อนคงเป็นแม่เสือดีๆ นี่เอง
หญิงสาวแอบพิจารณาชายหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เขาดูสูงใหญ่ บึกบึนสมชาย ผิวสีแทนของเขายิ่งทำให้ดวงตาใหญ่ยาวรีที่เหมือนจะยิ้มได้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น จมูกได้รูปสวย กับเรียวคางแข็งแรงที่มีไรเคราเขียวจางๆ ขับให้หน้าตาของเขาดูคมเข้มยิ่งขึ้น
...รูปร่าง หน้าตาอย่างนี้ เป็นดาราได้สบาย...
เมื่อคำนั้นแล่นปราดสู่ห้วงความคิด เลขชั้นที่ปรากฏเหนือลิฟต์โดยสารปรากฎเป็นภาพลางเลือนอีกครั้ง หญิงสาวค่อยปะติดปะต่อชิ้นจิ๊กซอว์เข้าด้วยกันกลายเป็นภาพผืนใหญ่กระจ่างชัด
...อีตาพระเอกนั่น !...
ปากไว้เท่าความคิด หญิงสาวก็โพล่งออกมาด้วยเสียงเกือบจะเป็นตะโกน
“คิม สิรภพ”
“ครับ นั่นชื่อผม”
เจ้าของชื่อยิ้มพรายพร้อมหลิ่วตาให้หล่อน ด้วยท่าทีที่หากเป็นสาวอื่นคงจะเข่าอ่อนกันไปแล้ว แต่สำหรับไลลา...ไม่มีวันเสียล่ะ! เจ้าหล่อนชี้หน้าเขา พูดด้วยเสียงอันดังฟังชัด
“อ๋อ...อีตาพระเอกที่ชอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้านเขา !”
สิ้นคำ...คนที่ถูกกล่าวหาหน้าผิดสีไปนิดหนึ่ง กระนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายจับความรู้สึกได้ เจ้าหล่อนลดมือลง ทว่ายังคงวางฟอร์มและตั้งท่ารังเกียจเขาเต็มที่ ทว่าก่อนที่เขาจะแก้ตัว เสียงอึกทึกก็ดังมาจากทิศทางที่ทั้งสองวิ่งผ่านมา
...ตายล่ะหว่า...ขืนยืนเถียงอยู่อย่างนี้ มีหวังได้เปลี่ยนจากเถียงมาเป็นแถลงแทนแน่ ๆ...
เท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ชายหนุ่มผลักคนที่ยังคงยืนหอบตัวโยนให้ขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมทั้งขู่สำทับ
“นั่งเฉยๆ ไม่ต้องคิดหนี ถ้าไม่อยากเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งกับพระเอก ‘ชู้’ อย่างผม”
