บทที่2
เสียงพูดคุยกันของนักข่าวเมื่อครู่นั้น แม้จะไม่ดังนัก หากก็ทำให้หญิงสาวที่เพิ่งเดินพ้นประตูได้ยินอย่างถนัดชัดเจน หล่อนระบายยิ้มที่มุมปาก อย่างน้อยหล่อนก็รู้ว่านักข่าวมายืนรอกันทำไม แม้จะไม่รู้จักบุคคลที่ถูกพาดพิงกล่าวถึงทั้งคู่นั้นก็ตาม
ไลลาถอดแว่นดำออก เกี่ยวไว้ตรงคอเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อดีสีขาวที่กลายเป็นยูนิฟอร์มของหล่อนไปโดยปริยาย หญิงสาวจำได้ว่าตัวเองหลงใหลเสื้อเชิ้ตขาวนี่มาแต่ไหนแต่ไร และก็พยายามซื้อหามาไว้เรื่อย เพราะความรู้สึกว่ายังมีไม่พอ จนกระทั่งวันหนึ่งเปิดตู้เสื้อผ้ามาดูแล้วจึงได้รู้ว่า มีเชิ้ตขาวอยู่เกือบเต็มตู้ กระนั้นหญิงสาวก็ยังอดใจไม่ซื้อไม่ได้
หล่อนเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ต้อนรับ คอนโดมีเนียมริมน้ำแห่งนี้เป็นห้องชุดสุดหรูราคาแปดหลักเป็นอย่างต่ำแทบทั้งนั้น จึงได้มีลักษณะละม้ายโรงแรมห้าดาวที่มีพนักงานต้อนรับคอยบริการอยู่ตรงเคาน์เตอร์ พนักงานสาวในชุดฟอร์มสูทและกระโปรงสีม่วงอ่อนยิ้มต้อนรับอย่างอ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะ คุณไลลา”
พนักงานต้อนรับจำชื่อหล่อนได้แม่นทีเดียว ไลลายิ้มหวานพลางพยักหน้ารับการทักทายนั้น
“สวัสดีค่ะ...ไม่ทราบว่ามีใครมาหาดิฉันหรือยังคะ”
หล่อนยกข้อมือมาดูเวลานิดหนึ่ง...สิบโมงครึ่ง
“พอดีดิฉันนัดช่างให้มาติดม่านตอนเก้าโมง”
“ยังไม่มีใครมาเลยค่ะ นอกจากกลุ่มนักข่าวตรงโน้น” พนักงานสาวปรายสายตาไปยังกลุ่มคนที่ไลลาเพิ่งจะเดินผ่านมาเมื่อครู่ “มากันแต่เช้าเชียวค่ะ”
เจ้าหล่อนเหลียวซ้ายแลขวา ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกอย่างอดไม่ได้
“เห็นว่ามาดักสัมภาษณ์คุณคิมค่ะ...คิม สิรภพ พระเอกอิมพอร์ตสุดฮอตของวงการบันเทิงตอนนี้ไงคะ ดิฉันแอบได้ยินมาว่า...” แม่พนักงานช่างพูดใช้คำว่า ‘แอบ’ ทั้งที่จริงๆแล้วเจ้าหล่อนไปตีสนิทกับนักข่าวหนุ่มๆ ซักถามอย่างละเอียดลออชนิดที่นำมาเขียนคอลัมน์ได้อย่างสบายๆ “คุณคิมไปมีสัมพันธ์กับมาลินี ดารา...นางเอกลูกครึ่งค่ะ”
ประโยคหลังที่หลุดออกมานั้น เจ้าตัวทำตาโตเอ่ยเป็นเสียงกระซิบพอได้ยินกันสองคน ราวกับเป็นเรื่องลับสุดยอด หากเมื่อเห็นว่าไลลายังคงทำหน้าเฉยไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่หล่อนเล่าให้ฟัง เจ้าหล่อนจึงได้ขยายความต่ออย่างติดลม
“แหม... มาลินี ดารา ที่เพิ่งจะแต่งงานไปเมื่อปีที่แล้วไงคะ คุณ ตอนนั้นก็มีข่าวออกมาว่าเธอท้องก่อนแต่ง แล้วก็จริงๆค่ะ แต่งงานได้ห้าเดือน เธอก็คลอดลูกชายหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเชียวนะคะ ชื่อ...มาร์ค เฮ้ออออ”
เจ้าตัวระบายลมหายใจยาว
“วงการบันเทิงนี่ เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยนะคะ ดูซี...ลูกชายยังไม่ทันจะขวบ พ่อกับแม่จะเลิกกันเสียแล้ว คุณคิมก็แหม...ดาราคนอื่นมีเยอะแยะ ทำไม๊...มาเลือกมาลินีก็ไม่รู้”
ไลลายิ้มในหน้า นึกรู้ว่าแม่สาวช่างพูดคนนี้คงจะเป็นแฟนตัวยงของนายพระเอกนั่นแน่ๆ ถึงได้ทำท่าเสียดมเสียดายเสียนัก หากหญิงสาวก็มีความคิดไม่ต่างจากพนักงานต้อนรับสาว ตรงที่...ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชาย ถึงชอบไปยุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้ว ทั้งที่มีผู้หญิงตั้งมากมายให้เลือกหา หรือว่าการที่ต้องผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน หรือแย่งเขามาจะทำให้มีรสมีชาติและสนุกกว่า
ไลลาเหมาว่านายพระเอกอะไรนั่น คงจะเป็นผู้ชายประเภทที่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์รวมของจักรวาล และหลงตัวเองเอามากๆ หล่อนเกลียดนักผู้ชายประเภทนี้ ขอสาปส่งให้ไปพ้นๆ จากชีวิตได้ยิ่งดี อย่าได้เจอะได้เจอกันเลย แต่...นักข่าวมารอนายนั่นที่นี่นี่นา...หวังว่า...
“เขาอยู่ที่นี่หรือคะ คุณคิมอะไรนั่นน่ะ...”
ไลลาเลียบเคียงถาม
“คิม สิรภพค่ะ”
คนช่างพูดต่อชื่อให้ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาที่ทำให้คนฟังแทบจะหยุดหายใจ
“อยู่ห้องตรงข้ามคุณไลลาพอดีเลยค่ะ”
ไลลา สวรรยา ตาค้าง ถ้าหากว่านี่จะเป็นความฝัน ก็คงจะเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต ทว่า...พนักงานสาวกลับนึกไปอีกทาง
“โชคดีจังเลยนะคะ คงมีสาวๆ หลายคนอิจฉาคุณแย่เลยค่ะ ถ้าหากรู้ว่าคุณอยู่คอนโดมีเนียมเดียวกับคิม แถมยังอยู่ห้องตรงกันข้ามกันอย่างนี้ด้วย”
ไลลายิ้มฝืดๆ ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบออกไปด้วยเสียงจืดเจื่อน
“เหรอคะ...”
ไม่รู้ทำไม ไลลารู้สึกว่าหล่อนไม่ถูกชะตากับพ่อพระเอกดาราใหญ่นี่ตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้า คนอะไร...ทำให้ชาวบ้านชาวช่องเขาต้องวุ่นวายไปด้วย กับไอ้ข่าวคาวๆ ของตัวเอง ดูซี...คนที่อยู่ที่คอนโดมีเนียมแห่งนี้ ต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะฝ่ากองทัพนักข่าวเข้าออกคอนโดมีเนียมได้แต่ละที
คนอะไรเห็นแก่ตัวชะมัด !
แถมตาคนนี้ยังไปพัวพันกับลูกเมียชาวบ้านเสียอีก... ข้อนี้ซิ...ยิ่งซ้ำร้าย ไลลารับไม่ได้และแอนตี้ผู้ชายประเภทนี้เอามากๆ แล้วเหมือนพระเจ้าจะยิ่งกลั่นแกล้ง เพราะหล่อนมักจะเจอแต่ผู้ชายประเภทนี้ เริ่มตั้งแต่พ่อจนกระทั่งพี่ชายทั้งสองคน ก็มิได้ว่างเว้นจากการพัวพันกับบรรดาหญิงซึ่งมีสามีแล้ว
ใช่!
ทั้งพ่อ ทั้งพี่ชายของไลลา นับได้ว่าเป็นชายรูปงาม สาวใดได้เห็นก็มักจะหลงรูป หลงคารม จนยอมทำทุกอย่าง แม้จะได้ชื่อว่า...มีชู้กับชายอื่น พวกเธอเหล่านั้นก็ยอม และหลายรายก็จบชีวิตครอบครัวตนเองด้วยการหย่าร้าง เพียงเพื่อจะได้เริ่มต้นใหม่กับชายที่เธอคิดว่ารักเธอ...
แต่...เปล่าเลย
ทันที่พ่อและพี่ชายของเธอเริ่มระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ที่ทำว่าจะลุกลามใหญ่โตไปถึงขั้นผูกมัดแล้วล่ะก็ เขาก็พร้อมที่จะตีจากไปโดยไม่มีเยื่อใยใดๆ หลงเหลือค้างคาอยู่
ไลลาเคยถกเถียงกับพี่ชายของหล่อนหลายครั้ง โดยมีพ่อถือหางลูกชายทั้งสองคน แค่เสียงเดียวของหล่อนมันก็ไม่ดังพอที่จะทำให้ความคิดของพี่ชายเปลี่ยนแปลง คำพูดประโยคหนึ่งของพี่ชายยังคงติดหูไลลาจนถึงบัดนี้
“พี่ก็ไม่เคยให้ความหวังอะไรเขาเลย ไม่เคยบอกว่าให้หย่ากับสามี แล้วมาอยู่กับพี่ พี่บอกเขาอย่างเดียวเท่านั้น...ว่า วันนี้เรามีความสุขด้วยกัน เขามีความสุข พี่ก็มีความสุข ไม่มีใครเสียเปรียบใคร แล้วอย่างนี้ลอร่าจะหาว่าพี่เอาเปรียบเขาตรงไหน”
“นั่นน่ะซี...ริกคาร์ดพูดถูก”
ลอร์เรนซ์...หรือ รณภพ พี่ชายคนโตของหล่อนรีบเออออห่อหมกกับน้องชายทันที
“ไม่ต้องมาเข้าข้างกันหรอก พี่เรน”
ไลลาแหวกลับทันที แถมยังยกมือท่วมหัวแล้วพูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า
“คอยดูนะ เจ้าประคู้น...ขอให้พี่ริก พี่เรนเจอดีโดนสาวหักอกเข้าสักวันเถอะ”
นายรณชัย สวรรยา ผู้เป็นบิดาที่นั่งเงียบฟังลูกๆ ถกเถียงกันมานานถึงกับหัวเราะในลำคออย่างอดไม่อยู่ คนที่เพิ่งจะลดมือลงจึงได้หันมาทำตาเขียว พูดด้วยเสียงงอนๆ
“พ่อก็เหมือนกันแหละ ไม่ต้องมาทำเป็นหัวเราะเลย”
พูดจบเจ้าตัวก็เดินตุปัดตุป่องออกไป ปล่อยให้พ่อและพี่ชายหัวเราะและส่ายหน้าอย่างระอากับความแสนงอนของหล่อน
ไลลาขอตัวจากพนักงานต้อนรับสาวคนนั้น เพื่อขึ้นไปยังห้องพักของหล่อนด้วยอาการของคนซังกะตาย นี่ชีวิตหล่อนจะไม่มีวันพ้นผู้ชายหลงตัวเองและเห็นแก่ตัวอย่างร้ายเหล่านี้เชียวหรือ...เอาล่ะถึงพระเจ้าจะชอบกลั่นแกล้งหล่อน แต่หล่อนก็จะพยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีหลบเลี่ยงอีตาพระเอกจอมเจ้าชู้นั่นให้ถึงที่สุด...ถึงจะอยู่ห้องตรงข้ามก็เถอะ ใช่ว่าจะต้องเจอกันนี่นา...คิดได้ดังนั้น หญิงสาวก็ยิ้มออกมาด้วยอาการโล่งอก เดินตรงไปยังลิฟต์ตัวที่อยู่สุดโถงกลางทันที
ไลลา สวรรยา...คงจะยิ้มไม่ออก หากจะมีญาณหยั่งรู้อนาคต ว่าในอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้า หล่อนจะต้องระหกระเหินไปกับชายหนุ่มซึ่งหล่อนเกลียดขี้หน้าตั้งแต่ยังไม่ได้พบเจอตัวจริงสักครั้ง...
