บทที่ 3 คลับเอส 1.2
หัสดินเดินกลับมานั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนในเวลาต่อมา สีหน้าเขาไม่ได้เหมือนตอนลุกไปเข้าห้องน้ำ ต่างกันจนเพื่อนซี้อีกสองคนสงสัย เป็นเพราะหัสดินทำหน้าราวกับว่ากำลังมีเรื่องขบคิด
ใช่...เขากำลังคิด คิดถึงหญิงสาวที่เพิ่งเดินชนเมื่อสักครู่นี้ ตอนนั้นเขาไม่ทันคิดอะไรบางอย่าง เพราะมัวแต่ตะลึงกับภาพใบหน้าอันงดงาม ที่ปิดทับด้วยเครื่องสำอางบางเบา ไม่จัดจ้านจนรู้สึกอึดอัด รอยยิ้มของเธอทำให้หัสดินเคลิบเคลิ้ม หัวใจเต้นถี่แรงกับความหวานบนใบหน้าสาวที่มีเพิ่มมากขึ้น หลงลืมคิดไปอย่างหนึ่งว่า เธอมาทำอะไรในผับแห่งนี้ จะเป็นนักเที่ยวหรือว่าทำงานในคลับเอส หากเป็นข้อแรกเขาโล่งใจ แต่หากเป็นข้อสอง คำถามต่อมาคือ เธอทำงานหน้าที่ใด จากการแต่งกายทำให้เขาคิดว่า เธอน่าจะทำงานที่นี่มากกว่า และทำงานในตำแหน่งที่เขาไม่อยากคาดเดา
แค่คิดว่า สาวถูกใจเป็นผู้หญิงบริการที่นี่ ใจเขาสั่นไหวขึ้นมาแปลกๆ ในความรู้สึก เขาไม่อยากให้ชายใดแตะต้องร่างกายเธอ อยากจะอัดหน้าชายเหล่านั้นอกจากเขาเพียงคนเดียว หัสดินเกิดหวงแหนเธอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เอ็กซ์เป็นไรหรือเปล่าวะ ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ” นิรัติศัยอดถามไม่ได้
“เปล่าไม่มีไร” หัสดินตอบเสียงห้วน ปัดมือสาวสวยที่นำมือมาลูบแผ่นอกออก สีหน้าบอกถึงความรำคาญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายังพออกพอใจกับการเอาใจของเธอ
“ฉันไม่เชื่อว่าไม่มีอะไร บอกมาซะดีดีว่ามีอะไรในใจ”
อากัปกิริยาของหัสดิน ทำให้คนขี้สงสัยอย่างนิรัติศัยไม่เชื่อ เขาคาดคั้นถามทั้งน้ำเสียงและสายตา
“ไม่มีอะไรจริงๆ” หัสดินปรับใบหน้าให้เป็นปกติ หยิบแก้วบรั่นดีมาดื่ม
“แต่หน้านายบอกฉันสองคนว่า มันมีนะ” นิรัติศัยคาดคั้นต่อ
“เมื่อกี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากอลัน เขาโทรมาเลื่อนนัดการเซ็นสัญญาในวันมะรืนเป็นอาทิตย์หน้า ฉันกังวลเรื่องนี้แหละ ถ้าหากเลื่อนนัดเซ็นสัญญาไปเรื่อยๆ งานมันก็จะไม่เดิน กลัวไม่ทันวันเปิดโครงการ” หัสดินจำต้องหาคำตอบให้เพื่อน เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะถูกถามจนกว่าจะได้รับคำตอบ
“น่าจะทันอยู่นะ อีกตั้งเดือนนึง นายอย่ากังวลไปเลย” กันต์ธีร์ปลอบเพื่อน
“นายเก่งอยู่แล้ว ปัญหาอะไรก็แก้ได้หมด ฉันว่าเรามาพักผ่อนสมองกันต่อเถอะ”
หัสดินยิ้มบาง ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ กวาดตามองไปรอบผับคล้ายกับว่ากำลังมองหาใครอยู่ และแล้วเขาก็พบเจอหญิงสาวที่ทำให้หัวใจสั่นไหวตั้งแต่แรกเห็น
เธอกำลังทรุดกายนั่งลงบนโซฟาข้างชายร่างท้วมดูมีฐานะ แต่ไม่ใช่ว่าจะนั่งแนบสนิทเหมือนกับหญิงสาวข้างกายเขาที่นั่งเบียดชิด เธอทิ้งระยะห่างพอสมควร พนมมือไหว้ชายร่างท้วมคนนั้นอย่างนอบน้อม
“ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร ฉันอยากได้เธอคนนั้นมานั่งแทนเธอตรงนี้”
หัสดินถามสาวข้างกายที่หันไปตามนิ้วของเขาที่ชี้ไปยังสตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่ห่างไม่จากโต๊ะนี้มากนัก ยุพาตกใจเมื่อเห็นว่า หญิงสาวที่หัสดินต้องการคือใคร
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อคุณอารยาหรือคุณเปิ้ลค่ะ แล้วสิ่งที่คุณต้องการก็คงไม่ได้ คุณเปิ้ลไม่ได้เป็นสาวนั่งดริ้งหรือสาวขาย เธอเป็นเจ้าของคลับเอสค่ะ”
หัสดินรู้สึกโล่งใจ เสมือนของหนักถูกยกออกจากอกเมื่อได้ยินคำตอบของยุพา เขาแทบจะไม่เชื่อหูว่า หญิงสาวถูกใจจะเป็นเจ้าของคลับเอส อารยายังดูสาว อายุน่าจะไม่เกินสามสิบปี เจ้าของผับส่วนใหญ่ที่เขารู้จัก อายุมากกว่าสี่สิบปีทั้งสิ้น เขาจึงเแปลกใจไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้
“ทำไมเจ้าของผับนี้ยังสาวและสวย ปกติจะมีอายุทั้งนั้น ถ้าฉันไม่ได้ยินกับหูจะไม่เชื่อเด็ดขาด” นิรัติศัยเอ่ยขึ้น
“ใครรู้ก็พูดเหมือนคุณค่ะ เดิมทีผับนี้เป็นของพ่อคุณเปิ้ล แต่พอท่านเสียผับนี้ก็ร้างหลายปี จนคุณเปิ้ลมาทำใหม่ค่ะ คงเสียดายธุรกิจของพ่อ ถ้าทิ้งไปก็เหมือนทิ้งเงิน เพราะรายได้ค่อนข้างมากในแต่ละวัน ถ้ารวมทั้งเดือนก็หลายล้านค่ะ” ยุพาบอกข้อมูลที่รู้มา ถ่ายทอดให้คนตื่นรู้
“ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะทำผับนี้คนเดียวได้เหรอ มันต้องมีเส้นสายหรือคนหนุนหลังนะ ฉันรู้มาว่า เจ้าของผับละแวกนี้เสือสิงห์กระทิงแรดทั้งนั้น โชกโชนการทำธุรกิจกลางคืน หรือว่าคุณเปิ้ลของเธอจะมีแฟนหรือสามีคอยช่วยดูแล” หัสดินหลอกถามข้อมูลที่ตนอยากรู้กลายๆ
“คุณเปิ้ลยังไม่มีแฟนค่ะ เธอทำคนเดียวค่ะ แต่มีเพื่อนอีกสองคนมาช่วยค่ะ ส่วนเรื่องคู่แข่ง มีหลายผับเลยค่ะ แต่คุณเปิ้ลเอาอยู่ ไม่มีใครกล้าแหยมสักคน”
หัสดินยิ้มมุมปากกับคำตอบที่ได้รับ ดวงตามองไปยังใบหน้าสวยของอารยาไม่วางตา ในแววตาของเขามีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ เป็นประกายตาที่ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนมาก่อนในชีวิต