บทที่ 2 คลับเอส 1.1
พนักงานรับรถรีบวิ่งมาต้อนรับเจ้าของรถนต์สุดหรูคันหนึ่งที่แล่นมาจอดหน้าคลับเอส พอรถจอดสนิทคนที่อยู่ในรถก็ก้าวลงมา รูปร่างหน้าตาของพวกเขาเป็นที่ดึงดูดใจให้กับคนพบเห็น โดยเฉพาะสาวๆ ที่พากันมองตาปรอย ไม่แปลกที่พวกเขาตกเป็นเป้าสายตา เพราะความหล่อ สมาร์ถ ดูดี แต่ต่างสไตล์เป็นแรงดึงดูดใจได้มากทีเดียว
หนุ่มคนแรกนามว่าหัสดิน ดำรงรัษ์ ทายาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบรนด์คิวโต ด้วยเม็ดเงินที่มีมาก การออกแบบอาคารที่โดดเด่น เน้นเป็นกลุ่มเฉพาะ เข้าถึงทุกระดับชั้น ทำให้คิวโตก้าวเข้ามาอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ก้าวแซงรายอื่นชนิดที่ว่า ไม่เห็นฝุ่น เรือนกายสูงใหญ่ ใบหน้าคมหล่อ เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดวงตาสีนิลคือเสน่ห์อันน่าหลงใหล สาวใดได้สบตาร่างกายคล้ายจะละลาย เขาจึงเป็นที่หมายปองของสตรีครึ่งประเทศที่พร้อมพลีกายให้เชยชม
หนุ่มคนที่สองกันต์ธีร์ จิระพันธ์ เจ้าของเรือเดินสินค้าให้เช่า รูปร่างหน้าตาไม่แพ้หัสดิน แต่มีความต่างตรงที่ว่า เขาเป็นชายอบอุ่น หน้าตาชวนเพ้อฝัน มีรอยยิ้มเป็นอาวุธพิฆาตใจสาว
หนุ่มคนที่สามนิรัติศัย แซ่อัง ทายาทเจ้าของร้านทองชื่อว่าเส็งเฮงหลี ร้านทองที่ใหญ่ที่สุดในเยาวราช และเป็นเจ้าของตึกให้เช่าในย่านดังกล่าวร่วมยี่สิบอาคาร รูปร่างเขาสูงโปร่ง หน้าตาหล่อตี๋เหมือนหนุ่มเกาหลี แต่ความเจ้าชู้กินขาดเพื่อนอีกสองคน โดยเฉพาะความทะเล้นที่มีมากกว่าสิบเท่า รักชีวิตโสด หวงยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก
“นายแน่ใจนะโฮป ว่าที่นี่มันเวิร์กจริงๆ”
หัสดินถามนิรัติศัยอย่างไม่แน่ใจ เพราะปกติคนถามจะไปเที่ยวผับประจำมากกว่า และไม่ชอบเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไป แต่ที่ยอมมาเที่ยวผับแห่งใหม่เพราะคำชวนของคนที่ตนถาม
“ไม่เคยลองกับตัว แต่ไอ้เนบอกว่าดี ดีกว่านิเวน่า ผู้หญิงก็สะอาด ฉันก็เลยชวนนายสองคนมาลองไงล่ะ” นิรัติศัยตอบ
“ดีกว่านิเวน่าอีกเหรอ เป็นไปได้ไงวะ”
กันต์ธีร์ถามทันควัน ผับนิเวน่าเป็นผับขึ้นชื่อแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ทั้งบริการและสถานที่หรูหรา ลูกค้าที่ไปใช้บริการเป็นคนกระเป๋าหนักแทบทั้งสิ้น เขาทั้งสามไปใช้บริการผับนี้บ่อยครั้ง ยอมรับว่าดีจริง แต่พอนิรัติศัยบอกว่า คลับเอสดีกว่านิเวน่า สีหน้าของหัสดินกับกันต์ธีร์บอกถึงความแปลกใจชัดเจน
“นั่นสิ นิเวน่านี่สุดยอดเลยนะ ที่นี่ดีกว่าจริงเหรอ” คำพูดนี้เป็นของหัสดิน
“ฉันก็เลยชวนนายสองคนมาลองไง สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ถ้าดีจริงตามที่ไอ้เนบอกมาก็ถือว่าเราโชคดี แต่ถ้าไม่ ครั้งเดียวเลิก”
นิรัติศัยคิดว่าไม่ลองย่อมไม่รู้ การสนทนาของสามหนุ่มยุติลงชั่วคราว เมื่อนงเยาว์ พนักงานต้อนรับเดินเข้ามาต้อนรับขับสู้ลูกค้ารายใหม่
“สวัสดีค่ะ มาครั้งแรกใช่ไหมคะ” นางเยาว์เอ่ยถาม ด้วยหน้าที่ทำให้เธอจำลูกค้าได้ทุกคน สามหนุ่มหล่อต่างสไตล์เธอยังไม่เคยเห็นหน้า นั่นหมายความว่าเพิ่งมาเป็นครั้งแรก “ไม่ทราบว่าจะใช้บริการส่วนไหนดีค่ะ ที่นี่มีให้เลือกใช้บริการครบวงจรค่ะ”
“แบบนั่งดื่ม นั่งฟังเพลงและผู้หญิง” นิรัติศัยตอบ
“ได้ค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”
เมื่อรู้ความต้องการของลูกค้า นงเยาว์พาลูกค้าทั้งสามไปยังโซนที่ต้องการ
นงเยาว์พาลูกค้าใหม่เข้ามาในผับหรูที่ตกแต่งอย่างมีระดับ มีความเป็นส่วนตัว และลูกค้าแต่ละคนที่มาใช้บริการส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่กระเป๋าหนักทั้งสิ้น
“เป็นไง โอเคไหมเอ็กซ์” นิรัติศัยถามหัสดินที่กวาดตามองไปรอบผับด้วยสายตาพึงพอใจ
“โอเลย”
หัสดินตอบ สายตายังคงมองไปทั่วผับ ผับนี้ถือว่าหรูมากทีเดียว ตกแต่งอย่างมีระดับเทียบเท่าผับประจำของเขา ถือว่าคิดไม่ผิดที่มาลองของใหม่
“โอกว่าบางที่ที่พวกเราเคยไปอีกนะ ถือว่าผ่าน” กันต์ธีร์พูดขึ้นบ้าง “คราวนี้ก็ต้องมาดูว่า การบริการกับผู้หญิงจะสอบผ่านหรือเปล่า ถ้าผ่านล่ะก็ พวกเราคงมีที่สิงสถิตใหม่”
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย คลับเอสยินดีต้อนรับค่ะ” มารศรีผู้จัดการร้านโซนผับเข้ามาต้อนรับขับสู้ลูกค้ารายใหม่ เธอพนมมือไหว้สวยงาม ฉีกยิ้มกว้าง “สั่งเครื่องดื่มก่อนดีไหมคะ จะได้แก้คอแห้ง”
สามหนุ่มสั่งเครื่องดื่มที่ตัวเองต้องการกับพนักงานบริกร เมื่อการสั่งเครื่องดื่มเสร็จสิน มารศรีทำหน้าที่ของตนต่อ
“นอกจากเครื่องดื่มแล้ว คุณผู้ชายรับเพื่อนคุยไหมคะ ที่นี่มีสาวๆ สวยๆ เยอะเลยค่ะ คุยสนุก บริการดีด้วยนะคะ ถ้ารับดิฉันจัดมาให้ค่ะ” มารศรีทำตามหน้าที่
“ผมขอแบบออฟได้” นิรัติศัยบอกความต้องการของตน
“ผมขอด้วย” กันต์ธีร์เอ่ยขึ้น
“แล้วคุณผู้ชายล่ะคะ รับไหมคะ” มารศรีเอ่ยถามหัสดินที่พยักหน้าเป็นคำตอบ
“คุณผู้ชายรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปตามเด็กมาให้”
นงเยาว์เดินจากไปไม่ถึงหนึ่งนาที เธอก็เดินกลับมาพร้อมกับสตรีหน้าตาสวยงามสามคน สามสาวรู้งาน เดินไปนั่งเคียงข้างชายหนุ่มรูปงาม เอาอกเอาใจตามหน้าที่
หัสดิน กันต์ธีร์และนิรัติศัยมีสีหน้าพอใจและมีความสุขกับการท่องราตรีในคืนนี้เป็นอย่างมาก ทั้งสถานที่ถูกใจ เสียงเพลงจากนักร้องทั้งชายและหญิงที่ผลัดเปลี่ยนสร้างความสำราญทางหูก็ไพเราะ ฟังแล้วเคลิบเคลิ้ม บางคนร้องดีกว่าผับประจำของพวกเขาเสียอีก ที่สำคัญที่สุดหญิงสาวข้างกายสวยสมราคาที่จ่ายไป
“ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” หัสดินบอกเพื่อน จบคำพูดเขาก็ลุกเดินไปยังจุดหมาย
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ หัสดินก้าวเดินมาตามทางที่จะกลับเข้าไปในผับ ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้นเสียงมือถือของตนดังขึ้น เขาล้วงมันหยิบขึ้นมารับสาย เดินไปคุยไป ด้วยความไม่ระวังจังหวะที่กำลังเดินเลี้ยวตรงมุมทางเดิน ร่างสูงใหญ่ปะทะกับร่างของใครคนหนึ่งเต็มแรง
“ว้าย!” เจ้าของเสียงกรีดร้องตกใจ ร่างเซจากแรงปะทะ ส่งผลให้เจ้าของเสียงแหงนหงายไปทางด้านหลัง หัสดินใช้ความไว คว้าร่างนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขน
ตาสบตา...
หัสดินมองใบหน้าของสตรีในอ้อมแขนที่อยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งฟุตนิ่ง เป็นการมองแบบแช่แข็ง ไม่เคลื่อนไหวสายตาไปที่ใด นอกจากดวงหน้างดงามที่ตราตรึงใจตั้งแต่แรกเห็น นัยน์ตาสาวคู่นี้เหมือนมีพลังบางอย่าง สะกดใจให้ชะงักงัน เขาพบเจอสตรีสวยงามมานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีใครเลยที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงประหนึ่งเด็กแรกรุ่นพบสาวถูกใจ
ใช่...เขาถูกใจเธอเหลือเกิน
“ขอโทษนะคะที่ฉันเดินชนคุณ” ฝ่ายหญิงเอ่ยเสียงนุ่ม ใบหน้าแดงระเรื่อจากความใกล้ชิดระหว่างเธอกับชายแปลกหน้า อีกทั้งสายตาของเขาร้อนแรงจนเธอรู้สึกวูบวาบไปทั้งกาย มือเล็กดันอกกว้างเขาเบาๆ “ขอบคุณนะคะที่รับร่างดิฉันไว้”
“อ๋อครับ” หัสดินได้สติ คลายลำแขนอย่างสุภาพ สายตายังไม่เคลื่อนจากใบหน้าพริ้งเพรา “ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ ผมมัวแต่โทรศัพท์เลยไม่ทันระวังครับ”
“เอาเป็นว่า ต่างคนต่างผิดก็แล้วกันนะคะ” อารยาถอยหลังมาสองสามก้าว น้ำเสียงยังคงนุ่มนวล “ขอตัวนะคะ”
อารยายิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะเบี่ยงเท้าเดินไปยังห้องน้ำ หัสดินกำลังจะก้าวเท้าเดินไปสกัดหน้า เพื่อทำความรู้จักให้มากกว่านี้ ทว่าเสียงมือถือกลับดังขัดจังหวะ เขามองรายชื่อของคนที่โทรศัพท์เข้ามา สลับกับมองร่างอรชรที่เดินจากไป ก่อนจะกดรับสายเพราะบุคคลที่โทรเข้ามาสำคัญกว่าและพลาดการรับสายไม่ได้