มีบางอย่างเกิดขึ้นหรือยังในใจนั้น
“พี่สาว ข้าอยากเข้าไปอยู่ในวังกับท่าน”
ฟางหลานยิ้มอ่อนโยนเอ็นดูน้องสาวยิ่งนักนางมักจะกล่าพูดกล้าคิดต่างจากฟางหลาน
“พี่สาวจะพูดกับท่านพ่อให้เจ้าเอง” น้ำเสียงอ่อนโยนอีกคนยิ้มกว้าง
“พี่สาวใจดีที่สุด”ฟางหลานลูบหัวน้องสาวเบาๆ
“ไปนอนได้แล้ว นอนดึกดื่นเดี๋ยวไม่สวยใบหน้าบูดเบี้ยวนะ”
“เจ้าค่ะข้าน้อยรับททราบ” ทำทีเลียนแบบขันทีที่เห็นเมื่อเช้า
ยิ้มก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปเร็วจี๋
ฟางหลานถอนหายใจ องค์ชายใหญ่ผู้นั้นแค่เพียงพบกับฟางหลานในครั้งแรกครั้งเดียวเขาถึงกับลงทุนมาสู่ขอ
“องค์ชายใหญ่เป็นผู้เดียวที่ฝ่าบาทวางพระทัยอย่างมากในอนาคตอาจได้รั้งตำแหน่งไท่จือ”
ใต้เท้ากวงและฮูหยินต่างดีดลูกคิดรางแก้ว ฟางหลานก้มหน้านิ่ง ไม่เอ่ยคำคัดค้าน จะคัดค้านได้เช่นไรกันในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็ไม่เคยทำตัวดื้อดึงเช่นเดียวกับอิงนา เป้นบุตรีที่ใครๆต่างมองว่ากิริยาเรียบร้อยอ่อนหวานและเชื่อฟังบิดามารดา
ฟางหลานถอนหายใจยาวเช่นไรจึงกล้าปฏิเสธเช่นไรจึงกล้าลิขิตชีวิตเพียงลำพัง
หลังจากนั้นสามวัน
ตำหนักจันทร์เคียงฟ้าที่ยิ่งใหญ่งานเลี้ยงสมรสผ่านไปพิธียกน้ำชาคารวะบรรพบุรุษก็ผ่านไปเช่นเดียวกัน ฟางหลานสีหน้าเป็นกังวลแต่อิงนากลับเจื้อยแจ้วสนุกสนาน
“พี่สาว วังหลวงนี่ช่างใหญ่โตเสียจริงอิงนาคงใช้เวลาเป็นแรมเดือนจึงจะสำรวจได้ทั่วถึง”
อิงนาอาภรณ์สีชมพูสวยหวาน ในวัยสาวเริ่มต้นนั้นใบหน้างดงามสดใสไม่แพ้ ฟางหลาน ทว่าฟางหลานกลับมีสีหน้าเศร้าสร้อยเกินไปแม้ฟางหลานจะอยู่ในอาภรณ์สีแดงสดใส
“น้องสาวพี่ซุกซนยิ่งนักไม่เกินสามวันคงเดินจนทั่ววังหลวง”
วิ่งทะลุเข้าไปด้านในห้องที่เป้นห้องหอ
“องค์ชายใหญ่เสด็จ…”
อิงนาวิ่งกลับมายืนเสนอหน้ารอรับเสด็จ หมิงเซ่อกับยิ้มอ่อนโยนมองไปที่ฟางหลาน สบตาฟางหลานที่สีหน้าเรียบเฉย
“องค์ชาย”เอ่ยปากทักเบาๆ
“เจ้าแต่งเข้าตำหนักจันทร์เคียงฟ้าแต่กลับพาน้องสาวมาวิ่งเล่นสนุกสนานวันนี้วันแต่ง เจ้าจึงต้องอยู่ในห้องหอจึงดี”ทอดเสียงอ่อนโยนหวานฉ่ำ อิงนาเผลออมยิ้ม
“ข้าพาไปห้องหอสวยที่สุดอิงนาไปดูมาแล้วเมื่อครู่ห้องหอน่านอนเสียจริง”ยังเจื้อยแจ๊วไม่หยุด
“คุณหนูอิงนาเจ้าขา บ่าวพาไปเดินเล่นข้างนอกจะดีไม่น้อย”
นางกำนัลพูดเบาๆด้วยความเกรงใจ อิงนายิ้มแก้มปริ
“พี่สาว พี่สาวคุยกับองค์ชายไปก่อน อิงนาไปเพียงครู่รับรองไม่ให้พี่สาวต้องห่วงใย”
วิ่งแจ้นออกไปทันที หมิงเซ่อหันมามองฟางหลานที่เอาแต่ก้มหน้า คิดไปเองว่าอีกคนเขินอาย จูงแขนของฟางหลานยังทรุดกายนั่งบนแท่นนอนฉุดแขนฟางหลานให้นั่งลงข้างๆ
“หวางเฟย”เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนสายตาบ่งบอกชัดเจนไม่มีทางเป้นอื่น
“องค์ชาย ฟางหลาน…”
พูดได้เพียงแค่นั้นทั้งๆ ที่อยากจะบอกว่ายังไม่พร้อมจะเป็นของเขาในวันนี้ แต่ร่างบางก็ถูกโน้มลงบนแท่นนอนนุ่ม เปลวเทียนลามเลียไปครึ่งเล่มถูกเป่าให้ดับลง ริมฝีปากถูกปิดสนิท พร้อมกับความอัดอั้นถูกปิดกั้นไว้ตรงนั้นเช่นกัน
เช้าสดใส อิงนาบิดขี้เกียจบนแท่นนอน ความตื่นเต้นยังไม่หายไปวันนี้ตั้งใจจะเดินสำรวจให้ไกลหน่อยเมื่อคืนกว่าจะกลับไปที่ห้องพี่สาวก็พบว่าฟางหลานดับไฟมืดมิด นางกำนัลหน้าห้องส่งเสียงห้าม บอกว่าพี่สาวอยู่กับองค์ชายห้ามใครกวนใจ อิงนาถูกพามานอนอีกห้องภายในตำหนักจันทร์เคียงฟ้า ไม่ทันได้จัดการตัวเองวิ่งออกจากห้องไปทั้งที่สวมเพียงชุดสีขาวบางเบาผมยาวสลวย เต็มแผ่นหลังใบหน้าสดใสงดงามแม้จะเพิ่งตื่นนอนก็ตาม ตั้งใจไปหาฟางหลานเพื่อขออนุญาตเดินเที่ยวชมวังหลวงอีกวัน หากไม่บอกเกรงว่าฟางหลานจะเหงา มารดาบอกให้อิงนาคอยอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวหากเข้ามาอยู่ในวังหลวงห้ามปล่อยให้ฟางหลานอยู่เพียง