ข้ากับนาง
ลำพัง ตัวเองเอาแต่เที่ยวเล่นอิงนาคิดว่ามารดารักและเป็นห่วงพี่สาวเสียจริงคงกลัวว่าฟางหลานจะเหงาจึงอนุญาตให้อิงนาเข้ามาอยู่ในวังเป็นเพื่อน
วิ่งด้วยความเร่งรีบ สะดุดเข้ากับก้อนหินบนทางเท้าทอดยาวสู่ตัวห้องพัก เสียหลักล้มลงคลำที่หัวเข่าปรอยๆ แต่ยังไม่ใช่แค่นั้นอิงนาเจ็บจนต้องทรุดกายลงกับพื้นนั่งลงชันเข่ามองข้อเท้าที่เขียวซ้ำบวมเปล่งทันตาเห็น
หมิงเซ่อ เกือบจะเดินผ่านไป
“เป็นอะไรไป”
“อิงนาล้ม เจ็บจริงเชียว”
เงยหน้าจากข้อเท้าสีหน้าไม่สู้ดีนักขึ้นมองสบตาคมของหมิงเซ่อที่มีท่าทีเรีนยบเฉยทั้งสีหน้าและดวงตา แต่เมื่อเห็นสภาพของอิงนา หมิงเซ่อกลับเบิกตากว้าง ใบหน้างดงามสดใส อาภรณ์บางเบารัดรูปมีส่วนโค้งส่วนเว้าผิดกับอิงนาที่เขาเห็นในครั้งแรกอาจเป็นเพราะอาภรณ์ที่สวมใสบางเบารัดรูป จะว่าไปอิงนางดงามกว่าฟางหลาน เพียงแต่ยังเด็กนัก ถอนหายใจยาว
“ลุกขึ้น”
พูดพร้อมกับเอามือไพล่หลัง
“ลุกไม่ไหว เจี่ยฟู (พี่เขย) ไปเสียเถอะข้านั่งนี่นานหน่อยค่อยยังชั่วจึงจะลุกขึ้น”หลบตาคม หมิงเซ่อก้าวเดินจากไป อิงนาคลำที่ข้อเท้าแต่เพียงอึดใจ หมิงเซ่อกลับหันหลังกลับมาซ้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนพาเดินลิ่วไปยังห้องของฟางหลาน อิงนาลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา อ้อมแขนอบอุ่นที่มีสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกใดใด
“อิงนาเป็นอะไรไปน้องพี่”
ฟางหลานลุกจากแท่นนอนจากสีหน้าเศร้าสร้อยเปลี่ยนเป็นสีหน้าร้อนรนเมื่อเห็นว่าอยู่ในอ้อมแขนของหมิงเซ่อแล้วยังข้อเท้าที่บวมเป่ง หัวเข่าที่ถลอกเป็นรอยแดง เหลือบตามองหมิงเซ่อที่วางอิงนาลงบนแท่นนอน ก่อนจะก้าวออกจากห้องไปไม่เอ่ยคำใด
“อิงนาเจ้าคราวหลังระวังให้มาก เดินเหินให้ช้าลงเสียหน่อยจึงดีพี่เป็นห่วงหากเจ็บมากกว่านี้คงต้องถึงหมอ”
นวดข้อเท้าให้อย่างเบามือ อิงนายิ้มแก้มป่อง
“พี่สาวเมื่อคืนท่านกับเจี่ยฟู”
ใช้นิ้วจิ้มเข้าหากันไปมา หลานฟางยิ้มบางๆ แต่หลบตาของอิงนา
“เรื่องของผู้ใหญ่เจ้ายังเด็กไม่ควรใส่ใจ”
วิ่งมายืนตรงหน้ามองหน้าฟางหลานลืมความเจ้บปวดไปเสียสิ้น ยิ้มสดใส
“ข้าสิบหกแล้ว ต่อไปก็ต้องแต่งออกไปเช่นกัน ท่านไม่เห็นจะต้องปิดบังข้า”
“อิงนา เจ้ายังเด็ก ไว้โตขึ้นจึงจะเข้าใจ”
ฟางหลานคิดถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา
“องค์ชายฟางหลานยังไม่พร้อม”
ผุดลุกขึ้นจากแท่นนอนนั่งตัวตรงเอื้อมมือจุดเทียน แต่หมิงเซ่อกับดับเทียนลงทันที เขาห่วงเหลือเกินว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องเล่าขาน เกี่ยวกับการเข้าหอของเขากับฟางหลาน ห่วงความรู้สึกว่าฟางหลานจะขายหน้าหญิงที่สามีไม่ยอมหลับนอนด้วยในคืนเข้าหอ ถอนหายใจยาว
“ข้า ไม่ฝืนใจเจ้าแต่ไฟปล่อยให้มืดมิดอย่างนี้พรุ่งนี้เช้าเจ้าจึงจะไม่ต้องคอยตอบคำถาม”
“ฟางหลาน ขอบคุณองค์ชาย”
ในใจเริ่มรู้สึกว่า เขาฝืนใจฟางหลานหรือไรนางจึงไม่ยอมร่วมหอด้วย
“เจ้านอนเสียพรุ่งนี้ค่อยหารือ เหนื่อยมาทั้งวันข้าลงไปนอนด้านล่างนั่นเองรับรองว่าไม่ล่วงเกินเจ้า…ข้าสัญญา”
หรือต้องรอเวลา เขาเองก็ไม่เคยแต่งชายามาก่อนฟางหลานเป็นคนแรกและคนเดียว ที่เขาตัดสินใจทูลฮ่องเต้ให้พูดคุยกับใต้เท้ากวงในวันหนึ่งที่ท้องพระโรงเหมือนจะประกาศให้คนในวังหลวงและราชสำนักรู้ว่าองค์ชายใหญ่กำลังจะแต่งชายา เป็นการให้เกียรติใต้เท้ากวง ผู้ที่รักษาหน้าตายิ่งกว่าสิ่งใด และเป็นการ รับรองว่าใต้เท้ากวงจะไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน
ฟางหลานถอนหายใจ แม้จะหลับไม่เต็มตื่นทว่าเช้ามืดกลับรู้สึกถึงมือของหมิงเซ่อที่ห่มผ้าให้ด้วยความอ่อนโยน ฟางหลานแกล้งหลับตาเสียไม่อยากแม้กระทั่งเห็นเขา ในเมื่อตอนนี้ในใจของฟางหลานล่องลอยไปกับคนผู้นั้น
“พี่สาว เขาอ่อนโยนกับท่านไหม”
“อิงนา ยังเด็กใครกันสอนเจ้าพูดแบบนี้”
“ก็ ป้าถงบอกข้าว่าเจี่ยฟูค่อนข้างอ่อนโยนมองตาก็รู้ว่ารักพี่สาวอย่างจริงใจ”
ฟางหลานกุมมือน้องสาว
“องค์ชายใหญ่ ไม่มีสิ่งใดบกพร่องเขาดีทุกอย่าง แต่ข้าไม่ได้รักเขา”
“แล้วทำไมพี่สาวไม่รักเจี่ยฟู”ดวงตากลมมีแววฉงนไม่น้อย ฟางหลานยิ้มเศร้าๆ
“เรื่องของหัวใจไม่อาจฝืน ไว้เจ้ารักใครสักคนจึงจะเข้าใจว่าทำไมถึงรักเขาและทำไมถึงไม่รักใครอีกคนที่ดีกับเรา”