ตอนที่ 10 สังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน
ถึงตอนนี้ครามจะจำทุกอย่างได้แต่ทว่าเขาก็ยังจำเรื่องของเขาและเธอไม่ได้ แถมยังปวดศีรษะมากด้วยถ้าเขาพยายามคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น เธอจึงต้องทำเป็นลืมทุกอย่างและไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก และมันก็ส่งผลร้ายต่อตัวเธอเองเช่นกันที่ไม่สามารถรักใครได้อีกเลย พูดและระบายกับใครก็ไม่ได้ มีเพียงมังคุดและฟักทองเท่านั้นที่คอยเป็นผู้รับฟังเรื่องราวทุกอย่าง
เหตุผลน่ะเหรอ
เพราะมันโต้ตอบเธอไม่ได้ ออกความเห็นไม่ได้ เจ็บปวดเหมือนกันนะการแอบรักใครสักคน คิดว่าจะมีความสุขในพื้นที่ของตัวเองเงียบ ๆ แต่ไม่เลย เธอเจ็บและมันจะเจ็บมากขึ้นถ้าวันหนึ่งเขามีใครขึ้นมาจริง ๆ และยิ่งได้เจอหน้าเขาอีกครั้งเธอก็ยิ่งคิดถึง ในสายตาเทียนหอมครามดูหล่อขึ้นเข้มขึ้นน่าค้นหามากขึ้น บางครั้งก็อยากหนีไปไกล ๆ เพื่อไม่ให้รับรู้เรื่องราวของเขาแต่เทียนหอมก็ทำไม่ได้ เธอเป็นห่วงเขาห่วงมากจนไม่กล้าลบเขาทุกช่องทางการติดต่อ แม้เธอจะไม่เคยติดต่อเขาเลยก็ตาม
ติ๊ง
เสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนข้อความเข้าทำให้เทียนหอมละสายตาจากลูกรักทั้งสองตัว
ใยไหม: กินข้าวยัง
นอกจากแม่และน้องสาวเทียนหอมก็มีเพื่อนอย่างใยไหมคอยห่วงใยเสมอ ทั้งสองคุยกันแทบทุกวัน แต่คุยกันแค่ไม่กี่คำ ขอให้รู้ว่าทั้งสองมีกันและกันก็พอ
เทียน: ยัง กำลังจะไปทำกับข้าว
ใยไหมทราบดีว่าสามสี่ปีมานี้เพื่อนของเธอรักสุขภาพมากแค่ไหน วันนั้นที่เจอกันตอนกินเลี้ยงเทียนหอมจึงไม่กล้าดื่มเหล้าหนัก
ใยไหม: ไมไม่ซื้อกินเล่า
แกล้งแซวเพื่อน
เทียน: ผู้ชายอะนะ
ใยไหม: ร้ายขึ้นเยอะนะเราอะ อย่าลืมชวนด้วยนะยะ
ก็พอ ๆ กันทั้งสองคน เทียนหอมรู้ว่าเพื่อนล้อเล่น ส่ายหน้าพลางยิ้มพลางพิมพ์ตอบกลับไป
เทียน: ฮ่า ๆ ไปทำกับข้าวก่อนนะ
ใยไหม: อือ ดูแลตัวเองด้วย ล็อกบ้านให้ดีล่ะ
เทียน: จ้า รู้แล้วน่า
ใยไหมมักเตือนเธอเรื่องนี้เสมอถึงแม้จะไม่เคยมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นกับเทียนหอมก็ตาม
ใยไหม: ไม่อย่างนั้นจะส่งเฮียไปดูแลแทน
เทียนหอม: ฝันไปเถอะ
เขาคงมาหรอก คนที่ฝันคือเธอต่างหากล่ะ ฝันว่าสักวันเขาจะเป็นตัวจริงของเธอขึ้นมาได้
ร่างเล็กสวมแว่นหนาตามเดิม พาตัวเองไปที่ห้องครัว ตอนอยู่บ้านเธอจะแปลงร่างเหมือนกับคุณป้า เธอชินแล้วกับการที่ต้องทำกับข้าวทานเองทั้งสามมื้อ ตอนเช้าเทียนหอมตื่นตั้งแต่ตีห้าเกือบทุกวันเพื่อมาทำอาหารเช้าและมื้อกลางวันแล้วห่อไปทานที่ทำงานด้วย มันไม่ได้ยุ่งยากสำหรับเธอ วันหยุดก็ปลูกผัก เล่นกับน้องหมาน้องแมว ชีวิตเธอมีแค่นี้จริง ๆ มีแค่บางสัปดาห์ที่ต้องไปเลือกซื้อของตามห้างสรรพสินค้าบ้างแค่นั้น
บริษัทรุ่งอรุณภัณฑ์เซรามิก
ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์หนุ่มวัยสามสิบสองเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของเทียนหอม
“เทียนครับผมขอแบบของผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่เราคุยกันไว้เมื่อวานหน่อยครับ” กิตติเอ่ยกับหัวหน้าแผนกหนึ่งในสองของเขาด้วยวาจาสุภาพ มือทั้งสองยันที่โต๊ะทำงานตรงหน้า
เทียนหอมเงยหน้าขึ้นจากเอกสารแล้วมองชายหนุ่มที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ เขาหล่อ เขาเก่ง แต่เขายังไม่ใช่สำหรับเธอ กิตติชอบโทรหาเธอหลังเวลาเลิกงาน เอาเรื่องงานมาอ้างเพื่อให้ได้คุยกับเธอเสมอ เทียนหอมรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้าม
“ได้ค่ะ”
พูดจบก็เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องเดินมาก็ได้
กิตติมองเทียนหอมด้วยสายตาที่สื่อความหมายมากกว่าหัวหน้ากับลูกน้อง แต่พยายามเก็บซ่อนไว้ให้มากที่สุดเพราะกลัวพนักงานคนอื่นในแผนกจะรู้ ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าคนอื่นจะไม่รู้จักตัวตนของเขา เพราะสายตาของคนเจ้าชู้ยิ่งปิดบังมันก็ยิ่งชัดเจน
“เย็นนี้คุณว่างไหมครับ ผมว่าจะเลี้ยงข้าวน้อง ๆ ในแผนกน่ะ” พูดพลางปรายตามองไปยังหัวหน้าแผนกอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างมากนัก พิกุลเป็นหัวหน้าแผนกคู่กันกับเทียนหอมมาสามปีกว่าแล้ว
“ไปด้วยกันนะเทียน” พิกุลที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอเอ่ยขึ้น เหมือนเธอรู้ความต้องการของหัวหน้าหนุ่ม
“ไปด้วยกันนะครับ” กิตติย้ำอีกรอบเขาอยากให้เธอไปด้วยจริง ๆ มันคือเหตุผลส่วนตัวแต่เขาเอาเรื่องงานมาอ้าง
“ก็ได้ค่ะ” เทียนหอมคิดว่าถ้าปฏิเสธอีกครั้งนี้คงดูน่าเกลียดเกินไปจึงตอบตกลง
ผู้จัดการฝ่ายยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ส่วนพิกุลนั้นยิ้มหยันแล้วเบะปากให้กิตติเล็กน้อย เขาจะเลี้ยงลูกน้องเกือบทุกเดือน แต่ทุกครั้งเทียนหอมจะปฏิเสธตลอด ด้วยเพราะเธอไม่ชอบทานอาหารนอกบ้าน จะไปแค่งานสำคัญของบริษัทเท่านั้น
“ไปรถคันเดียวกันกับผมไหมครับ”
“อย่าเลยค่ะ ฉันขับไปเองดีกว่า คุณกิตจะได้ไม่ต้องเทียวรับเทียวส่งด้วยค่ะ” ความเกรงใจมีไม่เท่ากับความกลัวที่มันมีมากกว่า เทียนหอมไม่เคยนั่งรถกับเขาสองต่อสอง เคยมีพิกุลเคยนั่งไปด้วย แต่กระนั้นเธอก็ยังอึดอัด
“งั้นก็เจอกันที่ร้านสีครามนะครับ” คนฟังหัวใจไหววูบเมื่อได้ยินชื่อร้าน อดคิดถึงใบหน้าคมคายของเจ้าของร้านไม่ได้
เขาคงไม่เข้ามาที่ร้านทุกวันหรอกมั้ง
ทั้งอยากเจอทั้งอยากห่าง ไม่เจอก็คิดถึง ถ้าเจอก็เก็บเอาไปเพ้อหา ทรมานทั้งสองอย่าง
“ค่ะ”
เทียนหอมรับคำแล้วกลับมาทำงานตามเดิม แต่ใจกลับคนึงหาแต่เจ้าของร้านสีคราม
เทียนหอมนั่งลงบนเก้าอี้ที่พนักงานคนอื่นว่างเว้นไว้ให้ เพราะพวกเขาจัดให้ผู้จัดการฝ่ายและหัวหน้าแผนกนั่งข้างกัน ซึ่งพิกุลก็เลือกนั่งกับน้องคนอื่นไปแล้ว เธอจึงหย่อนกายลงข้างกิตติด้วยความลำบากใจ
คนที่พอใจมากเห็นท่าจะเป็นกิตติ เทียนหอมตักอาหารเข้าปากอย่างละนิดอย่างละหน่อย
“เทียนดื่มหน่อยไหมครับ” หัวหน้างานผู้คิดไม่ซื่อเอ่ยถาม
“ไม่ดีกว่าค่ะ เทียนดื่มไม่ค่อยเก่งน่ะค่ะ เดี๋ยวขับรถกลับไม่ไหว” เธอพอดื่มได้แต่เธอไม่อยากดื่มจริง ๆ เทียนหอมรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อไม่มีพี่ชายตัวโตคนนั้นมานั่งอยู่ข้าง ๆ
“ไม่ดื่มจริงเหรอพี่เทียน จะได้สนุกไงครับ” น้องผู้ชายในแผนกที่นั่งคู่กับพิกุลถามขึ้น
“อย่าเลยจ้ะ พี่เป็นคนเมาเร็วน่ะ” ตากลมกวาดมองไปทั่วร้านเหมือนกับอยากรู้ว่าวันนี้เขาเข้ามาในร้านหรือไม่ แต่เธอก็ไม่เจอเขา ในใจแอบเสียดายนิด ๆ
“งั้นก็ตามใจครับ ว่าแต่เทียนมองหาใครเหรอครับ” ครั้งนี้เขาจะไม่บังคับเธอ
“เปล่าค่ะ เทียนแค่มองว่าร้านนี้มันกว้างดีน่ะค่ะ” ไม่มีใครรู้ว่าเทียนหอมรู้จักกับเจ้าของร้านเหล้าแห่งนี้ พวกเขามาร้านสีครามกันบ่อยแต่เทียนหอมไม่ได้มาด้วย
กิตติไม่ได้บังคับเธอ แถมเอาใจสารพัด ตักโน่นหยิบนี่ให้เธอไม่ขาด เทียนหอมก็ทานตามมารยาทเพราะไม่อยากให้ตัวเองปวดท้อง