ตอนที่ 3
พ้นผืนน้ำทะเลสีครามขึ้นมาอวดความงาม แลเห็นพรรณไม้ป่าสีเขียวขจี แซมสลับอยู่ในสีทึมเทาของภูเขาซึ่งถูกโอบเอาไว้ด้วยเวิ้งทรายและผืนน้ำ
ห่างออกไปจากบริเวณที่สองสาวทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่ แลเห็นนักท่องเที่ยวสามสี่คนกำลังสนุกสนานกับการดำผุดดำว่ายอยู่ไกลๆ ท่ามกลางลอนคลื่นเล็กๆ กระเพื่อมพลิ้วเบาๆอยู่บนผืนน้ำ คลื่นลมสงบจนน่าลงไปว่ายเล่น
“แล้วแกล่ะ...เล็งอยู่นั่นและ ได้มุมที่พอใจหรือยัง” มินตราถามบ้าง เมื่อเห็นดารินใช้เวลาอยู่นานสองนานเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้มุมที่ถูกใจ
“ได้ละ” เสียงดารินตอบเบาๆโดยไม่ได้หันมามองคนถาม
มินตราหันกระดานเขียนรูปไปตามทิศทางที่เลือก ทว่าระหว่างที่กำลังก้มหยิบอุปกรณ์ออกจากย่ามใบเก่า เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็พบว่ามีบางอย่างโผล่เพิ่มเข้ามาในมุมที่เธอเลือก จะเรียกว่าเป็นส่วนเกินที่เข้ามาขัดสายตาก็ไม่เชิงเสียทีเดียว
“เฮ้ย!...” มินตราอุทานลั่น ยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“อะไรของแก?” ดารินละมือจากหน้ากระดาษที่กำลังจรดปลายดินสอร่างรูปภูเขา ลากเส้นแนวฟ้าจรดน้ำสองสามที แล้วหันมามองเพื่อน
“แกดูอีตาบ้านั่นสิ โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ โธ่โว้ย!…มุมกำลังดีเชียว เสียบรรยากาศหมด” มินตราบ่นอุบ ชี้ให้เพื่อนดูชายหนุ่มที่ปรากฏกายขึ้นเป็นส่วนเกินของภาพโดยที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจ
ดารินชำเลืองมองไปยังทิศทางที่เพื่อนสาวบอก
“ว้าว...เซ็กซี่เป็นบ้าเลยว่ะ ถ้าแกไม่ชอบ มาแลกมุมกับฉันก็ได้นะ” ดารินแกล้งทำตาวาว หันมาทำหน้าทะเล้นกับเพื่อน
“บ้า!” มินตราเบะปาก
จากนั้นสองสาวก็หันไปมองดูชายหนุ่ม ทอดร่างกำยำอยู่ใต้ร่มเงาของจิกทะเลต้นใหญ่ เขานุ่งกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว อวดช่วงไหล่กว้าง แผงอกแกร่งที่เห็น ริ้วลายกล้ามเนื้อที่สะท้อนความคมชัดอยู่ภายใต้แสงเงาของแดดยามสาย เดาได้ว่าเขาต้องออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ดวงตาคมถูกอำพรางเอาไว้ด้วยแว่นกันแดดฉาบปรอท นอนหงายเอกเขนก กางหนังสืออ่านอย่างสบายอารมณ์
ชั่วอึดใจ เขาก็คว้าขวดน้ำแร่ที่วางอยู่ข้างๆกล้องถ่ายรูป เปิดขวดกระดกดื่มแล้วเปลี่ยนอิริยาบถจากหงายเป็นคว่ำหน้า ชันข้อศอกทั้งสองข้างลงบนผืนทราย อวดแผ่นหลังบึกบึน เลื่อมลื่นไปด้วยครีมกันแดด เปิดหนังสืออ่านต่อไปโดยไม่สนใจสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ
“คนไทยหรือฝรั่งวะแก” ดารินถาม ชำเลืองไปที่ชายหนุ่มเป็นระยะๆ
“ไม่แน่ใจ” แม้มินตราทำทีท่าว่าไม่สนใจ แต่ก็อดที่จะแสดงความเห็นไม่ได้ เมื่อดารินถาม
จากนั้นมินตราก็พยายามไม่ให้ตัวเองเสียสมาธิจากสิ่งกระตุ้นเร้าและกำลังรบกวนอยู่ในขณะนั้น รีบเบือนสายตามาที่หน้ากระดาษสีขาว ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดพร้อมๆกับการจรดปลายดินสอ เก็บรายละเอียดของภาพตรงหน้าด้วยเส้นสายรางๆเป็นรูปเป็นร่างภูเขากลางทะเลขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วด้วย ความชำนิชำนาญ
มินตราเริ่มวาดภาพตรงหน้า ไม่ได้ใส่ใจกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นอีกต่อไป ทว่าเพียงชั่วอึดใจจากนั้น หญิงสาวก็ละพู่กันด้วยความฉุนเฉียว
“เฮ้ย ยัยมิน...เกิดอะไรขึ้น” ดารินทำหน้างง ชำเลืองมองเพื่อนสาวซึ่งแสดงอารมณ์กระฟัดกระเฟียดออกมา
“อีตาบ้านั่นแอบถ่ายภาพฉัน”
“จริงด้วย” ดารินหันไปเห็นในสิ่งเดียวกันกับที่เพื่อนกล่าว
“ทำยังงี้ได้ยังไง นี่มันกำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวกันชัดๆ ไร้มารยาท ไม่รู้ว่าเป็นพวกโรคจิตหรือเปล่า” มินตราหัวเสีย สันนิษฐานถึงพฤติกรรมของชายคนนี้ไปในทางร้ายต่างๆนาๆ
“ช่างเถอะมิน อยากถ่ายก็ถ่ายไป”
“ได้ยังไง” น้ำเสียงของมินตราเอาเรื่อง เธอหยัดร่างขึ้นจากเก้าอี้ไม้ไผ่ ก้าวยาวๆไปยังชายหาดอีกด้าน ลงส้นเท้าหนังจนน่าเป็นห่วง ดารินได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
“นี่!...คุณ” หญิงสาวเรียกด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น เมื่อก้าวเข้าไปใกล้
“ครับ” เขาขานรับ แกล้งทำหน้าซื่อ ทั้งที่ประมาณเอาจากน้ำเสียงของมินตราได้ว่าเธอไม่พอใจในการกระทำของเขาอย่างแน่นอน
“คุณกำลังทำอะไรของคุณ?” เธอย่นหน้าผาก เปิดฉากกับเขาในทันที
“เอ่อ…ก็ เห็นอยู่ว่าผมกำลังถ่ายภาพ” เขาแกล้งทำไขสือ
“ถ่ายภาพอะไร?” เธอคาดคั้น ราวกับพนักงานสอบสวน
“เอ่อ…ก็ถ่ายภาพทั่วๆไป”
“โกหก เห็นอยู่ว่าคุณแอบถ่ายภาพฉัน กรุณาหยุดถ่ายภาพฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากมีเรื่อง” เธอว่า