บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

“มิน!...ระวังจะลื่น ดูทำเข้าสิ เล่นเป็นเด็กไปได้” ดารินตะโกนเสียงดัง รีบเตือนเพื่อนสาว เมื่อเห็นมินตรากระโดดโลดเต้นไปตามก้อนหินตะปุ่มตะป่ำด้วยความรู้สึกใจหาย หวาดเสียวแทนว่าเพื่อนอาจจะหกคะมำคว่ำคะเมนเอาง่ายๆ กับตะไคร่เขียวที่เคลือบอยู่ตามโขดหิน

แม้มินตราจะอยู่ในวัยสาวสะพรั่งก็จริง ทว่าบางครั้งเธอก็ยังเหมือนเด็กผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความซุกซน ยังโหยหาความสนุกแบบเด็กๆ อดใจเอาไว้ไม่ไหวที่จะก้าวเหยียบไปตามก้อนหินเหล่านั้นด้วยความสนุกสนาน

“อากาศดีมากเลย” มินตราเปรยขึ้นลอยๆ เขย่งปลายเท้า เชยใบหน้าสวยขึ้นสูดกลิ่นเค็มและคาวทะเลที่ผสานเป็นส่วนหนึ่งของเกลียวคลื่น ในขณะหนึ่งของกระแสลมที่หอบเอาเอาระลอกคลื่นส่งต่อกันมาเป็นทอดๆจากห้วงอันดามันอันไกลโพ้น

“เคยสงสัยบ้างไหม ว่าเกลียวคลื่นเหล่านี้ เดินทางมาไกลแค่ไหน…กว่าจะมาถึงชายหาด แล้วถูกผืนทรายจูบซับเอาไว้”

“แล้วจะไปสงสัยมันทำไมล่ะ” ดารินขมวดคิ้วเป็นเชิงแกล้ง ทั้งที่ใจจริงแอบนึกชมมินตราว่าช่างคิดได้

“ความสงสัยทำให้เราเริ่มค้นหา…” มินตราหันมายิ้มให้ดาริน ครั้นแล้วจึงกล่าวต่อ

“และเมื่อเริ่มค้นหา ก็เท่ากับเราเริ่มออกเดินทาง และเมื่อเราออกเดินทาง…โลกทัศน์ของเราก็จะกว้างขึ้น”

“เอ่อ…ติสต์แตกอีกแล้วแก” ดารินย่นหน้าผาก หากก็ชินเสียแล้ว

มินตราฉายแววความเป็นนักเขียนมาตั้งแต่สมัยเรียน เจ้าบทเจ้ากลอนเป็นที่หนึ่ง เพราะความละเอียดอ่อนอันเป็นพรสวรรค์ ไม่แปลกที่เธอจะมองทุกสิ่งรอบตัวแตกต่างไปจากคนอื่นๆ

ยกตัวอย่างจากภาพทะเลตรงหน้า ขณะที่มองในสิ่งเดียวกัน ดารินเห็นเพียงหาดทราย ฟ้า และเวิ้งน้ำ หากความอ่อนไหวและช่างสังเกตที่มีมากกว่า ทำให้มินตรามองเห็นเกลียวคลื่นจูบไซ้ผืนทราย มองเห็นทรายซับเอาความคิดถึงของสายน้ำที่เดินทางมาไกล มองเห็นแม้กระทั่งสายลมที่เคลื่อนไหวอยู่บนผืนฟ้า กำลังคลี่ปุยเมฆละมุนแล้วปั้นสรรค์เป็นรูปเป็นร่างอยู่ในจินตนาการอันบรรเจิด

เมื่อก้าวไปสุดแนวหิน มินตราหยุดในจังหวะสั้นๆ หันมาถามเพื่อน

“เจอมุมสวยๆหรือยัง” เธอหมายถึงวิวสวยๆตรงหน้า มุมใดมุมหนึ่งที่จะเก็บเอาความประทับใจ ถ่ายทอดลงในแผ่นกระดาษ เพื่อเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้มาเยือนเกาะเหลาเหลียง* อันเป็นความฝันใฝ่ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยของเธอ

ขณะกวาดสายตามองหาทำเลเหมาะๆเพื่อจะเขียนรูป เมื่อรู้สึกถึงแสงแดดอุ่นที่เริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนขึ้นทุกที ยืนยันด้วยสายเหงื่อรินเรี่ยเป็นสายออกมาจากช่วงรอยต่อของหน้าผากและไรผม

“ตรงนั้นดีไหม” มินตราหันไปขอความเห็นจากดารินที่ก้าวตามหลังมาติดๆ ชี้ชวนไปที่พุ่มไม้สีเขียวข้างหน้า มีโต๊ะและเก้าอี้ไม้ไผ่เก่าๆสองตัววางทิ้งเอาไว้

เมื่อเห็นว่าทำเลตรงนั้นไม่เลวนัก หากจะใช้เวลาพักเพื่อเขียนรูป เหมาะที่มีร่มไม้เขียวครึ้มพอให้หลบร้อนได้

“ใจตรงกันเลยมิน” ดารินรีบสำทับความเห็นให้กับเพื่อนสาวในทันที ทอดสายตาใบยังต้นไม้ใหญ่ที่แผ่พุ่มสีเขียวขจี ดูร่มรื่น ยื่นก้านกิ่งเผื่อแผ่ร่มเงาให้กับเวิ้งน้ำตรงหน้า แถมยังมีโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ไผ่วางเอาไว้พร้อม

“วันนี้อากาศปลอดโปร่งดีจริงๆ น่าแปลกที่เมื่อตอนเช้ามืดกลับมีฝนตก” ดารินว่า

“ทะเลก็เป็นแบบนี้แหละ บางครั้งเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางวันที่เห็นแสงแดดจ้า ทว่าไม่นานฝนอาจพรมพรำลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย” มินตรากล่าวอย่างคนที่รู้จักและเข้าใจในธรรมชาติของทะเล

ภายใต้ร่มเงาของต้นจิกทะเล อาศัยพุ่มใบเขียวครึ้มจากก้านกิ่งแผ่สยาย ช่วยบดบังความร้อน จากแสงแดดบางส่วนที่ส่องลอดพุ่มใบลงมาถึงผืนทรายเบื้องล่าง ในยามที่สายลมไหว แลเห็นเงารำไรของใบไม้ เคลื่อนขยับอยู่บนผืนทราย

ใกล้ๆกันกับต้นจิก มีพุ่มไม้เตี้ยๆขึ้นรวมอยู่เป็นกลุ่มกอ กิ่งก้านสีดำของมันหงิกงอแปลกตา หากหญิงสาวรู้สึกว่า

ต้นไม้เหล่านั้นช่วยสะท้อนความเป็นจริงในธรรมชาติ ว่าไม่มีสิ่งใดดีพร้อม เช่นต้นไม้บางต้นที่เติบโตขึ้นมาอย่างแคะแกรน โค้งงอ และบิดเบี้ยว ทว่าก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่นึกชื่นชมในความบิดเบี้ยวไม่สมบูรณ์ของมัน

มิตรามองซ้ายมองขวา กวาดสายตาสำรวจไปรอบเกาะอีกชั่วอึดใจ รู้ว่าควรรีบหาทำเลเหมาะๆ ขณะนั้นแสงและเงากำลังงดงาม หากชักช้า เมื่อตำแหน่งของดวงตะวันเคลื่อนสูงไปกว่านั้น แสงเงาย่อมเปลี่ยนตาม

“ได้มุมถูกใจหรือยังมิน” ดารินถาม

“ได้ละ มุมนี้สวยมากเลยแก” มินตราทอดสายตาไปยังภูมิทัศน์ตรงหน้า เขาหินปูนแปลกตา งดงามราวกับประติมากรรมที่โผล่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel