ตอนที่ 3
“ใช่ค่ะ.. ระหว่างนี้ดาวเลยมาเยี่ยมป้า ถือโอกาสพักผ่อนและฝึกภาษาไปในตัว กลับเมืองไทยไปคราวนี้ก็คงต้องเริ่มหางานทำแล้วละค่ะ”
หญิงสาวบอกถึงแผนการชีวิตในช่วงสั้นๆ
“ป้าคะ… ข้างๆ ไร่ของป้าเป็นไร่องุ่นใช่ไหมคะ”
ดาวฉายสังเกตเห็นเมื่อตอนเย็น เธอจดจำได้ว่าไร่ที่อยู่ติดกันมีเถาองุ่นสีเขียวขจี ทอดยาวไปตามค้างไม้ ลูกสีแดงเป็นพุ่มพวงย้อยระย้าน่าแอบไปเด็ด ปลูกอยู่บนเนื้อที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
“ใช่จ้ะ.. ไร่ข้างๆ เราปลูกองุ่นกับแอปเปิ้ล เป็นฟาร์มกึ่งไร่น่ะจ้ะ ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชไปพร้อมๆ กัน”
“ท่าทางเจ้าของไร่คงรวยมากนะคะ”
ตอนที่นั่งรถเข้ามา ดาวฉายยังจดจำได้ติดตา กับภาพของไร่องุ่นเขียวขจีบนเนื้อที่หลายร้อยไร่ ด้านซ้ายมือเป็นโรงเรือนและไซโลสำหรับเก็บเมล็ดพันธุ์พืช
“รวยมากจ้ะ.. เจ้าของชื่อคุณริคคาร์โด้”
“คุณป้ารู้จักด้วยหรือคะ?”
“ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอกจ้ะ แต่นายริคคาร์โด้คนนี้เคยขี่ม้ามาแถวนี้ ป้าก็ทักทายกันตามประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียงน่ะจ้ะ นายริคคาร์โด้คนนี้รวยมากจริงๆ นอกจากจะมีไร่มีฟาร์มอยู่หลายที่ เห็นเค้าว่ายังมีเหมืองแร่อยู่ในอเมริกาใต้อีกด้วย”
“มีเหมืองด้วยงั้นก็ต้องเรียก ‘นายหัว’ สิจ๊ะป้า”
หญิงสาวอดนึกถึงนายหัวภาคใต้ขึ้นมาไม่ได้ เหมือนที่เธอเคยอ่านเจอในนิยายโรมานซ์บ่อยๆ
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แบบจำเลยรักใช่ไหมล่ะ.. ตอนป้าเป็นสาวๆ น่ะ ละครเรื่องจำเลยรักกำลังโด่งดังมาก แนวตบจูบอะไรพวกนี้โดนใจผู้หญิงสุดๆ”
คำพูดของหลานสาวทำให้นางบุษบาย้อนระลึกไปถึงความหลังเมื่อครั้งอดีต
“แล้วลุงทอมของป้าล่ะค่ะ… เป็นพระเอกแนวไหน?”
ดาวฉายอดแซวไม่ได้
“อีตาคนนี้ไม่เน้นตบจ้ะ แต่เน้นจูบแล้วอุ้มขึ้นเตียง”
ผู้เป็นป้าตอบอย่างมีอารมณ์ขัน ว่าพลางตบไปที่ต้นแขนของสามีเบาๆ แม้จะไม่เข้าใจภาษาไทย แต่ทอมมี่ก็หัวเราะร่วนอารมณ์ดีด้วยรู้ว่าตัวเองกำลังถูกแซวอะไรสักอย่าง
ระหว่างนั่งสนทนากันอยู่ที่โต๊ะอาหาร ดาวฉายฉุกคิดถึงเรื่องที่เคยเกริ่นเอาไว้กับผู้เป็นป้าตอนที่นั่งรถออกมาจากสนามบิน ว่าเธออยากหารายได้พิเศษในระหว่างที่อยู่อเมริกา ด้วยไม่อยากให้เวลาในแต่ละวันของเธอต้องหมดเปลืองไปอย่างสูญเปล่าไร้ค่า เพราะเธอมีเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ ที่จะอยู่อเมริกา
“ป้ารู้จักคนไทยที่ทำร้านอาหารอยู่ในเมือง.. ถ้าหนูสนใจเดี๋ยวป้าจะฝากงานให้”
“ขอบคุณค่ะป้า”
“เป็นงานเสริฟอาหาร เดินบิล หนูแน่ใจนะจ๊ะว่าทำได้”
“ได้ค่ะป้า เดินบิลกับเสริฟอาหารไม่ใช่งานหนักหนาอะไรเลยค่ะ สบายมาก ตอนอยู่เมืองไทยหนูก็เคยทำบ่อยๆ ดีเสียอีก หนูจะได้ถือโอกาสฝึกภาษาไปในตัว”
ภายหลังจากตื่นนอน ล้างหน้าล้างตาเสร็จสรรพแล้วยืนสำรวจใบหน้าของตัวเองอยู่หน้ากระจกเพียงครู่สั้นๆ จากนั้นดาวฉายก็เปิดประตูออกมายืนสูดอากาศหลังบ้าน แลเห็นแปลงองุ่นสีเขียวขจีอยู่บนเนินดินยกร่องเป็นทิวแถวยาวเหยียด
บรรยากาศในตอนอรุนแรกของชนบทบ้านไร่ช่างงดงามน่าประทับใจ ถัดไปจากแปลงองุ่นคือหมอกสีขาวลอยเป็นสายรางๆ อยู่ท่ามกลางทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่าม ทุกอย่างรอบตัวล้วนงดงามเหมือนภาพฝัน
เมื่อหญิงสาวเดินลัดเลาะแปลงผักออกมาถึงหน้าบ้าน ก็พบว่าทอมมี่กำลังขึ้นไปนั่งบนรถแทรกเตอร์ เตรียมจะขับออกไปในไร่พอดี
“สวัสดีค่ะลุงทอม”
ใบหน้าแย้มยิ้มและเสียงใสดังขึ้นท่ามกลางสายลมรวยริน อากาศโดยรอบยังคงหนาวเย็น
“เฮ้ เป็นไงบ้างสาวน้อย.. เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย”
ทอมมี่ตะโกนกลับมาเสียงดัง โบกมือทักทายหญิงสาวอย่างอารมณ์ดี
“สบายดีค่ะ.. นั่นลุงทอมกำลังจะไปไหนคะ”
“ไปท้ายไร่ เดี๋ยวเจอกันตอนสายๆ นะสาวน้อย”
บอกแล้วรถแทรกเตอร์สีแดงก็เคลื่อนออกไปจากหน้าบ้าน หญิงสาวรีบกลับเข้าไปในบ้าน ได้ยินเสียงก่อกแก่กดังแว่วออกมาจากครัว นางบุษบาผู้เป็นป้ากำลังง่วนอยู่กับงานในมือ
“มีอะไรให้ดาวช่วยมั้ยคะป้าบุษ”
หญิงสาวยื่นใบหน้าผ่านกรอบประตูเข้าไปทักทายสตรีผู้สูงวัยกว่า ในมือของหล่อนถือผ้าเช็ดจาน ที่เอวมีผ้ากันเปื้อนสีขาวคาดทับเอาไว้
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ.. เดี๋ยวป้าจัดการเอง”
ผู้เป็นป้าหันมาส่งยิ้มให้หลานสาว