ตอนที่ 2
ในเวลาต่อมา ที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ภายใต้แสงไฟดวงเทียนแรงต่ำที่สาดลงมาจากเพดานห้องครัวของบ้านไม้หลังย่อม
“ป้าบุษกับลุงทอมอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้วคะ?”
หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้
“สิบห้าปีแล้วจ้ะ”
“โห! นานนะคะ”
“ใช่จ้ะ ก็ตั้งแต่ป้าตัดสินใจแต่งงานกับทอมมี่นั่นแหละ จากนั้นก็ใช้ชีวิตร่วมกันเรื่อยมา”
นางบุษบาตอบพลางตักอาหารใส่จานให้สามี
“ขอบใจจ้ะที่รัก”
ทอมมี่เป็นชายวัยกลางคน ผิวขาว รูปร่างสูงใหญ่ ผมบนศีรษะบางจนเกือบล้าน ต่างจากใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้ม แม้ว่าแผงหนวดดกหนาเหนือริมฝีปากจะทำให้ใบหน้าของทอมมี่แลดูดุ แต่เวลาเขายิ้มก็เหมือนผู้ใหญ่ใจดีทั่วไป
“แล้วป้าบุษกับลุงทอมเจอกันได้ยังไงคะ?”
สาวน้อยถามด้วยความอยากรู้ เอียงหน้ารอฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ นึกสงสัยถึงที่มาที่ไปของหญิงชายต่างเชื้อชาติคู่นี้
ดาวฉายเคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่อง ‘รักแรกพบ’ และ‘บุพเพสันนิวาส’ มาโดยตลอด ด้วยมองว่ามันเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ที่ทำให้หญิงชายได้มาพบเจอ และใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งที่อยู่กันคนละซีกโลกอย่างป้าของเธอกับทอมมี่เป็นตัวอย่าง
“ตอนนั้นป้าทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร… แล้วทอมมี่แวะไปที่ร้านบ่อยๆ”
“บอกได้ไหมคะคุณป้า... ว่าใครจีบใครก่อน?”
หญิงสาวประสานมือทั้งสองข้างไว้ใต้คาง แววตาอยากรู้เรื่องราวสุดโรแมนติกของสองสามีภรรยาคู่นี้
“ลุงทอมมาจีบป้าก่อน… ตอนแรกป้าไม่สนใจ บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นป้าไม่รู้สึกชอบผู้ชายชาวต่างชาติเอาเสียเลย รู้สึกว่าเค้าตัวใหญ่มาก ป้ารึก็ตัวเล็กแค่นี้ ขืนได้เสียเป็นเมียผัวมีหวังป้าโดนทับแบนเป็นกล้วยปิ้ง ทั้งรูปร่างทั้งภาษาล้วนแตกต่างกันมากมาย บอกตรงๆ ว่าป้ากลัวเรื่องการปรับตัวเข้าหากันเป็นที่สุด เพราะเราต่างก็เติบโตมาจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน”
พูดแล้วก็หยุดมองหน้าสามี ทอมมี่หันมาส่งยิ้มหวาน เขาไม่เข้าใจภาษาไทย แต่ก็พอรู้ว่าภรรยากำลังเอ่ยถึงตน
“แล้วทำไมจึงมาลงเอยกับลุงทอมได้ล่ะคะ”
ดาวฉายซักไซ้เรื่องราวอย่างตั้งอกตั้งใจ ราวกับว่าจะนำเอาชีวิตของผู้เป็นป้าไปเขียนนิยายสักเรื่อง
“ก็อีตาคนนี้แวะมาที่ร้านอาหารทุกวัน.. อันที่จริงทอมไม่ได้อยากกินอาหาร แต่เขาสารภาพตรงๆ ว่าอยากกินป้า”
“อร๊าย!... ”
หญิงสาวช่างซักไซ้อุทานเบาๆ ด้วยความลืมตัว คำพูดของผู้เป็นป้าทำเอาใบหน้าของเธอแดงก่ำ
“ลุงทอมตื๊อมากจ้ะ… เชื่อไหมว่าเขาแวะมาที่ร้านทุกวัน เอาดอกไม้ในไร่มาฝากป้าทุกวันตลอดหนึ่งปีที่จีบป้า กระทั่งวันหนึ่งป้าใจอ่อน หลวมตัวยอมให้ทอมพามาเที่ยวที่ไร่ของเขา แล้วเราก็เลย… อิอิ”
นางบุษบายิ้มเขินๆ ละเว้นบางประโยคเอาไว้ในฐานที่เข้าใจ
“โรแมนติกจัง… อย่าหยุดค่ะป้า หนูอยากฟังต่อค่ะ”
หลานสาวเร่งเร้า
นางบุษบาเริ่มเล่าต่อไปอย่างมีอารมณ์ขัน เหมือนรู้ว่าความสุขในชีวิตอย่างหนึ่งของคนเราก็อยู่ที่การได้เล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
“ทอมไม่ใช่คนร่ำรวย เขาเป็นแค่ชาวไร่บ้านนอกธรรมดา แต่ที่ป้ารักเขาก็เพราะรู้ว่าทอมรักป้าอย่างจริงใจ ซึ่งป้าเองก็เคยใช้ชีวิตมามาก เคยลองผิดลองถูกมาเยอะ กระทั่งรู้ซึ้งแล้วว่า ‘เงิน’ ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต เหตุนี้เองที่ทำให้ป้าเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับชาวไร่อย่างทอม เขาเป็นผู้ชายที่ทำให้ป้าค้นเจอความสุขอย่างแท้จริง… ในฟาร์มเล็ก แต่มากล้นไปด้วยความรักและความเข้าใจจนป้ารู้ว่าชีวิตนี้จะหาผู้ชายอย่างทอมไม่ได้อีกแล้ว”
“อ๊อย ซึ้งอ่ะ… แล้วตอนอยู่ด้วยกันแรกๆ มีปัญหาในการปรับตัวไหมคะ”
สาวน้อยยังไม่หายสงสัย แอบนึกอิจฉาผู้เป็นป้าอยู่ในใจว่าในชีวิตเธอจะมีโอกาสพบเจอเรื่องราวสุดโรแมนติกแบบนี้กับเค้าบ้างไหมหนอ?
“แรกทีเดียวป้าก็กลัว กลัวความแตกต่าง แต่พอมีโอกาสได้มาอยู่ด้วยกันจริงๆ จึงได้รู้ว่า ‘ความรัก’ ที่มีต่อกันนั่นเอง ที่ทำให้ทุกอยางง่ายขึ้น ทำให้ป้ายอมผ่อนปรนเงื่อนไขมากมายที่เคยตั้งเอาไว้ เมื่อรู้ซึ้งแล้วว่าทอมรักป้าจริงๆ”
พูดจบนางบุษบาก็หันไปหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ ทอมมี่หันมาจูบตอบที่ปากของภรรยาเสียงดังจ๊วบ ราวกับว่าการแสดงความรักต่อกันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของทั้งสอง ทำเอาหญิงสาวหน้าแดงก่ำ เป็นฝ่ายเคอะเขินขึ้นมาเสียเอง
ดาวฉายไม่มีปัญหาในการสื่อสารภาษาอังกฤษ ด้วยเธอเรียนจบเอกภาษาอังกฤษ ทำให้สามารถพูดคุยกับทอมมี่ได้อย่างคล่องแคล่ว
“ตอนนี้หนูเรียบจบแล้วใช่มั้ยจ๊ะ?”
นางบุษบาชวนคุยต่อ