ตอนที่ 4
“งั้นดาวขออนุญาตออกไปขี่จักรยานเที่ยวในไร่นะคะ”
“ได้สิจ๊ะ.. เดี๋ยวสักพักค่อยกลับมากินข้าว อาหารเช้าจวนเสร็จแล้ว วันนี้ป้าถือโอกาสทำอาหารไทย”
“ค่ะป้า.. แกงเขียวหวานใช่ไหมคะ กลิ่นหอมเชียวค่ะ”
หญิงสาวรีบเดินออกมาหน้าบ้าน คว้าจักรยานที่จอดเอาไว้ใต้ชายคาของโรงจอดรถ ขี่เรื่อยเอื่อยออกมาตามทางดินทอดยาวเข้าไปในไร่ด้วยสีหน้ารื่นรมย์ ถีบจักรยานพลางฮัมเพลงเบาๆ
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ
ด้วยความเพลิดเพลินกับบรรยากาศรายรอบกาย ราวกับถูกสะกดเอาไว้ด้วยเวทมนต์ของสายลมและแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดทอมาอย่างอ่อนโยน
หญิงสาวมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พบว่ารถจักรยานของตนได้มาหยุดอยู่ริมรั้วไม้สีขาว ข้างๆ เป็นไร่องุ่นทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
“สวยจังเลย… ”
เสียงพูดเบาๆ คล้ายรำพึงคนเดียว
ปลายเท้าน้อยๆ ก้าวย่ำไปตามพื้นซึ่งแลเห็นเม็ดน้ำค้างพราวอยู่บนใบหญ้า เธอมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าปลอดคนก็ตัดสินใจมุดรั้วเข้าไปยังแปลงองุ่นของไร่ข้างๆ มือเรียวเอื้อมออกไปเด็ดลูกสีแดงๆ ที่ย้อยระย้าอยู่ใต้พุ่มใบสีเขียวอย่างอดใจเอาไว้ไม่อยู่
“นั่นแน่ะ! จับได้แล้ว นึกว่านกหนูหรือกระรอกที่ไหนมาแอบกินองุ่น ที่แท้ก็หัวขโมยนี่เอง”
น้ำเสียงเยียบเย็นดังมาจากทางข้างหลัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว
เมื่อหันไปมองก็พบว่าเจ้าของเสียงดุๆ นั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่ ตัวโตเหมือนยักษ์ เดาได้ว่าความสูงของเขาน่าจะเฉียดสองเมตรหรือไม่ก็เกิน กำลังสืบเท้าเข้ามาหาเธออย่างเอาเรื่อง
คนตัวโตเดินใกล้เข้ามาในระยะประชิด มือใหญ่ยกขึ้นขยับหมวกปีกที่บดบังเสี้ยวหน้าบางส่วนเอาไว้
‘อุต่ะ’ ดาวฉายอุทานอยู่ในใจ
ตอนที่เขาถอดหมวกออกมานั่นเอง จึงได้เห็นว่าเจ้าของน้ำเสียงเข้มๆ คนนี้เป็นผู้ชายที่โคตรหล่อ หน้าผากกว้างรับกับกรอบดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสันสวย รอบๆ คางและสันกรามทั้งสองข้างรกครึ้มไปด้วยหนวดเครา แต่น่าแปลกที่มันยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูคมคายสมชายชาตรี เมื่อประกอบเข้ากับผิวสีทองแดงคร้ามแดดก็ยิ่งทำให้เขาดูหล่อเข้มทำเอามือไม้อ่อนระทวยได้เลยทีเดียว
หญิงสาวรู้สึกราวกับว่าหัวใจตัวเองกำลังละลายลงไปด้วยความหล่อขาดบาดใจของผู้ชายคนนี้
“ว่ายังไง.. หัวขโมย”
น้ำเสียงเยียบเย็น จงใจปรักปรำให้เธอเป็นคนผิดให้ได้ และเมื่อเห็นว่าดาวฉายนิ่งเงียบ แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่าหญิงสาวกำลังถูกสะกดด้วยดวงตาสีน้ำผึ้งชวนฝันของเขา
น่าแปลกว่าในแต่ละครั้งที่ผู้ชายคนนี้มองมา ดาวฉายรับรู้ได้ด้วยความรู้สึกพิเศษบางอย่าง ว่าดวงตาคมกริบคู่นั้นจงใจเผยประกายความเร่าร้อนออกมาให้เธอเห็น
“โดนจับได้คาหนังคาเขา ถึงกับพูดไม่ออกเชียวรึสาวน้อย”
เขากดน้ำเสียงต่ำๆ ในลำคอจนน่ากลัว
“ฉัน… ”
หญิงสาวถอยร่นจนบั้นท้ายกระแทกเข้ากับรั้วไม้ซึ่งทอดเป็นแนวยาวอยู่ทางด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ยังไม่หยุดรุกราน เขาเดินตรงเข้ามาประชิดเหมือนเธอทำความผิดร้ายแรงยังไงยังงั้น
“เธอทำผิด.. เห็นทีว่าฉันต้องลงโทษ”
เขาทำท่าว่าจะขยับเข้ามาใกล้ กระนั้นหญิงสาวจึงยกมือขึ้นปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ ทำให้องุ่นลูกเดียวที่ซ่อนเอาไว้ในกำมือผลุบเข้าไปในปากอย่างไม่ตั้งใจนัก
“นั่นแน่ะ.. คิดจะทำลายหลักฐานใช่ไหมหัวขโมย”
พูดจบมือใหญ่สั้งสองข้างของเขาก็กอบเข้าที่ใบหน้าตื่นตระหนกของเธอ จากนั้นริมฝีปากรกไปด้วยไรหนวดก็ค้อมลงมาฉกเข้าที่กลีบปากอวบอิ่ม
‘อ๊อย…’
เสียงร้องทัดทานดังขึ้นในใจของดาวฉาย วินาทีแรกที่ริมฝีปากเขาแตะลงมาที่กลีบปากอ่อนนุ่มของเธอ มันเหมือนจังหวะที่ใบไม้ร่วงหล่นลงแตะผืนน้ำอันสงบนิ่งและรอคอย เกิดเป็นวงคลื่นเล็กๆ ของความรู้สึกหวามไหว กระเพื่อมออกไปในทุกทิศทาง ไม่น่าเชื่อว่ามันจะซ่านสยิวไปในกระแสความรู้สึกราวกับว่าทั้งชีวิตของเธอเกิดมาเพื่อรอคอยจูบนี้ จากผู้ชายที่เธอยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร? รู้แต่ว่าเขาช่างใจกล้า บุ่มบ่ามถึงเนื้อถึงตัวอย่างที่เห็น
น่าจูบเหลือเกิน ชายหนุ่มนึกในใจ ขณะที่ริมฝีปากรกไปด้วยไรหนวดของเขายังผนึกแน่นเข้ากับกลีบปากสีชมพูเรื่อระมุนไปด้วยเลือดเนื้อของวัยสาว
“อ๊ะ… ”
ฝ่ามือน้อยๆ พยายามยื้อยันแผงอกกว้างของคนตัวใหญ่ ที่พยายามเบียดกายกำยำเข้ามาหา เสี้ยวอึดใจต่อมาปลายลิ้น