ตอนที่ 4 แนะนำตัว
ตอนที่ 4 แนะนำตัว
ต้นกล้าหรือเฮียกล้า ลูกชายคนที่สามของบ้านจอดรถเสร็จ เขาก็รีบเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอวดฟันขาว
"เมื่อกี้ผมถาม เฮียยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ สาวน้อยคนนี้ใครเหรอ" ต้นกล้าถามใหม่ แอบคิดไปไกลเมื่อเห็นพี่ชายพาผู้หญิงเข้าบ้าน
"เฮียบอกไปแล้วว่าไม่รู้จัก ยัยนี่แอบขึ้นรถเฮียมา อยากรู้ก็ถามเอา" สายตาของต้นกล้าเบนไปหานาราทันที
"เฮียชื่อต้นกล้านะ เรียกเฮียกล้าก็ได้ เฮียเป็นน้องชายของเฮียผา แล้วเราล่ะชื่ออะไร" ต้นกล้าจัดการแนะนำตัวเองและพี่ชายให้เสร็จ จากนั้นก็เนียนถามชื่อของเธอทันที ที่ถามเพราะอยากรู้เองด้วย แต่ที่มากไปกว่านั้น ถามเผื่อพี่ชาย
"หนูชื่อเพียงนารา เรียกนาราเฉยๆก็ได้ค่ะ"
"อายุเท่าไหร่ ยี่สิบหรือยัง" ต้นกล้าเป็นคนยิงคำถาม ส่วนอีกคนยืนฟังเฉยๆ
"หนูอายุยี่สิบเต็มแล้วค่ะ" สายตาของต้นกล้ามองไปที่ใบหน้าของพี่ชาย อยากบอกเฮียผาว่า...ไม่ติดคุกแล้วนะ บรรลุนิติภาวะแล้ว
"มึงกำลังเข้าใจกูผิด" เฮียผาพูดกับน้องชายด้วยน้ำเสียงเข้มๆ เขาไม่ได้สนใจเด็กผู้หญิงคนนี้ นอกจากจะไม่สนใจแล้ว ยังไม่ไว้ใจอีกด้วย
"บ้านนาราอยู่ที่ไหนเหรอ" ต้นกล้าถามต่อ ส่วนอีกคนก็ยังคงยืนฟังไม่ยอมขยับไปไหน นั่นจึงทำให้ต้นกล้าคิดว่าพี่ชายมีใจ แต่ที่จริงแล้วเขาก็แค่ไม่ไว้ใจเธอ จึงยืนฟังอยู่อย่างนั้น อยากรู้ว่าเธอคนนี้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงกันแน่ ด้วยนิสัยส่วนตัวภูผาไม่ค่อยไว้ใจใครง่ายๆ
"หนูเป็นคนอำเภอเมืองค่ะ" ในขณะที่กำลังพูดคุยกัน สองสาวพราวมุกกับตะวันที่อยู่ด้านในบ้านก็เดินออกมาดู พวกเธอได้ยินแว่วๆเหมือนมีเสียงผู้หญิง
"อ้าวตะวัน มุก มานี่ๆ" เฮียกล้าหันไปเห็นน้องสาวกับภรรยาของเขาเดินออกมาพอดีจึงกวักมือเรียกให้เดินเข้ามาหา
"มุก...เฮียกล้าพาใครมาน่ะ" ตะวันพูดแกล้งพี่ชายของเธอเล่น เมื่อเห็นสาวน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักยืนอยู่กับพี่ชายของเธอทั้งสองคน
"ไอ้ตะวันเดี๋ยวเถอะ เฮียผาพามา ไม่ใช่เฮียสักหน่อย น้องชื่อนารานะ ส่วนคนนี้ชื่อพี่มุก ภรรยาคนสวยของเฮียเอง ส่วนคนนี้น้องสาวคนเล็กชื่อพี่ตะวัน" เฮียกล้าจัดการแนะนำทุกๆคนให้รู้จักกัน ส่วนเฮียผายืนกอดอกทำท่าเหมือนไม่สนใจแต่ก็ไม่ยอมเดินออกไป
"สวัสดีค่ะ พี่มุก พี่ตะวัน หนูชื่อนาราค่ะ" พราวมุกกับตะวันรับไหว้น้อง ด้วยสีหน้างุนงง เนื่องจากเฮียผาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านมาก่อน
"แล้วมากับเฮียผาได้ยังไง" เป็นเสียงของตะวัน เธอทนความสงสัยของตัวเองไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกไป
"หนูหนีแม่มาค่ะ"
"หนีแม่...สงสัยเรื่องจะยาว มาๆเข้าบ้านก่อน" เป็นเฮียกล้าที่เดินนำพาทุกคนเข้าบ้าน เข้าไปถึงก็เจอแม่กำลังนั่งมองหน้าหลานอยู่กลางบ้าน
"นารา นี่แม่เฮียเอง" ท่านกำลังนั่งอยู่ข้างๆหลานสาวตัวเล็ก ท่าทางปลื้มอกปลื้มใจ
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีลูก" แม่รับไหว้ด้วยสีหน้าสงสัย สายตาของท่านมองใบหน้าของลูกๆสลับกันไปมา
"ส่วนคนนี้ลูกสาวเฮียเอง หลับปุ๋ยเลย ชื่อน้องปลายฝน" คุณพ่อกำลังเห่อลูกสาว เข้ามาในบ้านได้ ก็ขอเข้าไปทักทายลูกสาวก่อนถึงแม้ว่าน้องปลายฝนจะกำลังหลับอยู่ก็ตาม
"จ๊อก จ๊อก" อยู่ๆเสียงท้องของนาราก็ร้องดังขึ้น เธอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย เสียงที่เกิดขึ้น ทำเอาคนหูดีส่งสายตามองมาที่ท้องของเธอแล้วถอนหายใจ
"ท้องใครร้องน่ะ" เสียงแม่เอ่ยถาม ซึ่งตอนนี้ท่านก็ได้หุงข้าวทำกับข้าวไว้รอลูกๆของท่านเยอะแยะเลย
"ท้องนาราค่ะ"
"หิวแล้วเหรอลูก"
"ค่ะ หนูยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยค่ะ" ในขณะนี้เองรถยนต์อีกคันก็ขับเข้ามาจอด เป็นรถของเฮียสิงห์ ลูกชายคนที่สองของบ้าน เขาเดินเข้าบ้านด้วยท่าทางปกติ แต่พอเจอหญิงสาวไม่คุ้นหน้าเท่านั้นแหละ
"ใคร?" สายตามองหน้าทุกคนด้วยความสงสัย
"นารา...คนนี้เฮียสิงห์" เป็นตะวันที่เอ่ยแนะนำให้
"สวัสดีค่ะ เฮียสิงห์"
"สวัสดีครับ แล้ว..." เฮียสิงห์ยังคงอยากรู้ต่อว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน แล้วมานั่งอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใครพามา
"ยังไม่ต้องกิน...เล่าเรื่องของเธอทั้งหมดให้ทุกคนฟังก่อน ดูจากสีหน้าของทุกคนคงจะอยากรู้มาก ขอความจริงด้วยนะ" เฮียผาตัดความรำคาญขี้เกียจตอบคำถามทีละคน ในเมื่ออยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วก็ให้เธอนั่นแหละเป็นคนเล่า
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้มีความอยากรู้ไม่ได้ต่างกัน จากนั้นนาราก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองให้ทุกคนฟัง โดยไม่คิดที่จะปิดบัง ใครสงสัยก็ถาม เธอก็บอกหมด อยากให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่เธอพูดเพราะเธออยากได้งานทำและที่พักที่ปลอดภัย เธอมีเงินติดกระเป๋ามาแค่นิดหน่อยเท่านั้น ถ้าคนที่นี่ไม่ช่วยเธอก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร
"เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้ค่ะ"
"น่าสงสารจัง" เป็นเสียงของตะวัน รู้สึกสงสารนาราจับใจ ทุกคนเชื่อแต่ยกเว้นภูผาเขายังไม่เชื่อ
"ยัยหนู นอนที่นี่สักคืนก่อนก็ได้" เป็นเสียงของแม่เอ่ยชวน ท่านเองก็รู้สึกสงสารหญิงสาวอายุน้อยคนนี้เหมือนกับคนอื่นๆ เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวถ้าไล่ให้ไปอยู่ที่อื่นคงใจร้ายเกินไป
"คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ ผมจะเอาเธอไปด้วย ห้องพักคนงานมีว่างอยู่หนึ่งห้อง ให้เธอไปอยู่ที่นั่นก็แล้วกัน" ทันใดนั้นใบหน้าจิ้มลิ้มก็คลี่ยิ้มกว้างออกมาทันทีด้วยความดีใจ เวลานี้เธอนอนที่ไหนก็ได้ ขอแค่ให้มีที่ซุกหัวนอนก่อนก็พอ
"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ หนูไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนจริงๆ" ฝ่ามือเรียวเล็กยกขึ้นไหว้เฮียผาท่าทางดีใจมาก
"ถ้าสิ่งที่นาราเล่ามาเป็นความจริง เฮียว่าไปอยู่ในสวนกับเฮียผาน่ะเหมาะแล้ว เพราะที่นั่นปลอดภัยไม่มีใครกล้ามาทำอะไรนาราแน่นอน" เป็นเสียงของเฮียสิงห์ยืนยันความปลอดภัยให้เธออีกเสียง ถึงในนั้นจะมีคนงานผู้ชายเป็นส่วนมาก แต่ทุกคนก็ไว้ใจได้
"หนูไม่มีเสื้อผ้าติดตัวมาเลยค่ะ" นาราก้มหน้าพูดรู้สึกเกรงใจทุกคนอยู่มาก แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครแล้ว
"เสื้อผ้ามีเยอะแยะกินข้าวอิ่มแล้วพี่จะไปดูมาให้"
"เสื้อผ้ามุกเยอะแยะเลย คงใส่ไม่ได้แล้ว ให้นาราแล้วกัน"
"ขอบคุณพี่ตะวันกับพี่มุกมากค่ะ" ฝ่ามือเรียวยกขึ้นไหว้พราวมุกกับตะวันด้วยความเกรงใจ ในความโชคร้ายของเธอ ก็ยังได้มาเจอคนจิตใจดีที่บ้านหลังนี้
"ไม่ต้องเกรงใจ พี่ยกให้หมดเลย" คุณแม่ลูกอ่อนหลังจากที่ได้คลอดลูกออกมาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน น้ำหนักยังอยู่ที่แม่อีกมาก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้ำหนักของเธอจะยุบลงเหลือเท่าเดิม
หลังจากพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ ก็หาอาหารมานั่งกินกันจนอิ่ม
"เฮียผารอหนูแป๊บนึง ขอไปหาเสื้อผ้าให้นาราก่อน" ไม่นานพราวมุกกับตะวันก็เดินมาพร้อมกับกระเป๋าสองใบ ยื่นให้นารา ในกระเป๋าใบหนึ่งมีเสื้อผ้า ส่วนอีกใบเป็นของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิง
ตะวันกับพราวมุกเก็บเสื้อผ้าที่เธอไม่ได้ใส่แล้วเอามาแบ่งให้นาราพร้อมกับชุดชั้นในตัวใหม่ที่ยังไม่ได้ใส่ คิดซะว่าบริจาคให้น้องไป
"โอ้โห...ทำไมให้เยอะจังคะ"
"ของพี่มีไม่กี่ตัว ส่วนมากเป็นของคุณแม่ลูกอ่อนน่ะ พี่มุกใส่ไม่ได้แล้ว ยกให้นาราหมดเลย"
"ขอบคุณพี่ตะวัน ขอบคุณพี่มุกค่ะ" ก่อนที่จะรับเอากระเป๋ามาถือไว้ ฝ่ามือเรียวสวยยกขึ้นไหว้พี่สาวทั้งสองคนด้วยท่าทางอ่อนน้อมเป็นการขอบคุณ
"ไปขึ้นรถได้แล้ว" เสียงเข้มๆของใครบางคนบอกให้นาราขึ้นรถ พร้อมกับเดินนำออกจากบ้านไปตัวเปล่า
"ค่ะ"
"เฮียผาเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ อย่าไปถือสาเขาเลยนะ มาพี่ช่วยถือไปส่งที่รถ" ตะวันช่วยนาราหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ไปส่งที่รถ จากนั้นทั้งสองคนก็พากันขับรถออกไป...
"เฮียสิงห์จะกลับแล้วเหรอ"
"อือ...มีอะไรหรือเปล่า"
"หนูอยากได้พี่สะใภ้ชื่อนารา"
"เฮียผาจะเอาเหรอ อายุน้อยกว่าเกือบๆยี่สิบปีเลยนะ"
"อย่าถามเฮียผาเลยว่าจะเอาเด็กมั้ย ถามนาราดีกว่าว่าจะเอาคนแก่หรือเปล่า"
"ความแก่มันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ แต่กว่าจะเป็นได้มันต้องใช้เวลา"
"แหม...พูดเข้าข้างความแก่ของตัวเองด้วยใช่มั้ยล่ะ ไปๆกลับไปนอนได้แล้ว" เฮียสิงห์ส่งยิ้มให้น้องสาวจากนั้นเขาก็ขับรถออกไป
ในทุกๆวันหลังจากรับประทานอาหารเย็นอิ่มแล้ว เฮียผาจะไปนอนที่บ้านในสวน เฮียสิงห์ไปนอนเฝ้าร้าน ส่วนเฮียกล้านอนที่บ้านเป็นเพื่อนแม่กับน้องสาว เนื่องจากในบ้านมีแต่ผู้หญิง จำเป็นต้องมีผู้ชายอยู่ด้วยสักคน สังคมสมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้
?????