ตอนที่ 3 พบเจอ
ตอนที่ 3 พบเจอ
"นั่น! มันอยู่นั่น ตามมันไป!!" เสียงออกคำสั่งดังลั่นไปทั่วบริเวณ
นาราเกิดอาการกลัวจัด กลัวว่าถ้าเธอถูกจับได้แม่คงทำร้ายเธอหนักกว่าทุกครั้งแน่ๆ ฝีเท้าที่กำลังวิ่งด้วยความรวดเร็วนั้นต้องหยุดลงทันที
เมื่อเธอเห็นรถกระบะสี่ประตูสีดำยกสูงคันหนึ่ง จอดซื้อของอยู่ที่ข้างทางตรงที่นาราวิ่งมาพอดี นารารีบก้มตัวแอบอยู่ที่ข้างรถด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่เจ้าของรถกำลังซื้อของอยู่ นาราจึงเปิดประตูรถทางด้านหลังแล้วขึ้นไปนั่งแอบอยู่ด้านในรถทันที
"เร็วชิบ...หายไปไหนแล้ววะ" เสียงของใครบางคนดังอยู่ข้างๆรถคันที่นาราแอบอยู่ สักครู่เจ้าของรถก็เปิดประตูเข้ามานั่ง แล้วขับออกไป
'เฮ่อ...รอดแล้ว' นาราคิดในใจพร้อมกับอาการโล่งอก
ในขณะที่นารานั่งขดตัวอยู่ในรถ คนขับก็ช่างอารมณ์ดีซะเหลือเกิน เปิดเพลงฟัง ผิวปากไปตลอดทาง ท่าทางอารมณ์ดี จนนาราเผลอหลับไปด้วยความเพลิดเพลิน ไม่รู้ว่านั่งหลับไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกที รถตกหลุมศีรษะกระแทกเข้ากับประตูรถจนเกิดเสียงซึ่งเธอเองก็ตกใจ
"โอ๊ย!" เสียงของเธอดังขึ้น เท้าของคนขับรีบเหยียบเบรคจอดกะทันหัน
"ใครน่ะ!!" จากนั้นเขาก็หันหน้ามาทางด้านหลัง มองมาที่หญิงสาวด้วยใบหน้ายุ่งๆ
'หล่อ...' นาราคิดในใจเธอรู้สึกแบบนี้จริงๆ
ใบหน้าคมคาย ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันจนแน่น ดวงตาคมจับจ้องมองมาที่ใบหน้าของนาราอย่างไม่เป็นมิตร เห็นแค่ด้านข้างกับท้ายทอยก็ว่าดูดีแล้ว หันหน้ามาดูดียิ่งกว่าที่คิด ก้นของเธอค่อยๆขยับขึ้นมานั่งอยู่บนเบาะนุ่มๆแล้วส่งยิ้มไปให้เขา
"ฉันถามว่าเธอเป็นใคร แล้วเข้ามาอยู่ในรถได้ยังไง" เสียงเข้มเอ่ยถามจนนารานึกกลัว สายตาของเธอมองออกไปด้านนอกรถ...ที่นี่ที่ไหน?
"นี่! ฉันถามหูหนวกหรือไง" เสียงดุๆของเขาทำให้นาราสะดุ้ง เธอกำลังคิดว่าควรจะตอบออกไปยังไงดี
"เอ่อ...คุณอาคะ"
"ฉันไม่เคยมีพี่ชาย" คำพูดและน้ำเสียงของเขาทำให้นาราถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เธอเข้าใจว่าเขาไม่ชอบให้เธอเรียกเขาแบบนี้
"เอ่อ...เอ่อ...คือหนู" ยิ่งโดนดุนารายิ่งพูดไม่ออก แถมสีหน้าของคนตรงหน้าดูแล้วไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
"ฉันถามว่าเธอเป็นใคร! แล้วขึ้นมาอยู่บนรถคันนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่" สายตาของเขาแอบสำรวจใบหน้าและรูปร่างของหญิงสาวตรงหน้า...ยังเด็กอยู่เลย!
"หนูเป็นคนปกติธรรมดานี่แหละค่ะ ขึ้นมาจากท่ารถที่ตลาดในเมืองค่ะ" สายตาจับจ้องมองไปที่ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธออีกครั้ง พลางคิดถึงช่วงเวลาที่เขาลงไปซื้อของแล้วสตาร์ทรถทิ้งเอาไว้ แค่ช่วงเวลาแป๊บเดียวเท่านั้น เห็นคนจำนวนหนึ่งเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่างแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
"หนีอะไรมา..."
"หนีแม่ค่ะ"
"หนีแม่...เป็นเด็กใจแตกหรือยังไง รีบลงไปเลยนะ ฉันไม่อยากเดือดร้อน" นารามองออกไปทางด้านนอกรถอีกครั้ง ที่ตรงนี้คือที่ไหน แล้วเธอจะไปไหนต่อดี
"หนูไม่มีที่ไป" เธอไม่อยากรบกวน แต่อยากให้เขาช่วยหาที่พักให้ ซึ่งตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมงท้องฟ้าก็คงจะมืด
"ไม่สนใจ ลงไป!"
"แม่ติดหนี้ที่บ่อนค่ะ แม่อยากให้หนูแต่งงาน แม่จะเอาเงินค่าสินสอดไปใช้หนี้ แต่หนูไม่ยอมก็เลยหนีค่ะ" นาราพยายามอธิบายเผื่อว่าเขาจะใจอ่อนยอมช่วยเธอหาที่พักสำหรับคืนนี้ก่อน
"แม่ที่ไหนจะทำแบบนี้ ฉันไม่เชื่อ"
"แม่เลี้ยงค่ะ พ่อของหนูเสียไปสองปีแล้ว" นาราน้ำตาคลอทำท่าเหมือนจะร้องไห้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้
"นี่มันเรื่องน้ำเน่าจากละครเรื่องไหนเนี่ย ลงไปเลยนะ!" ยังไงเขาก็ไม่เชื่อ!
"ค่ะๆ ขอบคุณนะคะ ที่พาหนูมาด้วย เอ๊ะ!" เธอทำท่าหาของลูบๆคลำๆอยู่ที่กระเป๋ากางเกงและหาตามพื้นรถ จากนั้นก็เปิดกระเป๋าสะพายดู แล้วก็หาต่อ ท่าทางเคร่งเครียด
"จะมาลูกไม้อะไรอีกล่ะ"
"เงินหนูหาย" เธอจำได้ว่าเงินที่ป้าบุญให้มา เธอยัดใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง มันน่าจะหล่นหายไปตอนที่วิ่งหนีแม่
"ดูละครมากเกินไปหรือเปล่า" ใบหน้ายุ่งๆของคนไม่เชื่อเริ่มเอือมระอา
"จริงๆนะ หนูมีเงินติดตัวมานิดหน่อยกะว่าจะเอามาหาห้องเช่ากับซื้อเสื้อผ้า" ประโยคนี้น้ำตาที่คลออยู่ก่อนหน้าได้ไหลลงมาอาบแก้มนวลด้วยความน้อยใจในโชคชะตา
"แล้วเจอมั้ย" นาราส่ายหน้าให้ทั้งน้ำตา
"สงสัยหนูจะทำหล่นหายตอนวิ่งหนีแม่กับผู้ชายพวกนั้นค่ะ"
"ถ้าสิ่งที่เธอพูดมาเป็นเรื่องจริง ก็ควรจะเลิกเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่ได้แล้ว"
"เมื่อก่อนท่านก็ดี หลังจากที่พ่อเสียไป แม่ก็เข้าบ่อนเล่นการพนัน แถมยังติดเหล้าหนักอีกด้วย"
"น้ำเน่าจริงๆ" น้ำเสียงและสีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย แต่ก็อยากรู้ว่าเธอเข้าหาเขามีจุดประสงค์อะไร
"ปั่กๆ เฮียๆ รถเสียเหรอทำไมมาจอดอยู่ตรงนี้" เสียงมือตบกระจกรถดังขึ้น พร้อมกับเสียงของน้องชายคนที่สามของบ้าน...ต้นกล้าหรือเฮียกล้า
ตรงที่จอดอยู่ตอนนี้เป็นทางเลี้ยวเข้าบ้านแม่พอดี ส่วนคนที่มาเคาะกระจกรถก็คือต้นกล้า สถานะมีเมียแล้ว มีลูกสาววัยเพิ่งคลอดเมื่ออาทิตย์ก่อน ทุกคนในบ้านกำลังเห่อสมาชิกคนใหม่ของบ้าน โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ เลิกงานรีบกลับบ้าน กับข้าวที่เคยเป็นคนเดินซื้อทุกวัน ตอนนี้สามวันซื้อที
"รถไม่ได้เสีย แต่อารมณ์เสีย" ลดกระจกลงแล้วเอ่ยพูดกับน้องชายของเขา สายตาของต้นกล้ามองเข้าไปด้านในรถ เห็นสาวน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มนั่งอยู่ด้วยก็นึกแปลกใจ
"เฮียผา...ใครน่ะ"
"กูก็ไม่รู้ มึงอย่าถามมากนัก" พูดจบก็เคลื่อนรถไปอีกหน่อย อีกไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงหน้าบ้าน ดูท่าแล้วเด็กผู้หญิงคนนี้จะไม่ยอมลงจากรถไปง่ายๆ เขาจึงจำใจยอมพาเธอเอาเข้าบ้านไปด้วย เนื่องจากช่วงเย็นเป็นเวลาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ลูกๆทุกคนของแม่จะมากินข้าวเป็นเพื่อนแม่ทุกวัน ถ้าไม่ติดธุระ เช้ากับเย็นส่วนมื้อกลางวันหากินเอง
"หนูควรจะเรียกคุณว่าอะไรดีคะ"
"อยากเรียกอะไรก็เรียก" น้ำเสียงติดรำคาญอย่างเห็นได้ชัด
"เงินหนูหาย หนูกลับบ้านไม่ได้ มีที่พักกับงานให้หนูทำมั้ยคะ" การมาและคำพูดของเธอทำให้ภูผาเข้าใจว่าเธอตั้งใจเข้าหาเขาและน่าจะมีจุดประสงค์แอบแฝง
"ไม่มี" ทั้งสองคนพากันลงจากรถ ต้นกล้าขับรถตามเข้ามาจอด แล้วเดินเข้ามาหาทั้งสองคนทันที ตั้งแต่เกิดมาต้นกล้ายังไม่เคยเห็นเฮียผาพาผู้หญิงนั่งรถและพาเข้าบ้านมาก่อน...น่าสนใจ!
บ้านสองชั้นหลังนี้มีลูกสี่คน คนแรกชื่อภูผา หรือ เฮียผา ส่วนลูกน้องและคนทั่วไปมักจะเรียกเขาว่านายหัวภูผา เป็นพี่ชายคนโตมีอาชีพทำสวน ค่อนข้างมีอิทธิพลในพื้นที่ สถานะโสด
คนที่สองสิงโต หรือ เฮียสิงห์ เป็นลูกชายคนรองของบ้าน มีอาชีพเปิดร้านขายอุปกรณ์การเกษตรครบวงจร สถานะโสด
คนที่สามต้นกล้า หรือ เฮียกล้า มีอาชีพขายวัสดุก่อสร้าง ร้านใหญ่มาก สถานะไม่โสดแล้ว แถมเขายังรักภรรยาและลูกสาวของเขามาก มีภรรยาชื่อพราวมุก ส่วนลูกสาวชื่อปลายฝน เพิ่งคลอดออกมาจากท้องแม่ได้แค่ไม่กี่วัน
คนที่สี่เป็นผู้หญิงชื่อ ตะวัน อายุน้อย เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ สถานะโสดแต่มีคนในใจแล้ว
?????