ตอนที่5 การตัดสินใจ
ซูเหลียนชิงกลับมายังเรือนนอนของตนเอง สีหน้าหาได้ดูเศร้าเสียใจอีกแล้ว “เผยอัน ไปแจ้งพ่อบ้านเฉาให้นำสมุดบัญชีทั้งหมดมาให้ข้า” เดินยังไม่ถึงเรือนนอน แต่นึกขึ้นได้ รายรับรายจ่ายของเรือนนี้ทั้งหมดมันมาจากทรัพย์สินของนางทั้งนั้น
บัดนี้ทรัพย์สินที่ติดตัวเหลือเพียงแค่ไม่กี่ชิ้น หากเป็นเมื่อก่อน ไม่ว่านางอยากได้อันใด บิดาและมารดาก็ล้วนหาให้ และตามใจเสมอ แต่พอนางออกเรือนมากับหลี่เฉิง บิดาและมารดาก็ตัดขาดกับนาง ยามนี้จะมีหน้ากลับไปอยู่ที่จวนสกุลซูได้อย่างไร
อีกทั้งสามีผู้น่ารังเกียจนี้ก็ขอหย่าแล้ว นางจะทนฝืนอยู่ด้วยเหตุใดกันเล่า เพราะในเมื่อหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นางอีกแล้ว เป็นนางเองที่เดินทางผิดพลาด จึงได้ตกมาอยู่ในสภาพที่กล้ำกลืนฝืนทนมาสามปี
เมื่อหลี่เฉิงได้ดิบได้ดีก็หลงลืมเมียผู้นี้ไปเสียสิ้น จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่นางจะเอาของคืนจากคนชั่วผู้นี้ แล้วยังมีแม่สามีผู้หน้าด้านนั่นอีกคน เรื่องอันใดใส่ร้ายป้ายสีนางเช่นนี้กัน
เผยอันถึงกับดีใจ จนเผยรอยยิ้มออกมา “ในที่สุดฮูหยินก็คิดได้เสียที” ปล่อยให้คนชั่วพวกนี้รังแกอยู่นั่น คนพวกนี้มิสำนึกบุญคุณแต่หนหลัง พอมั่งคั่งรุ่งเรืองก็ลืมสิ้นความรักและความหวังดีของภรรยา
ถึงแม้เผยอันเป็นเพียงแค่สาวใช้ยังเจ็บใจแทนผู้เป็นนายสาวไม่จางหาย แล้วเจ้านายของนางเล่าจะข่มใจไหวได้อย่างไรกัน แม้ว่าฮูหยินจะเป็นสตรีอวบอ้วนแต่ในสายตาของเผยอันแล้ว นายสาวผู้นี้น่ารักและน่าทะนุถนอมที่สุด
เพื่อความรักยอมละทิ้งซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีทุกอย่าง ยอมตัดขาดจากทางบ้านก็เพราะว่ารัก สุดท้ายแล้วก็ถูกหักหลังอย่างเจ็บแสบนัก
ฮูหยินของเผยอัน มิได้มีดีแค่ใบหน้าที่สะสวย ตั้งแต่เด็กคุณหนูของนางฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อให้ทัดเทียมกับเหล่าคุณหนูในห้องหอ ซ้ำยังมีวรยุทธ์ ถึงไม่แกร่งกล้าเหมือนดั่งท่านกุนซือ แต่ก็ยังพอฆ่าเป็ดฆ่าไก่ได้
ถึงแม้จะตัดขาดกับทางบ้าน ฮูหยินผู้แสนงดงามก็ไม่เคยที่จะแบมืออ้อนวอนเถ้าแก่ซูให้ส่งเงินทองมาให้ ทรัพย์สินที่มีนางก็เอาไปจำนำ จากนั้นก็นำมาใช้จ่ายในจวนสกุลหลี่
แล้วยังออกเงินให้เหล่าชาวบ้านที่ขัดสนได้กู้ยืม คิดดอกเบี้ยก็แสนจะถูกนักหนา ดังนั้นแล้ว ฮูหยินของนางครั้นจะออกจากจวนสกุลหลี่ก็หาใช่เรื่องยากหรือลำบากประการใด
“ต่อไปให้เรียกข้าว่า นายหญิง ฮูหยินตำแหน่งนี้ ข้าไม่ขอรับมันอีกแล้ว รอให้นางปีศาจมาคุกเข่าอ้อนวอนให้ข้าลงนามหย่า ถึงเวลานั้น ข้าจะเดินออกจากจวนนี้อย่างเฉิดฉาย” และนางจะผอมให้ได้ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนอวบอ้วนเช่นนี้ สามีก็หน่ายหนี หากเขาได้พบนางอีกครั้ง จะนึกเสียดายในภายหลังไม่ได้แล้ว
ถ้าได้เดินออกจากจวนนี้แล้ว นางไม่มีวันจะหวนคืนกลับมาอีกหนอย่างแน่นอน และจะต้องหยันยืนด้วยตนเองให้จงได้ แม้ว่าวันข้างหน้าจะลำบากเพียงใด ก็ไม่คิดจะย่อท้อ
แต่คนที่จะลำบากยิ่งกว่านางก็เห็นจะเป็นชายชั่วหลี่เฉิงนี่แล้ว....
“นายหญิงเจ้าคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว พักผ่อนก่อนดีหรือไม่ สมุดบัญชีข้าน้อยจะไปบอกพ่อบ้านเฉาเสียเดี๋ยวนี้” ด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าหากนอนน้อยไป อาจทำให้ไม่สบายขึ้นมาก็ได้ แต่ดูเหมือนว่านายสาวของนางส่งสายตาราบเรียบมองมา เผยอันรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน
“ข้ารู้แล้ว หากจะออกจากที่นี่ พวกเราจะต้องนำทรัพย์สินทั้งหมดกลับมา ถึงแม้ว่าราคามันไม่ได้มากมายอันใดก็ตามที” จะให้พวกคนช่วยชุบมือเปิบเสพสุขบนน้ำพักน้ำแรงของนางได้อย่างไรกัน
“แต่ที่นายหญิงสูญเสียไปมันหลายพันตำลึงทองแล้วนะเจ้าคะ สามปีมานี้นายท่านก็หาได้มอบเงินให้ไม่ กลับเก็บเอาไว้เสียเอง ส่วนเรื่องรายจ่าย ค่าแรงของเหล่าสาวใช้และบ่าวรับใช้นั้นก็เป็นนายหญิงทั้งสิ้น”
“ช่างรู้มากเสียจริง หากข้าไม่ทำการค้า จะมีเงินใช้จ่ายในจวนได้หรือ สมุดบัญชีไปนำมา ข้าจะได้จัดการได้ถูกว่ามีอันใดบ้าง ส่วนเรื่องที่ดินผืนนี้เป็นชื่อของชายชั่ว ข้าไม่ปรารถนา แต่สิ่งของที่เหลือมันคือของข้า ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ว่าจ้างรถม้ามาก็แล้วกัน อ้อ...มีอีกเรื่อง ที่ดินที่คราวก่อนที่ข้าดูไว้ ติดต่อเจ้าของได้แล้วหรือยัง”
ซูเหลียนชิงใคร่ครวญดีแล้ว หากนางคิดจะไปแล้วละก็ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่นางซื้อหามา จะนำออกไปด้วย อีกทั้งยังมีที่ดินผืนหนึ่ง ทำเลดีนัก เหมาะแก่การค้าขาย ยามนี้นางมีเงินติดตัวไม่มาก เป็นตั๋วเงินที่เก็บเอาไว้ยามขัดสน เห็นทีว่าตั๋วเงินเหล่านั้นคงจะได้นำออกมาใช้ในยามนี้เสียแล้ว
“ยังเลยเจ้าคะ เห็นบอกว่าเป็นของคหบดีผู้หนึ่ง เขาไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงบ่อยนัก มักจะออกเดินทางทำการค้าอยู่เสมอ เช่นนั้นจวนหลังนั้นจึงปล่อยว่างให้เช่าเจ้าค่ะ ดูเหมือนราคาจะสูงไม่น้อย”
เผยอันพอรู้ความหมายของนายสาว นางเห็นว่าที่ดินผืนนี้ มิได้ขายกันได้ง่าย ๆ ตลอดสองปีที่ผ่านมา สาวใช้ผู้นี้ก็เทียวสอบถามเสมอ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเช่นเดิม
“ทำเลดี เช่าแพงเท่าไรกันเชียว ข้าตกลงจะเช่าจวนหลังนั้นชั่วคราว แจ้งพวกเขาด้วยว่าอีกสอง สามวัน จะย้ายเข้าไป” ปล่อยให้เช่าก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ทำกำไรได้ ล้วนยินยอมทุกอย่าง ทำเลทองมิใช่จะหาก็หาได้ นางไม่แปลกใจเลย เหตุใดจวนหลังนั้นจึงไม่ยอมขายเสียที ทั้ง ๆ ที่ไม่มีผู้อาศัยมาแรมปี
“เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือเจ้าคะ” เผยอันตื่นตะลึง ไม่คาดฝันว่านายสาวนั้นจะคิดอ่านอย่างเร่งรีบถึงเพียงนี้ หากบุ่มบ่ามออกไปเร็วนักจะเป็นการดีหรือไม่
“แค่หายใจใช้อากาศร่วมกัน ข้าก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว ข้าทนดูพวกเขาพลอดรักกันไม่ได้หรอกนะ ถึงอย่างไรเขาก็จะหย่า ข้าจะทนอยู่อย่างอัปยศอดสูทำไมกันเล่า” จะทนกล้ำกลืน ยืนมองคนเขารักกันได้อย่างไรกัน อีกไม่นานพี่ใหญ่จะกลับมาเมืองหลวงแล้ว
หากรู้ว่านางอยู่อย่างคนไร้ค่าคงไม่พอใจนัก อาจบุกมาทำร้ายหลี่เฉิงถึงจวนทีเดียว นางมิอยากให้พี่ชายมีโทษประหาร เช่นนั้นขอออกจากจวนนี้ไปแต่โดยดี รอวันเวลาที่นางปีศาจนั่นมาคุกเข่าต่อหน้า ถึงเพลานางจะได้เดินออกไปอย่างเฉิดฉายและมีเกียรติ
“เจ้าค่ะ ข้าจะไปเตรียมการให้ พรุ่งนี้เช้าจะว่าจ้างรถม้า กับสำนักคุ้มภัย” เพราะจวนสกุลหลี่หลังนี้ห่างจากเมืองหลวง และตลาดก็หลายสิบหลี้ อีกทั้งจวนหลังนั้นที่นายสาวต้องการก็อยู่ในเขตตลาด ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ราคาเช่าก็คงจะแพงน่าดู แต่นายสาวของนางมีเงินจ่ายก็ไม่เป็นปัญหามากนักหรอก
“ขอบใจเจ้ามากจริง ๆ ที่อยู่กับข้ามาตลอด ถ้าข้าไม่มีเจ้าไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร เผยอันหากมีสิ่งใดที่เจ้าปรารถนา ก็ขอให้บอกข้านะ” สิ่งเดียวที่นางยังนึกขอบคุณอยู่เสมอ ไม่ว่าจะยากจนข้นแค้นอย่างไร สาวใช้ผู้น่ารักคนนี้ยังคงอยู่เคียงข้างนางเสมอ
“หากวันนั้นท่านไม่ช่วยข้า จากพวกนักเลงหัวไม้ เผยอันก็คงไม่มีชีวิตอย่างสงบสุขอีก ครอบครัวของข้าก็คงต้องลำบากตรากตรำนัก น้องชายก็คงไม่ได้ร่ำเรียนหนังสือเหมือนกับเหล่าบุตรหลานของขุนนาง บุญคุณนี้เผยอันไม่มีวันลืมเจ้าค่ะ”
“เป็นเจ้าที่ไม่เคยลืม แต่คนชั่วผู้นั้นหลงลืมสิ้นไปแล้ว นับจากนี้ไป ถึงเวลาที่ข้าจะทวงคืนทุกอย่าง ข้าอยากรู้นักว่า จะมีสตรีหน้าไหนอยู่กับชายที่มีเพียงแค่ตัว แต่ไร้ซึ่งเงินทอง”