บทย่อ
ซูเหลียนชิงต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากเพียงใด เมื่อเห็นสามีนำสตรีเข้ามาอีกคน ซ้ำยังบอกกับนางว่า สตรีนางนี้กำลังตั้งครรภ์ลูกของเขา...ราวกับถูกสายฟ้าฟาดเข้าให้อย่างจัง นางมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก ทำได้แค่มองชายอันเป็นที่รักตระกองกอดสตรีอีกคนเข้าไปในเรือน ทอดทิ้งนางให้ยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้าง เรื่องย่อ ซูเหลียนชิงเป็นสาวงามแห่งเมืองเฉิงหยาง ฐานะทางบ้านร่ำรวยนัก อีกทั้งยังเป็นที่รักใคร่ของใครหลาย ๆ คน แต่นางกลับถูกใจชายหนุ่มยากจนข้นแค้น ไม่ฟังคำคัดค้านของบิดาและมารดา ยืนกรานหนักแน่นจะออกเรือนไปกับชายผู้นี้ กระทั่งตัดขาดจากทางบ้านก็ยินดี สุดท้ายพอเขาได้ทุกอย่างสมดั่งใจหมาย ก็เขี่ยนางทิ้งอย่างไม่ไยดี ซ้ำยังโอบอุ้มสตรีนางหนึ่งเข้ามา หยามหน้าถึงจวน ซูเหลียนชิงต้องกล้ำกลืนฝืนทนมองสามีโอบกอดสตรีอื่นต่อหน้าต่อตา มองพวกคนชั่วแสดงความรักต่อกันอย่างหวานซึ้ง ทว่าชายชั่วผู้นี้หาได้สำนึกในความดีของภรรยาคู่ทุกข์ยากไม่ กลับขอหย่าร้าง หลังจากที่นำสตรีนางนั้นเข้ามาได้ไม่ถึงสามวัน ความดีที่เพียรทำให้เขา เหตุใดชายชั่วช้าผู้นี้จึงเลือกที่จะหลงลืมกันเล่า เครื่องประดับล้ำค่ามากมาย เพื่อสามีแล้ว นางนำไปขายซื้ออาหารให้ เพื่อไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ แต่เมื่อหลี่เฉิงได้อย่างที่วาดฝันเอาไว้ จึงเขี่ยฮูหยินที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา ทอดทิ้งนางราวกับขยะไร้ค่า ซูเหลียนชิงเจ็บใจนักจึงทวงถามคำพูดแต่ครั้งเก่าก่อน ซึ่งเคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักเพียงนางผู้เดียว เหตุใดจึงหลงลืมง่ายดายถึงเพียงนี้ ทว่าหลี่เฉิงกลับเหยียดยิ้มเยาะ ส่งสายตาถากถาง สมเพชเวทนานัก จึงบอกความจริงให้นางได้สดับรับฟังว่า “คำพูดหลอกลวงเช่นนั้น เจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ”
ตอนที่1 ฮูหยินคนใหม่
“ฮูหยินเจ้าคะ นายท่านกำลังจะถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ” เผยอันสาวใช้วิ่งหน้าตื่นเข้ามา ที่เห็นว่าขบวนรถม้าของนายท่านเดินทางกลับมาจากต่างเมืองใกล้จะถึงจวนแล้ว
ผู้ถูกเรียกเงยหน้าขึ้น ระบายยิ้มอย่างยินดี นางกำลังปักรองเท้าให้สามี เพื่อต้อนรับการกลับมา หลังจากที่เขาไปทำต่างเมืองหลายเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันที่นางเฝ้ารอคอยให้เขากลับมา ยามนี้อากาศค่อนข้างเย็นนัก จึงสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ก่อนจะออกไป
นางยืนรอคอยสามีที่ประตูจวน เห็นรถม้าเคลื่อนที่มา นางจึงรีบเดินออกไป ฝ่ามือเรียวกระชับเสื้อคลุมสีขาว ใบหน้าสะสวยแย้มยิ้มอย่างยินดียิ่งนัก ทันทีที่รถม้าจอด หลี่เฉิงเปิดม่านประตูแล้วลงมาจากรถม้า
“ท่านพี่” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมกับเดินเข้าไปหา แต่สายตาเขากลับมองมามันช่างดูว่างเปล่าจนน่าใจหาย หญิงสาวจึงยืนนิ่ง ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ
ด้วยคิดว่าการเดินทางนี้ใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับถึงบ้าน เขาคงเหนื่อยเป็นแน่ เช่นนั้นซูเหลียนชิงจึงยืนนิ่งรอให้เขาเอ่ยถาม แต่แล้วม่านประตูถูกเปิดออกอีกครา โดยมีหลี่เฉิงเป็นคนรับแล้วอุ้มสตรีแปลกหน้าขึ้นแนบอก
“นางคือฮูหยินรอง กำลังตั้งครรภ์ จัดเรือนหน้าให้นาง” เขากำชับเอ่ยปากเสียงดังแจ้งแก่พ่อบ้านเฉา โดยทิ้งฮูหยินเอกเช่นนั้นยืนมึนงง มองแผ่นหลังสามีอันเป็นที่รักโอบอุ้มหญิงอีกคนเข้าไปอย่างห่วงหา
สีหน้าของซูเหลียนชิงขาวซีด เนื้อตัวสั่นไหว กลั้นความเสียอกเสียใจเอาไว้ แต่ทว่าจู่ ๆ น้ำตามันก็ไหลลงมาอาบแก้มสองข้าง “ฮูหยินเจ้าคะ เหตุใดนายท่าน” เผยอันเห็นเช่นนี้ย่อมไม่พอใจนัก รู้สึกชิงชังนายท่านจนไม่อยากมองหน้า
แต่กลับหันมาก็เห็นว่านายสาวของนางนั้นร้องไห้เสียแล้ว “ฮูหยินเจ้าคะ”
ผู้ถูกเรียกเสียใจจนไม่อาจหาเสียเจอ ได้แต่ส่งมือเรียวให้เผยอันจับจูง น้ำตายังคงไหลลงมาอย่างช้า ๆ บรรดาสาวใช้รวมถึงบ่าวรับใช้ต่างก็พากันมองมาที่ฮูหยินเป็นทางเดียวกัน
พ่อบ้านเฉากุลีกุจอ รีบสั่งให้สาวใช้จัดห้องหับให้ฮูหยินรอง หญิงสาวถูกวางลงบนเตียง สีหน้าขาวซีดราวกับไร้สีเลือด นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นว่าสามีกำลังจะออกไป นางรีบดึงแขนเอาไว้ “ท่านพี่เจ้าคะ ข้ากลัวเหลือเกิน”
น้ำเสียงหวานกล่าวขึ้น ดวงตาสะสวย ดวงตากลมโตกระจ่างสดใสมองไปยังสามีที่มองนางด้วยความเป็นห่วง พอได้ยินคำพูดของนาง ชายหนุ่มไม่อาจเดินไปได้อีกแล้ว เขาหย่อนกายนั่งลงบนเตียง ยกมือขึ้นไล้กรอบหน้าของภรรยาสาว “ไม่ต้องห่วง ที่นี่ไม่มีผู้ใดทำร้ายเจ้าได้”
“แต่ว่านางจะไม่พอใจข้าหรือไม่ ที่เห็นว่าท่าน” หญิงสาวยังพูดไม่จบประโยค จู่ ๆ ฮูหยินของจวนสกุลหลี่ก็เดินเข้ามา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ท่านไปทำงานต่างเมืองไม่กี่เดือน แต่กลับไปคว้าสตรีไร้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนมากัน” นางระเบิดเสียงออกอย่างคับแค้นใจนัก เห็นท่าทีออดอ้อนก็แทบจะทนความหงุดหงิดเอาไว้ไม่ได้
“ทำไม ข้าพึงพอใจนาง เหตุใดจะต้องขอเจ้าด้วยเล่า ออกไป” เขาตะคอกใส่อย่างไม่พอใจ ไม่เคยเห็นนางแสดงท่าทีเกลียดชังเขาเช่นนี้มาก่อน ในใจย่อมไม่พอใจนักที่นางกำลังหยามหน้าเขาต่อภรรยารองอีกคน
“ท่านพี่ ท่านทำเช่นนี้ไม่ละอายใจบ้างหรือ ไหนท่านบอกจะรักเพียงข้าผู้เดียวอย่างไรเล่า” นางกล้ำกลืนฝืนทน มองเขาแสดงความห่วงใยต่อสตรีอีกคนโดยมิแยแสนางสักนิด แม้กระทั่งนางเดินเข้ามา เขาเพียงแค่เหลียวมองและมิสนใจนางอีก กลับมองอีกฝ่ายด้วยความกังวล แววตาช่างดูอบอุ่น แลดูหวานซึ้งตรึงใจนัก
ด้วยความคับแค้นจึงแผดเสียงขึ้นถาม น้ำตายังคงหลั่งไหลไม่หยุดหย่อน แข้งขาของนางแทบจะไร้เรี่ยวแรงหยัดยืน เพียงแค่เห็นเขาวางท่าทีเย็นชาต่อนาง มิหลงเหลือความรักดั่งเช่นเก่าก่อนอีกแล้ว
“คำพูดหลอกลวงเช่นนั้น เจ้าก็เชื่ออย่างนั้นหรือ ออกไปจากห้องข้าเสียเดี๋ยวนี้” ขาตะเพิดไล่นางเสียงดัง จนคนป่วยที่นอนบนเตียงสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ พอเห็นภรรยารองตกใจเขาก็รีบปลอบขวัญ ท่าทีช่างอ่อนโยนเอาใจใส่หญิงนางนี้ยิ่งนัก “จิ่นเอ๋อร์ ตกใจหรือ ขอโทษด้วยทำเจ้าตกใจแล้ว”
“ออกไปสิ ไม่เห็นหรือไร นางอยากพักผ่อน มายืนบื้อทำไม ไสหัวออกไป” เขาตะคอกนางอีกครา แต่คนป่วยนั้นกลับแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจนัก ที่เห็นว่าหลี่เฉิงปฏิบัติกับนางดีเช่นไร
“หลี่เฉิง ข้าขอถามเจ้าอีกครา นางปีศาจตัวนี้มีความสำคัญเหนือกว่าข้าหรือ” นางเองก็ไม่ยินยอม แผดเสียงใส่อย่างไม่ลดละ น้ำตานั้นได้เหือดแห้งแล้ว ยามนี้มีแต่ความแค้นที่ถูกคนรักหักหลัง ไม่ไยดี แต่แยแสต่อนางสักนิด
แต่กลับโอบอุ้มประคองสตรีอีกคนเหนือกว่านาง ที่แต่งงานกับเขามาสามปี สามปีมานี้นางไม่มีอันใดดีต่อเขาเลยหรือ สิ่งที่นางเพียรทำมาตลอด กลายเป็นสิ่งไร้ค่าเช่นนั้นหรือไร
หลี่เฉิงยกมือขึ้นชี้หน้า สีหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้ากลับมาเหนื่อย ๆ อยากพักผ่อน เจ้ากลับห้องไปเสีย หากไม่มีธุระอันใด อย่ามาที่เรือนนี้อีก” เขารำคาญนักนางแผดเสียงจนแสบแก้วหูไปหมด ไม่น่ารักอ่อนหวานเหมือนกับตู้จิ่นบ้างเลย
“ถึงกับถีบหัวข้า” ถ้อยคำที่หลี่เฉิงพูดมา ล้วนมีแต่คำผรุสวาททั้งนั้น เมื่อก่อนเขาแสนดีอ่อนโยน แต่ยามนี้เขากลับเหมือนปีศาจร้ายที่สิงอยู่ในร่างของสามีนาง
ซูเหลียนชิงน้อยอกน้อยใจยิ่งนัก เจ็บปวดใจแทบจะกระอักเลือดออกมา สายตาของเขาหาได้มีนางอีกแล้ว กลับกุมมือหญิงอื่นที่นอนแย้มยิ้ม ส่งสายตาถากถางมาให้ไม่หยุดหย่อน
“พี่สาว อย่าเพิ่งโกรธท่านพี่เลยเจ้าค่ะ” ตู้จิ่นทำท่าจะลุกขึ้น แต่กลับถูกหลี่เฉิงจับให้นอนลงเช่นเดิม
“หุบปากของเจ้าไปซะ ข้าไม่มีน้องสาวไร้ยางอาย แย่งสามีคนอื่นหน้าด้าน ๆ แบบนี้” พอเห็นเช่นนี้ มีหรือนางจะอดทนไหว จึงขึ้นเสียงใส่ ทั้งปรี่เข้าไปจะลงมือทำร้ายคนที่นอนบนเตียง
อ๊ะ...ซูเหลียนชิงถูกสามีผลักจนหงายหลัง นางร้องขึ้นด้วยความเจ็บ ฝ่ามือนางกระแทกลงบนพื้นอย่างจัง เงยหน้ามองเขาที่ยืนกันท่าอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาเคียดแค้น “ท่านช่างกล้านักนะ กล้าทำร้ายข้าต่อหน้านางลืมไปแล้วหรือไร ว่าใครกันที่ช่วยท่านออกจากโคลนตมนั่น”
“...” หลี่เฉิงขบกรามขึ้นเป็นสัน นางโกรธเขาถึงขั้นทวงบุญคุณแต่หนหลังเชียวหรือ เหตุใดนางไม่มองสารรูปตนเองที่ยามนี้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนอวบอ้วน หาได้งดงามแช่มช้อยเหมือนเดิม จะพานางไปไหนก็รู้สึกอับอายขายหน้ายิ่งนัก
“บอกมาสิ บอกมา ที่ข้าทำเพื่อท่านมันยังไม่พออีกหรือ...”
“จับนางไปขังในห้อง สงบสติอารมณ์ได้เมื่อไร ค่อยปล่อยนางออกมา”