ตอนที่ 5 เรื่องในครอบครัวหลิวอ๋อง
“ข้าแต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ชายาเอก ลูกสะใภ้ที่ท่านภูมิใจหนักหนากลับเล่นชู้จนต้องระเห็จออกจวนอ๋องไปมิใช่หรือเจ้าคะ”
"ฟิ้วว เพี๊ยะ เพี๊ยะ"
“อาเหยา เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
นางหันไปมองหน้าหลิวอ๋อง ก่อนที่ลู่จื่อหยางจะมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างนึกสนใจแต่เขาไม่พูดอะไร เขาหันไปมองหน้าซินเหยา ที่ตอนนี้ดูเหมือนนางจะโกรธมากจนถึงมากที่สุด สายตาที่มองไปที่ชายาหลิวอ๋องที่ล้มอยู่ที่พื้นนั้นยากจะคาดเดาความรู้สึกได้
“หากเจ้ากล้าว่าท่านแม่ข้าอีกแม้คำเดียว เจ้าก็เตรียมตัวจัดงานศพได้เลย”
“เพี๊ยะ”
“เป่าเฉิง!!”
“ท่านอ๋อง โปรดยั้งมือด้วย นางเป็นสตรี”
ลู่จื่อหยางมองกลับมาที่ซินเหยา สายตานางที่ว่าน่ากลัวแล้ว ตอนนี้เขาแทบจะบรรยายไม่ออกเลยว่านางรู้สึกเช่นไร ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหานางอย่างลืมตัว
“คุณหนูใหญ่ เจ้า..”
“ข้าชื่อไป๋ซินเหยา ข้ากับจวนสกุลหลิวมิได้เกี่ยวข้องอะไรกัน ท่านปู่ ขออภัยที่หลานคงมิได้มาร่วมงานด้วยในครั้งนี้ และคงไม่มาเหยียบที่นี่อีก ท่านปู่ รักษาตัวด้วยเจ้าค่ะ”
“อาเหยา เดี๋ยว อาเหยา”
ซินเหยาเดินออกมาจากจวนโดยมิได้หันกลับไปมองอีก
“หึ ในเมื่อพวกเจ้าไม่คิดจะให้เกียรตินาง ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติข้า คุณชายลู่ ขออภัยที่งานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ข้าคงมาร่วมมิได้ ขอตัวก่อน”
“ท่านผู้อาวุโส ขอให้ข้าได้ไปส่งท่านนะขอรับ”
“ย่อมได้”
ลู่จื่อหยางอาสาเดินมาส่งผู้อาวุโสหลิว พลางแอบสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับไป๋ซินเหยากับเขา
“นางเป็นลูกของชายาเอกของหลิวอ๋อง ก่อนจะถูกคนใส่ร้ายหาว่านางลักลอบคบชู้ เพียงเพราะกำไรและกริชทองของหลิวอ๋องหายไป และมีคนเห็นว่านางแอบเอาไปให้ชายชู้นั่นแล้วหนีไป”
“แล้วเรื่องจริงเล่าขอรับ”
“หลังจากนั้นไม่นาน นังชายารองนั่นก็ป่าวประกาศให้คนรู้ ทำให้นางขอหย่ากับลูกข้า ทั้งๆ ที่ลูกข้ารู้ดีว่านางไม่ได้ทำผิด และกำไรนั่นก็มิใช่ของเขา แต่ให้ตายอย่างไร แม่ของอาเหยาก็ไม่ยอมบอกว่าชายผู้นั้นเป็นผู้ใด จนทำให้ลูกข้าโกรธ อาเหยาพึ่งจะได้สิบขวบ ตอนนางออกจากจวนอ๋อง พร้อมกับข้อหาว่าเป็นลูกชู้”
“แท้จริงแล้ว นางคือบุตรแท้ๆ ของท่านอ๋อง หรือว่า…”
“เจ้ามิได้มองหรือว่าหน้านางเหมือนลูกข้าอย่างกะแกะสลักออกมา นางจะเป็นลูกผู้อื่นได้อย่างไร เพียงแต่ตอนนั้น ข่าวแบบนี้จะทำให้เสื่อมเสีย เมื่อมีคนช่างเสี้ยมอยู่ใกล้ตัว ลูกข้าเลยแอบซื้อจวนและดูแลนางสองแม่ลูกอยู่เงียบๆ”
“แสดงว่าท่านอ๋องกับพระชายาก็…”
“พวกเขาก็แอบไปมาหาสู่กันในช่วงแรก จนถูกนางเมียคนนี้จับได้ หลังจากนั้นบ้านที่ลูกข้าซื้อให้นางก็ถูกเผา ทำให้คนตายหลายคน สองแม่ลูกนั่นก็เลยต้องย้ายที่อยู่ไปหลายที่ จนลูกข้าจับได้ว่าเมียคนนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ลูกข้าเลยขู่ว่าจะจับนางส่งทางการ โทษนางคือประหาร นางถึงยอมที่จะให้ลูกข้าดูแลสองแม่ลูกนี้ต่อ ด้วยข้อตกลงที่ว่าจะไม่ไปเยี่ยมจนเกิดข้อครหา และนังเมียนี้จะยอมเลิกรา ไม่คิดฆ่าหลานข้ากับแม่ของนางอีก”
“นั่นก็แสดงว่า ทุกคนที่ตายในเหตุเพลิงไหม้นั่นก็ตายเปล่าสิขอรับ”
“ลูกข้าจ่ายไปหนักมากและเลี้ยงดูครอบครัวของผู้สูญเสียทั้งหมด บางคนก็ทำงานอยู่ในจวนนี้ บางคนก็ขอไปทำกับพระชายาไป๋ที่จวนของนาง ไม่ขออยู่ร่วมกับชายารองที่นี่”
“แต่นี่มันโหดเหี้ยมเกินไปนะขอรับ”
“เพื่อรักษาชีวิตอาเหยาไว้ ลูกข้าจึงได้ให้นางเข้าไปเรียนในสำนักเพ่ยเฉิงบนเขาเซียนซี เพื่อให้นางช่วยเหลือตัวเองได้ ใครจะคิดว่าพวกนางไม่ยอมเลิกรา ตามรังควานหลานข้าจนนางไม่ทนและขอลงจากเขา จากนั้นก็ปล่อยข่าวลือว่าหลานข้าถูกขับไล่ออกจากสำนัก”
“ช่างร้ายกาจนักนะขอรับ เหตุใดท่านอ๋องจึงยังให้นางอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงไม่หย่าขอรับ”
“ลูกข้าเห็นแก่บุตรสาวคนรอง และหากหย่าจริง นางจะต้องหาเรื่องใส่ร้ายเขากับพี่ชายนางที่เป็นแม่ทัพ หากเขามิยอมเฝ้าที่ชายแดน นั่นหมายถึงแคว้นฉินจะเดือดร้อนเป็นวงกว้างได้ ลูกข้าจึงไม่มีทางเลือก”
“แล้ว แม่นางไป๋กับฮูหยินไป๋…”
“พวกนางอยู่จวนข้างนอกนี้เอง พวกข้าดูแลอย่างดีไม่ได้ขาดตกบกพร่อง เพียงแต่ ตั้งแต่อาเหยาเริ่มโตเป็นสาว และหน้าตานางงดงามยิ่งกว่าบุตรของนาง นางจึงเริ่มไม่พอใจ และเริ่มเกรงว่าบุตรสาวของชายาคนก่อนจะมาแย่งทุกอย่างของบุตรสาวนางไป”
“แบบนี้นี่เอง นางถึงไม่อยากให้แม่นางไป๋มาร่วมงานในวันพรุ่งนี้”
“นางไม่ได้อยากมาร่วมอยู่แล้ว”
“เพราะเหตุใดกันขอรับ”
“นางไม่ชอบงานแบบนี้เท่าไหร่ ข้าเลี้ยงนางมาตั้งแต่เด็ก ข้ารู้ดี นางรักอิสระ ผู้ที่เหมาะกับนาง นางต้องเลือกเอง มิใช่การคลุมถุงชนแบบนี้ นี่เป็นวิธีที่นางเกลียดที่สุด น่าจะรองจากเรื่องที่นางเลือกไม่ได้ที่ต้องเกิดเป็นลูกท่านอ๋องนั่นแหละ”
หลังจากเขาส่งผู้อาวุโสหลิวเสร็จแล้ว จึงได้เดินกลับมาที่ห้องโถงกลาง ก่อนที่หลิวอ๋องจะขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจึงปรับสีหน้าท่าทางใหม่และบอกเพียงว่ามิได้ถือสา ทุกครอบครัวย่อมมีเหตุทะเลาะกันบ้าง ก่อนจะพูดคุยเรื่องงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้แทน
“ท่านพี่ลู่ ท่านมาเจียงหยางหลายวันแล้ว เที่ยวทั่วหรือยังเจ้าคะ ถ้าอย่างไร ให้ข้า..”
“ขอบคุณคุณหนูรองมากขอรับ ข้ามิใช่คนชอบเที่ยว ออกจะเก็บตัวด้วย คงมิต้องรบกวนคุณหนูรองขอรับ”
“เรียกข้าว่าเฟยจูดีกว่าเจ้าค่ะ”
เห็นได้ชัดว่านางไม่ชอบให้ผู้ใดเรียกนางว่าคุณหนูรอง เพราะนางต้องการเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนหลิวอ๋องนั่นเอง
“ต้องขออภัยคุณหนู แต่พวกเรามิได้สนิทสนมกันจนถึงขั้นเรียกชื่อของท่านได้ ท่านเป็นถึงบุตรีท่านอ๋อง ข้ามิอาจทำชื่อเสียงท่านเสื่อมเสียได้ ท่านอ๋อง ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าต้องขอตัวก่อนขอรับ”
“คุณชายลู่ เชิญตามสบาย”
ลู่จื่อหยางเมื่อออกมาจากจวนอ๋องแล้ว จึงรีบเดินไปยังที่หมายที่เขาสอบถามผู้อาวุโสหลิวทันที นั่นคือบ้านสกุลไป๋ อย่างไรเสีย เขาก็ยังอยากให้นางมาร่วมงานในคืนวันพรุ่งนี้ให้จงได้ ก่อนที่เขาจะพบจวนที่ปู่นางบอก เขาจึงเดินเข้าไป พบกับพ่อบ้านที่กวาดลานบ้านอยู่ก่อนที่จะเดินมาหาเขา
“คุณชายท่านนี้ มิทราบว่าท่านมาพบผู้ใดขอรับ”
“ข้ามาขอพบแม่นางไป๋ซินเหยาขอรับ”
“อ้อ คุณหนูข้าไม่อยู่ อยู่แต่ฮูหยินขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พอดีเลย ข้าขอพบฮูหยินสักครู่ได้หรือไม่”
“ได้ขอรับ ข้าขอไปเรียนฮูหยินก่อน รบกวนท่านรอสักครู่”
เขาคลี่พัดออกมาอย่างสบายใจ ในเมื่อนางไม่อยู่ การพบฮูหยินไป๋ก็เป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะคุยเรื่องนี้ ท่านปู่นางบอกมาแล้วว่าฮูหยินไป๋เป็นผู้ที่มารยาทดีงาม คุยง่ายและมีน้ำใจ
ซึ่งนับว่านั่นยังน้อยกว่าที่ท่านปู่ของนางเยินยอ เพราะเขาไม่เคยพบสตรีคนไหนที่ดูเจ้าระเบียบดูเรียบร้อยและมีความสง่างามอย่างนางมาก่อน นอกจากฮองเฮาและท่านย่าของเขา…
“ข้าน้อยลู่จื่อหยาง คารวะฮูหยินไป๋”
“คุณชายเชิญตามสบายเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณฮูหยิน”
“มิทราบว่าคุณชายลู่มาที่นี่ เพราะเรื่องใดกันเจ้าคะ”
“เรื่องงานเลี้ยงเลือกพระสนมขององค์ไท่จื่อที่จวนหลิวอ๋อง คืนวันพรุ่งนี้ขอรับ”