บทย่อ
เธอมีคู่หมั้นที่หมั้นหมายกันมานานถึง 5 ปี เพราะผู้ใหญ่สองฝ่ายเห็นว่าเหมาะสม เธอเองก็มีความรู้สึกดี ๆ ให้ แม้จะยุ่งกับการทำงาน มีเวลาเจอกันน้อยแต่ความสัมพันธ์ของพวกเธอดีมากมาโดยตลอด ดีจนเป็นที่อิจฉาของทุกคน กระทั่งเธอจับได้คาหนังคาเขาว่าฝ่ายชายนอกใจ และนอกกาย นอนรวมร่างอยู่กับน้องสาวคนละพ่อในวันสำคัญของเธอ วันที่เธอได้ขึ้นเวทีรับรางวัลนักแสดงหญิงสมทบยอดเยี่ยมจากละครที่เพิ่งจบไปบนเวทีใหญ่ที่สุดของปีเป็นครั้งแรกในฐานะนักแสดง ท่ามกลางความยินดีจากทุกคนที่ปรารถนาดีกับเธอ 2 ชั่วโมงให้หลัง ความสุขที่มีพลันหายไป การรอคอยที่จะให้แฟนหนุ่มชื่นชมรางวัลด้วยกันกลายเป็นเรื่องตลก เธอพบชายโฉด หญิงชั่วคู่หนึ่งกำลังระเริงรักกันอย่างเร่าร้อนบนเตียง คนหนึ่งคือแฟนหนุ่ม และอีกคนคือน้องสาวที่กำลังเริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการใช้ชื่อเสียงของเธอเป็นบันไดเพื่อก้าวไปสู่ดาว ตลอด 5 ปี ที่หมั้นกันมาเธอไม่เคยทำผิดต่อณัฐดนัยเลยสักครั้งเดียว คอยคำนึงถึงความรู้สึกเขาเสมอแม้ในวันที่เธอจะเจอข่าวลบก็ไม่ได้นึกถึงตัวเองก่อน แต่ดูสิ่งที่เขาทำ มันสมควรได้รับการให้อภัยอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีทาง! ให้เธอก้มหน้า เล่าความเท็จยอมรับว่าเข้ากันไม่ได้กับคู่หมั้น ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายถูกนอกใจ เป็นฝ่ายถูกกระทำ นี่คือคำแนะนำที่อ้างว่าปรารถนาดีจากใจคนเป็นแม่ที่อุ้มท้องเธอมา 9 เดือน ไม่มีความรักให้ไม่ว่าแต่เป็นคนต้องมีศีลธรรม ความแค้นที่ยากจะลืมเลือนไม่มีทางที่เธอจะยอมกลืนลงท้องแล้วพูดว่าให้อภัยง่าย ๆ แม้ว่าเธอจะไม่แยแส แต่คนอย่างเปรมา เทวานุกูล ถ้าลองได้เกลียดแล้วก็คือเกลียดเข้ากระดูกดำ ร้ายกาจได้มากกว่าในบทละครที่แสดงหลายเท่า มารดาไร้หัวใจคนนั้นกลัวว่านังน้องสาวตัวดีที่คอยชิงดีชิงเด่นกับเธอมาตลอดจะพลาดการเข้าไปเป็นดาวเลยทั้งขู่ ทั้งกล่อมให้แล้วกันไป ยัยเปรมมิกาคงคิดว่าเอาชนะเธอได้แล้วที่แย่งคู่หมั้นเธอไปได้ แต่ขอโทษที แฟนคนต่อไปของเธอจะต้องดีกว่า เหนือกว่าไอ้เฮงซวยนั่นราวนรกกับสวรรค์ เชิญพวกแกสมสู่ จับมือกันไปปีนต้นงิ้วตามสบาย!
บทนำ
เปรมา เทวานุกูล นางร้ายสาวหน้าสวยที่ใครต่อใครมักด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง เพราะผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมในชุดราตรี เกาะอกสีดำเป็นประกายระยิบระยับดุจดวงดาวบนฟากฟ้า โชว์เนินอกอวบอิ่ม และเรียวขาอันงดงาม เธอยืนโดดเด่นอยู่บนเวทีใหญ่ในค่ำคืนพิเศษท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ที่สาดส่องมา
ตอนแรกที่รู้ว่าตนเองถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอีกครั้งในปีนี้เธอก็ยังไม่คิดว่ามันจะตกมาถึงมือตนเอง จนนาทีที่ถูกประกาศชื่อความรู้สึกมากมายก็กระแทกเข้าสู่หัวใจ เสียงปรบมือ คำชื่นชมยินดีที่ได้รับมันทัชใจจนนางร้ายอย่างเธอน้ำตาซึม
“ดิฉันสัญญาว่าจะพัฒนาฝีมือด้านการแสดงของตัวเองให้ดี
ยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ รางวัลนี้มีความหมายต่อดิฉันมาก เพราะคือรางวัลแรกในเส้นทางการเป็นนักแสดงอาชีพ ขอบคุณทุกโอกาสดี ๆ ที่ได้รับจากผู้ใหญ่ทุกท่าน ขอบคุณทุกการสนับสนุนของแฟนคลับที่ไม่ว่าดิฉันจะทำอะไรก็พร้อมซัพพอร์ตเสมอ ขอบคุณทีมงานทุกคนที่เคยทำงานร่วมกันมา ขอบคุณจากหัวใจค่ะ” หญิงสาวกล่าวปิดท้ายก่อนจะเดินลงจากเวทีอันทรงเกียรติด้วยความมั่นใจ และงามสง่า สะกดทุกสายตา ของคนทั้งฮอลล์ ถ้าบอกว่ารางวัลนี้ไม่สมเหตุสมผลก็ไม่สมควรมีใครได้ไป
“นาทีนี้ใครก็ฉุดเธอไม่อยู่แล้วครับ”
“นั่นสิคะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าสวยไร้ที่ติสว่างไสวเหมือนแสงเทียน นุ่มนวล และอ่อนละมุน ถ้าไม่ได้เห็นฝีมือการแสดงมาก่อนทุกคนคงค้านสายตา พุ่งประเด็นไปที่เด็กเส้น และล็อกมง เปรมาคิดว่าการเป็นนางร้ายที่ถูกคนดูด่าทอด้วยถ้อยคำแสลงหูของเธอประสบความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งแล้ว เพราะรางวัลนี้มันการันตีถึงความเล่นเข้าถึงบทบาทที่ได้รับ ร้ายจนคนดูอยากเอาทุเรียนมาฟาดตอนเดินผ่าน ส่งผลถึงผลคะแนนโหวต
“ยินดีด้วยนะครับพี่ไอรีน”
“ขอบคุณค่ะน้องภีม” เปรมาตอบรุ่นน้องหนุ่มวัยมหา’ลัยด้วยรอยยิ้มตรึงใจ ในละครอาจร้ายจนน่าโมโห แต่พอนอกจอเธอน่ารักเป็นปกติ ตอนเธอยิ้มกล้องถ่ายทอดสดแพนมาพอดีทุกคนจึงเห็นภาพดังกล่าวบนจอใหญ่บนจอใหญ่
ชาวเน็ตที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ไม่พลาดที่จะแสดงความคิดเห็นกันอย่างเมามันเกี่ยวกับงานในคืนนี้ เหรียญยังมีสองด้าน มีคนรักย่อมมีคนเกลียด เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคนมีชื่อเสียง แอนตี้แฟนที่ปากร้องยี้ ติทุกอย่างแต่กลับติดตามทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่เปรมาเท่านั้นที่เจอ มากเกินไปก็จะเจอปราบด้วยกฎหมาย
‘ดาราก็คนไม่ใช่สนามอารมณ์ ขึ้นศาลถูกฟ้องขึ้นมาน้ำตาก็ช่วยออกเงินไม่ได้ กระเช้าแทนคำขอโทษไอรีนก็ไม่อยากได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ชอบกันก็แค่ปล่อยผ่าน อย่าให้ความสะใจอยู่เหนือสติเลยนะคะ มันไม่คุ้มหรอก’ เปรมาเคยพูดประโยคนี้กลางวงสัมภาษณ์หลังให้ทนายยื่นฟ้องชาวเน็ตหยาบคายที่พิมพ์ด่าเธอด้วยเรื่องไม่จริงทีเดียว 5 ราย และเธอก็ชนะคดีได้รับเงินจากคู่กรณีมาทำบุญให้บ้านเด็กกำพร้า
นอกจาก “ครับ” แล้วภีมพลก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเสริมอีกได้แต่ยิ้มเขิน ปลายหูแดงก่ำ เขาเป็นนักแสดงวัยรุ่นหน้าใหม่อยู่ในสังกัด TMK บริษัทอันดับหนึ่งในวงการอุตสาหกรรมการบันเทิงของประเทศ โด่งดังมาจากบทพระรองแสนดี แค่เรื่องแรกที่ได้ลงสนามก็ประสบความสำเร็จ ดังไกลไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน การได้มานั่งประกบคู่ และพูดคุยกับรุ่นพี่ที่เขาปลื้มมันยิ่งกว่าฝันหวาน ถ้าได้ถ่ายรูปด้วยกันอย่างเป็นทางการสักรูปคงดีไม่น้อย
“และลำดับต่อไปขอเรียนเชิญคุณพฤทธิ์ จิระมงคลทรัพย์ ประธานกรรมบริหาร TMK Entertainment ให้เกียรติขึ้นมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้นักแสดงหน้าใหม่ยอดนิยมที่ถูกประชาชนโหวตให้สูงสุดในค่ำคืนนี้ด้วยครับ” สิ้นเสียงพิธีกรชายแห่งยุคเสียงปรบมือก็ดังสนั่นฮอล์
ดังยิ่งกว่าเสียงประกาศเรียกชื่อนักแสดงคนไหนอีก
หากจะพูดว่าประธานหนุ่ม วัย 30 ปี คนนี้ มีชื่อเสียงกว่าศิลปิน นักแสดง ไอดอล นางแบบ นายแบบก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะเขาคือเจ้าพ่อแห่งวงการบันเทิงไทยที่ดังไกลระดับโลก มีปัญหากับเขาเท่ากับตัดช่องทางการทำมาหากินในวงการ นี่คือสิ่งทุกคนตระหนัก และพึงระวัง
“ท่านประธานของผมเองครับ” ภีมพลพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
เปรมาพยักหน้า มีส่วนร่วมกับเด็กหนุ่มรุ่นน้อง ตามองภาพบนจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ที่ฉายภาพประธานทีเอ็มเค มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เธอกำลังยิ้มนั่นแหละแต่ไม่เปิดเผยชัดเจน ในฐานะนักแสดงคนหนึ่งเธอชื่นชมพฤทธิ์มาก เขาเก่ง เขาหล่อ เขามีความสามารถ และเขาอายุแค่ 30 เท่านั้นเอง เข้ามานั่งแท่นเป็นผู้บริหารในฐานะผู้นำสูงสุดแค่ไม่กี่ปีก็นำพาบริษัทไปสู่จุดที่ไกลกว่าคู่แข่งในตลาดหลายก้าวมาก ๆ
แล้วคุณพฤทธิ์คนนี้เขาเป็นคนที่ไม่เหมือนใคร และน่าจะไม่มีใครเหมือน ด้วยอาชีพ ด้วยสถานะทางสังคมของเขาที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่จ้องแต่จะเข้าหา แต่เขากลับออกสื่อให้สัมภาษณ์ และออกหน้ากล้องน้อยมาก เมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งทั้งหลายเขาดูมีพื้นที่สื่อน้อยที่สุด แต่ความจริงไม่ใช่เลย เขานี่แหละสื่อให้พื้นที่มากที่สุดแต่เขาเลือกที่จะอยู่อย่างสงบ
ทุกคนรู้ว่า TMK มีศักยภาพที่ดีที่สุดในวงการอุตสาหกรรมบันเทิงมาอย่างยาวนาน ปั้นบุคคลมีชื่อเสียงเข้าสู่วงการมานับไม่ถ้วน นอกจากคอยจัดการบริหารศิลปินในสังกัดมากกว่า 200 ชีวิต ก็ยังมีผลิตรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และละคร
เปรมาเคยคิดเล่น ๆ ว่าถ้าตนเองได้เซ็นสัญญากับ TMK มันจะดีแค่ไหน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดที่ผ่านเข้ามาตอนเริ่มเป็นนักแสดงน้องใหม่ ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว การที่เธอไม่มีบริษัทคอยดูแลก็ไม่ได้ทำให้เธอหางานไม่ได้ แบบนี้มันดีสำหรับเธอแล้วเหมือนกัน ไม่ต้องเอาตัวเองไปผูกกับใคร และมีอิสระทางความคิดมากกว่าด้วย
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าสุขุมในชุดสูทสีดำสุดเนี้ยบลุกขึ้นยืนจากแถวที่นั่งวีไอพีที่อยู่ด้านหน้าสุด ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะยินดีเข้าร่วมงานประกาศรางวัล ครั้งนี้ถือว่าคนเชิญประสบความสำเร็จแล้ว ร่างสูงสง่าค้อมกายลงเล็กน้อยอย่างให้เกียรติทุกคนด้วยท่าทางสุภาพ ชั่วขณะหนึ่งที่เขาบังเอิญสบตากับเปรมาที่ยิ้มบางให้ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวทีตามการนำของทีมงานคุณภาพ
ร่างสูงโปร่ง บุคลิกแสนเย็นชาที่คล้ายต้องการจะกีดกันคนทั้งโลกไม่ให้เข้าใกล้ตนเองเกิน 5 เมตร แต่กลับดึงดูดทุกสรรพสิ่งให้วิ่งเข้าหา นักแสดงอยากอยู่ในสังกัด นักลงทุนอยากจีบมาร่วมลงทุน หญิงสาวอยากจีบมาเป็นคนของหัวใจ ทว่าอย่างหลังนี่ทุกคนต่างลงความเห็นกันว่าน่าจะยากหน่อย ถ้าให้เขาแต่งกับงานที่ทำน่าจะง่ายกว่าการหาเจ้าสาวสักคนมาเข้าพิธี
กว่าเปรมาจะออกมาจากวงสัมภาษณ์ของสื่อมวลชนทุกสำนักที่มาล้อมเธอไว้ได้ก็กินเวลานานถึง 20 นาที คำถามส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องรางวัล เรื่องงาน และแซวเรื่องความรักที่จะต้องมีมาหยอดถามกันทุกครั้งที่เจอหน้า
จะลั่นระฆังวิวาห์ตอนไหน เพื่อน ๆ หลายคนในวงการนำหน้าไปแล้ว ถึงคิวเธอได้แล้วหรือเปล่า เปรมาตอบสบาย ๆ หน้าตายิ้มแย้มว่าคงอีกนานเลย ทุกคนรู้ว่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว แต่แพลนนั้นก็ยังไม่ได้มีการวางไว้ ทั้งเขาและเธอยังคงมีแต่เรื่องงาน
พอได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวเปรมาก็ผ่อนคลายมากขึ้น จิบน้ำแร่ ตอบแชตของครอบครัว เพื่อน พี่ น้อง ทั้งในและนอกวงการที่ส่งมาแสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม เธอเข้ากับคนไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ากับทุกคนได้
“ยินดีกับเธออีกครั้งด้วยนะน้องรัก รางวัลนี้เหมาะสมและคู่ควรกับเธอที่สุดแล้วไอรีน ที่ผ่านมาเธอทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ทุกงาน แล้วผลของความตั้งใจของเธอมันก็ประจักษ์ให้ทุกคนเห็นมาตลอด วันนี้เธอได้มันมาแล้ว รางวัลแรกบนเวทีใหญ่ ในอนาคตมันจะต้องตามมาอีกเรื่อย ๆ พี่เชื่อมั่นในตัวเธอนะ” ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว และยังพ่วงตำแหน่งพี่สาวคนสนิทที่สนิทสนมกันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่เชียงใหม่ กรรณิการ์แทบเก็บอาการเอาไว้ไม่ได้ตอนที่พิธีกรประกาศรายชื่อว่าคนของตนเองได้รับรางวัลในค่ำคืนนี้
นางร้ายสาวบีบมือพี่สาวที่รักกันเหมือนพี่น้องแท้ ๆ บางครั้งพวกเธอไม่ต้องพูดอะไรกันมาก แค่มองตาก็เข้าใจ แต่วันนี้มันพิเศษกว่าทุกวัน ถ้าจะพูดมากขึ้นอีกสักหน่อยก็ไม่ได้ทำให้เหนื่อยเพิ่ม “ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของพี่อุ้มด้วยค่ะ เพราะถ้าไม่มีพี่อุ้มคอยดูแลทุกฝีก้าวก็อาจจะไม่มีไอรีนที่เป็นไอรีนในวันนี้ เป้ด้วยนะจ๊ะ พี่ขอบคุณเธอมากที่อยู่เคียงข้างพี่มาตลอด” ตอนนี้พวกเธอนั่งอยู่ในรถตู้อเนกประสงค์คันโตที่เมธัส ผู้ช่วยอีกคนเป็นคนขับ
“ผมพร้อมยืนหยัดเคียงข้างพี่ไอรีนตลอดไปครับ” เขามองกระจกหลัง ยิ้มระรื่นเต็มใบหน้า เมธัสเป็นญาติของกรรณิการณ์อีกที เรียนจบเปรมาก็ชวนให้มาทำงานด้วยกัน เขาไม่ปฏิเสธ รีบตอบตกลงแล้วเริ่มทำงานทันที
“ไม่เสียแรงที่พี่เอ็นดูนายนะเป้” เปรมายิ้มอารมณ์ดี ใครที่ทำงานให้เธอไม่เคยเอาเปรียบ ของขวัญพิเศษมีให้ทุกเทศกาล ช่างหน้า ช่างผม ทีมสไตล์สิสต์ได้หมด เธอคิดเสมอว่าเมื่อเราดูแลคนที่ทำงานให้ดีงานก็จะออกมาดี
“แต่พวกเราในทีมทำงานหนักยังไงก็ไม่เท่าเธอที่ต้องออกแรงมากกว่าหรอกนะไอรีน ถ้าเธอไม่มีฝีมือ ไม่มีความสามารถรางวัลอันทรงคุณค่านี้ก็คงไม่ตกเป็นของเธอหรอก พูดแล้วก็เสียดายอะ พี่อยากพาเธอไปเลี้ยงฉลองต่อแต่เธอดันมีนัดกับคุณนัยต่อแล้ว” ในมือยังถือรางวัลชื่นชมอยู่เลย
“นั่นสิครับ”
“แต่ไม่เป็นไร เอาไว้ฉลองย้อนหลังก็ได้ จะได้ชวนคนในทีมที่เหลือมาฉลองด้วยกันด้วย แต่ขอฉันบ่นคุณณัฐนัย คู่หมั้นเธอหน่อยเถอะนะไอรีน ทั้งที่สัญญากับเธอไว้แล้วแท้ ๆ ว่าจะมารับ แต่ดันมาบอกว่าตัวเองติดธุระด่วนกะทันหัน ทำให้มารับที่งานไม่ได้ แล้วจู่ ๆ ก็มาบอกให้ตามไปเจอที่คอนโดอีกครั้ง นี่ถ้าเป็นพี่นะไอรีน พี่จะแกล้งงอนให้ง้อหนัก ๆ เลย รู้แหละว่างานก็สำคัญแต่มันก็ทำให้อารมณ์เสียได้เหมือนกัน”
“แต่ผมว่ามันก็แปลก ๆ อยู่นะครับพี่อุ้ม ไม่แน่ว่าตอนนี้คุณนัยเขาอาจจะเตรียมเซอร์ไพรส์อะไรไว้รอพี่ไอรีนอยู่ที่คอนโดแล้วก็ได้ แบบว่าทำให้งงก่อนค่อยตบด้วยเซอร์ไพรส์อันน่าตื่นเต้นทีหลัง” ตอนนี้เขากำลังขับพาเจ้านายสาวไปส่งยังคอนโดมิเนียมสุดหรูของ ณัฐดนัย ซึ่งน้อยครั้งมาก ๆ ที่เปรมาจะให้มาส่งที่นี่
“เหรอ มีแฟนเป็นดาราเลยต้องแสดงละครให้เป็นงี้”
เปรมายิ้ม “คงงั้นมั้งคะ”
“แต่คุณนัยของเธอดันแสดงไม่เนียนนี่สิ”
“คุณนัยเขาจะขอพี่ไอรีนแต่งงานหรือเปล่าครับพี่อุ้มเลยให้มาที่คอนโดแทน ผมว่ามีลุ้นนะ” เมธัสทำเสียงตื่นเต้น แววตาระริกระรี้แทนเจ้านายสาว แต่พอมองกระจกหลังกลับเห็นไปรมาที่กำลังก้มหน้ากดมือถือส่ายหน้า
“ยังหรอก” เธอกำลังลงรูปรับรางวัลใน IG
“ฉันก็ว่ายัง”
“ข้อความสักข้อความยังไม่มีเลย”
ในบริบทประโยคพูดอาจฟังเหมือนน้อยใจ แต่เปล่าเลย
ยังต้องรอตอนเจอ
30 นาทีต่อมา เปรมาก็เดินทางมาถึง
เธอยังคงอยู่ในชุดราตรีชุดเดิม รองเท้าคู่เดิม ออกจากงานยังไงก็มาที่นี่แบบนั้น ดูอลังการไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการก้าวเดิน เปรมากำลังขึ้นไปบนห้องของคู่หมั้นหนุ่มด้วยลิฟต์โดยสารส่วนตัวที่ถูกล็อกไว้ชั้นใครชั้นมัน เพนท์เฮาส์ที่เธออยู่ก็เป็นแบบนี้ และไกลจากที่นี่พอสมควร
จ่ายค่าที่พักอาศัยแพงหูฉี่แต่แลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวสูงยังไงก็คุ้มสำหรับคนที่มีอาชีพอย่างเธอ และพอมีกำลังจ่าย ในหนึ่งชั้นจะมีเพื่อนบ้านแค่ 2-3 ห้องเท่านั้น นาน ๆ ครั้งจะเจอหน้ากันสักหนสองหน คีย์การ์ดที่ณัฐดนัยเคยให้ไว้เปรมาเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าไว้เสมอ ถึงจะไม่ค่อยได้มาบ่อย แต่ใน 1 เดือนต้องมีแวะมาบ้าง อย่างน้อย 2 วันเป็นอย่างต่ำ มีช่วงนี้นี่แหละที่ไม่ค่อยได้มาเพราะเธอมีไปถ่ายซีรีส์ที่ต่างจังหวัดเกือบครึ่งเดือน เพิ่งกลับมากรุงเทพฯ ก่อนงานประกาศรางวัลได้แค่สามถึงสี่วัน
ตอนที่หมั้นเป็นช่วงเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการอย่างเต็มตัวของเธอ การใช้เวลาร่วมกันจึงมีไม่มากนัก แต่ณัฐดนัยเป็นคู่หมั้นที่ดี คอยถามไถ่ ห่วงใย และเอาใจใส่เสมอ พวกเธอทั้งคู่ไม่ได้เป็นคนรักกันมาก่อน
ที่หมั้นเพราะผู้ใหญ่จัดให้
มันเริ่มต้นมาจากคุณปู่ของพวกเราเป็นเพื่อนรักกัน ในอดีตพวกท่านคุยกันว่าถ้ามีหลานสาว หลานชายควรให้แต่งงานมาเป็นครอบครัวเดียวกันทำนองนั้น แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง และสัญญาแบบปากเปล่าในตอนนั้นก็สำฤทธิ์ผลจนได้ ก่อนที่คุณปู่ทั้ง 2 ท่านจะจากโลกนี้ไป
ตอนนั้นเธอ พ่อ และแม่ ไม่เห็นด้วยเลยกับวิธีการคลุมถุงชนแบบนั้น นี่มันยุคไหนกันแล้ว วิธีการนั้นมันควรหมดไปจากโลกนี้นานแล้ว แต่ต่อรองยังไงก็ไม่ได้ผล สุดท้ายในเมื่อขัดคุณปู่ไม่ได้ก็เลยปล่อยไปตามน้ำ
เวลานั้นเธอก็ยังไม่มีใคร ณัฐดนัยก็ไม่ได้แย่ นิสัยดี สุภาพอ่อนโยน เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็กด้วย อนาคตถ้าเห็นว่าไปไม่รอดก็แค่ถอนหมั้น โบกมือแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน แต่มันก็ผ่านมานานถึง 5 ปี โดยไม่รู้ตัว คุณปู่ที่รักก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ครอบครัวยิ่งไม่มีทางขัดขวางถ้าเธอเลือกจะถอนหมั้น
ก่อนลงรถเธอได้รับสายโทรศัพท์จากครอบครัว ส่งข้อความมาแล้วก็ยังโทร. มาแสดงความยินดีที่เธอได้รับรางวัลอีกที พวกเขารอให้เธอกลับบ้านไปฉลองด้วยกันที่เชียงใหม่ เธอรับปากว่าจะกลับไปอย่างแน่นอน นับดูแล้วก็หลายเดือนที่ไม่ได้กลับไปเลย มีแต่พ่อแม่และน้องชายเดินทางมาหาที่กรุงเทพฯ
หญิงสาวแตะคีย์การ์ด เปิดประตูเข้าไปก็พบถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว รองเท้าส้นสูงสีเงินของผู้หญิงคือสิ่งแรกที่สะดุดตา มันไม่ใช่ของเธอแน่ เรื่องนี้มั่นใจมาก รอยยิ้มบางเบาบนใบหน้างดงามพลันเลือนหาย กลืนไปในบรรยากาศสลัว