บทที่ 8 นางร้ายไม่ใช่เหยื่อของพวกแกอีกต่อไป! [2/2]
บทที่ 8
นางร้ายไม่ใช่เหยื่อของพวกแกอีกต่อไป! [2/2]
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะมาตัดสินแทนข้าได้”
หญิงสาวพูดออกมาเสียงเย็นก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ราวกับกำลังหาบางอย่าง เมื่อพบสิ่งที่ถูกใจมือบางก็ยื่นออกไปกระชากเส้นผมของสตรีที่คุกเข่าอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้นเดินตามนางมา
“กรี๊ดด ข้าเจ็บ ท่านพี่ช่วยข้าด้วย”
“ซือเล่อปล่อยนาง!”
ฮวาซือเล่อในยามนี้ไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว นางเป็นพวกเมื่อได้รับสิ่งใดก็ต้องสนองกลับไปให้อีกฝ่ายอย่างสาสม ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะหนังสือก่อนจะปล่อยมือทำให้เส้นผมของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ
ตุบ!
“จะ...เจ้าจะทำอะไรปล่อยมือข้านะ..กรี๊ดดดดด”
เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังไปทั่วห้องหลังจากที่ฝ่ามือข้างขวาของนางถูกฮวาซือเล่อจับตึงไว้กับโต๊ะหนังสือ ก่อนจะราดชาร้อน ๆ ที่อยู่ในกาลงบนฝ่ามือของนาง
หลิวหรูเหม่ยพยายามดิ้นเอามือของนางออกแต่ก็ไม่เป็นผล ไม่รู้เลยว่าสตรีที่อยู่แต่ในห้องหอเช่นฮวาซือเล่อเหตุใดถึงได้มีกำลังมากนัก
“ซือเล่อปล่อย ข้าบอกให้ปล่อยนาง!”
เพล้ง! ตุบ!
กาน้ำชาที่ว่างเปล่าถูกปาจนแตกกระจายตามด้วยร่างของหญิงสาวที่ถูกเหวี่ยงลงไปกองบนพื้นด้วยฝีมือของฮวาซือเล่อ ภายในห้องตอนนี้มีเพียงเสียงร้องไห้ของหลิวหรูเหม่ยเท่านั้น
“ซือเล่อเจ้าไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไปหรือ ไม่อยากรับนางเป็นอนุก็ไม่ควรทำรุนแรงเช่นนี้”
หวังเพ่ยอิงเอ่ยออกมาน้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ ชายหนุ่มเดินเข้าไปประคองหญิงสาวที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นบ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัวให้ยืนขึ้นก่อนจะดันให้นางมายืนหลบอยู่ด้านหลังของเขา
“เจ้าก็รู้ว่านางไม่ได้ตั้งใจเหตุใดจึงใช้แต่อารมณ์เช่นนี้ แม้เจ้าจะหึงหวงข้าแต่นี่มันเกินไปหรือไม่ ดูสินางหวาดกลัวเจ้าเพียงใด”
“ท่านหลงตัวเองเกินไปหรือไม่ ที่ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะหึงหวงเแต่เพราะข้าเห็นว่านางจงใจสาดชาร้อน ๆ ใส่ข้า!”
“นางไม่ได้ตั้งใจ ข้ารู้จักนางดีนางไม่ใช่สตรีเช่นเจ้า”
นี่สินะถึงมีคนบอกว่าไม่ควรพูดคุยกับคนโง่ที่ตามืดบอด พวกเขาไม่มีทางเข้าใจ พวกเขาเลือกที่จะเชื่อเพียงว่าความคิดและการตัดสินใจของตัวเองเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด
ต่อให้นางพูดอธิบายร้องหาความยุติธรรมก็ไม่มีประโยชน์ ดูท่าแล้วมีแต่จะนำพาเรื่องน่าปวดหัวเข้ามาหานางมากกว่าเดิม
“ซือเล่อ สิ่งที่เจ้าทำเกินไปจริง ๆ เพราะเจ้าเป็นสตรีร้ายกาจเช่นนี้ไงข้าถึงไม่คิดจะชายตามองเจ้าในฐานะคนรัก”
ให้ตายสิไอ้เวรนี่!
“เกินไปหรือ? ข้าว่าท่านต้องขอบคุณข้าด้วยซ้ำที่ลงโทษนางเพียงแค่นี้”
“ซือเล่อนี่เจ้า!”
“นางจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมันต่างกันอย่างไรเล่า ในเมื่อเรื่องที่นางสาดน้ำร้อนใส่ข้าคือความจริง”
“.......”
“ท่านไปอยู่ชายแดนมาหลายปีจำได้หรือไม่ ตามกฎของจวนอนุที่ทำร้ายฮูหยินต้องได้รับโทษเช่นไร การที่ข้าลงโทษนางเพียงแค่นี้นับว่าปรานีมากพอแล้ว”
ความเงียบกลับมาปกคลุมทั้งห้องฮวาซือเล่อคลี่ยิ้มออกมาเมื่อพบว่าตนเองเป็นผู้ชนะในสงครามน้ำลายในครั้งนี้ นางไม่คิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาแต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้รังแกได้ง่าย ๆ
“ส่วนเจ้าหากอยากได้สามีข้านักก็เอาไปเลย บุรุษผู้นี้ข้าซือเล่อไม่ต้องการแล้ว” หญิงสาวพูดออกมาเสียงเรียบก่อนจะวางกำไลหยกลงบนโต๊ะหนังสือ
“กำไลวงนี้ในเมื่อเป็นของเขาเจ้าก็รับไปเถิด ตอนนี้มันไร้ความหมายสำหรับข้าแล้ว”
“จะ..เจ้าค่ะ”
“ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ข้าก็จะถือว่าตนเองทำหน้าที่ฮูหยินรับน้ำชาจากนางตามธรรมเนียมแล้ว ต่อไปหากไม่ใช่ธุระสำคัญขอพวกเจ้าอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับข้าอีก” ฮวาซือเอ่ยพูดจบก่อนก้าวเท้าเดินผ่านชายหนุ่มไปแววตาของนางที่มองเขามันเต็มไปด้วยความสมเพช
“ดะ...เดี๋ยวซือเล่อ”
หวังเพ่ยอิงรับรู้ได้ทันทีว่าสตรีตรงหน้าของเขาเปลี่ยนไปจากในอดีต แววตาของนางที่มองเขาในอดีตมันเคยเต็มไปด้วยความรักและเทิดทูนแต่ในยามนี้กลับเปลี่ยนไป
“ทะ..ท่านพี่ข้า...”
“หรูเหม่ย!”
ชายหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อหญิงคนรักด้วยน้ำเสียงตกใจ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหมดสติเขาก็รีบเข้าไปพยุงนางไว้ทันที มือหนาช้อนร่างบางอุ้มขึ้นแนบอกก่อนจะรีบวิ่งพานางออกไป
“ตามหมอ! พ่อบ้านซุนส่งคนไปตามหมอ!”
ฮวาซือเล่อที่กำลังเดินออกจากห้องหนังสือหยุดชะงักฝีเท้า ดวงตาคู่สวยมองแผ่นหลังของบุรุษที่มีสถานะเป็นสามีกำลังแสดงท่าทีร้อนรน ยิ่งได้เห็นหญิงสาวผู้แกล้งหมดสติที่เขาอุ้มอยู่ก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา
ซือเล่อข้าไม่เข้าใจเลยจริง ๆ อะไรทำให้เจ้าในอดีตชื่นชอบบุรุษโง่เช่นนี้กัน
