บทที่ 8 นางร้ายไม่ใช่เหยื่อของพวกแกอีกต่อไป! [1/2]
บทที่ 8
นางร้ายไม่ใช่เหยื่อของพวกแกอีกต่อไป! [1/2]
พระอาทิตย์เริ่มตกดินเป็นเวลาเดียวกับที่ฮวาซือเล่อเพิ่งกลับมาถึงจวน เพราะนางมัวแต่วุ่นวายเรื่องการตรวจสอบบัญชีร้านค้าที่กองเป็นภูเขาทำให้วันนี้นางกลับมาที่จวนช้ากว่าที่คาดไว้
“ฮูหยินท่านกลับมาแล้ว รีบไปเถอะขอรับนายท่านกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องหนังสือ”
ใบหน้าที่เคยเปื้อนรอยยิ้มของฮวาซือเล่อก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเมื่อได้ฟังคำพูดของพ่อบ้านซุน หญิงสาวถอนหายใจออกมาแสดงท่าทางเหนื่อยล้า
ไม่คิดจะให้นางพักบ้างเลยหรือ
“พ่อบ้านซุนเกิดอะไรขึ้นอีก”
“เมื่อช่วงเช้าหลังจากที่ฮูหยินขึ้นรถม้าออกไปจากจวนแล้ว แม่นางหรูเหม่ยก็ร้องไห้เสียใจทั้งยังตัดพ้อว่าตนเองเป็นเพียงหญิงชู้รักที่มีสถานะต่ำต้อยนายท่านก็เลย.....”
ก็เลยจะให้นางรับน้ำชาเพื่อยกสถานะชู้รักสินะ
เอาเถอะทำให้มันจบ ๆ จากนี้จะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีก
ไม่ใช่ว่านางหวาดกลัวแต่แค่ไม่อยากเจอ นางรู้สึกว่าคนพวกนั้นไม่สำคัญมากพอที่จะให้ตัวนางไปเสียเวลาที่เจอด้วยซ้ำ หากว่ากันตามจริงอยากต่างคนต่างอยู่ก่อนที่จะหย่ากันด้วยซ้ำ
ให้พวกเขารักกันไป ส่วนนางก็จะอยู่ในพื้นที่ของตัวเองไม่ต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกันและกัน
แต่ก็นั่นแหละนางรู้ดีว่าสิ่งที่นางคาดหวังไม่อาจเป็นไปได้ นางยังต้องทำหน้าที่ฮูหยินสกุลหวังจนกว่าจะหย่า คิดว่าที่เรียกนางไปคงเพราะอยากให้นางยินยอมรับนางเอกมาเป็นอนุของเขาอย่างถูกต้อง
เฮอะ ตอกกันไปตั้งกี่สิบรอบแล้วพึ่งอยากจะมาทำให้ทุกอย่างถูกต้องตอนนี้เนี่ยนะ
น่ารำคาญเสียจริง!
บรรยากาศภายในห้องหนังสือเต็มไปด้วยอึดอัด ฮวาซือเล่อหยุดยืนอยู่กลางห้องดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่ชายหนุ่มผู้มีสถานะเป็นสามีในยามนี้กำลังจูบอย่างดูดดื่มกับสตรีที่นางรู้ดีว่าเป็นใคร
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางยืนอยู่ในห้อง
ไม่สิ...
ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับดวงตาของหญิงสาวที่กำลังได้รับจูบอันร้อนแรงจากสามีของนาง ริมฝีปากบางยกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังส่งสายตาท้าทายนาง
ปกตินางเอกจะพวกหน้าไม่อายแบบนี้เหรอ?
หากเป็นฮวาซือเล่อในนิยายนางรับรองได้เลยว่านางเอกคงโดนกระชากหัวตบจนสลบไปแล้ว นั่นก็เพราะนางหึงหวงพระเอกทั้งนางเอกยังท้าทายแบบนั้น
หลิวหรูเหม่ยเจ้าโชคดีจริง ๆ ที่คนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือข้า..
“เฮ้อ...ละอายกันบ้างเถอะ หรือว่าที่เรียกข้ามาเพราะอยากให้ดูพวกเจ้าทำเช่นนี้”
หวังเพ่ยอิงกำลังมัวเมากับรสจูบของสตรีที่เขารัก เมื่อได้ยินเสียงของสตรีที่ไม่รู้ว่าเข้ามาอยู่ภายในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ดังขึ้นแทนที่เขาจะตกใจกลับยังคงป้อนจูบให้คนตรงหน้าต่อไป
“อ๊ะ...ท่านพี่พอก่อนเจ้าค่ะ ฮูหยินก็อยู่ที่นี่นะเจ้าคะหากนางไม่พอใจข้าขึ้นมา....”
การแสดงห่วยแตกนั่นมันอะไร?
ฮวาซือเล่อคิดในใจ ดวงตาคู่สวยมองการแสดงที่แสนห่วยแตกของสตรีตรงหน้าที่กำลังแสร้งตัวสั่นเหมือนหวาดกลัวนาง
การแสดงแบบนั่นมีคนโง่ที่ไหนดูไม่ออกบ้าง
“ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่นางไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอก หรือหากนางทำข้าจะไม่ปล่อยนางไปแน่”
อ่า...นี่ไงคนโง่ คนโง่อยู่ตรงหน้านางนี่ไง
ฮวาซือเล่อถ้าจะหลงรักบุรุษจนตัวเองต้องตายเจ้าก็ช่วยหาบุรุษที่ฉลาดกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ! บุรุษที่แม้แต่ดูการแสดงห่วยแตกนั่นไม่ออกต้องโง่ขนาดไหนกัน....
“ท่านพี่ หากพูดเช่นนี้ฮูหยินอาจจะไม่พอใจก็ได้นะเจ้าคะ”
ตอนแรกก็พอทนดูได้อยู่หรอก แต่พอนานไปรู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา
“ที่เรียกข้ามาเพราะจะให้ข้ารับน้ำชายอมรับนางเป็นอนุของท่านใช่ไหม”
ฮวาซือเล่อที่ยืนอยู่กลางห้องตัดสินใจเอ่ยเข้าประเด็นเพื่อหวังให้ทุกอย่างจบโดยเร็ว นางบอกแล้วว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา จะรักกันหรืออะไรก็ชั่งตามสบาย
นางแค่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ในจวนเงียบ ๆ เพื่อรอวันหย่าออกไปเท่านั้น
หลังจากนั้นค่อยหาความสุขให้ตัวเองเหมือนชาติที่แล้ว
ว่าแต่นายโลมอันดับหนึ่งของหอชมบุรุษจะแซ่บถึงใจเหมือนที่โฆษณาไว้หรือเปล่านะ....
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ากำลังวางแผนอะไรถึงได้ยิ้มเช่นนั้น แต่หากคิดจะไม่รับหรูเหม่ยเป็นอนุข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยแน่ เจ้าเตรียมตะ...”
“พูดมากเสียจริง แค่รับน้ำชาจากนางก็พอใช่ไหม”
ฮวาซือเล่อเอ่ยออกมาอย่างหัวเสียนางเป็นประเภทไม่ชอบคุยกับคนโง่ ยิ่งคนตรงหน้าเอาแต่พล่ามเรื่องไร้สาระและคิดไปเองนางยิ่งอยากเดินหนีให้ห่าง
“น้ำชาที่อยู่บนโต๊ะนั่นรินมาให้ข้าสิ”
การกระทำแปลกประหลาดที่ต่างจากอดีตของสตรีตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้หวังเพ่ยอิงเป็นอย่างมาก เดิมทีคิดว่าจะต้องทะเลาะกับนางจนใหญ่โตหรือนางจะร้องไห้ด่าทอหลิวหรูเหม่ยเสียอีก
แต่นี่มัน...เกินความคาดหมายไปหน่อยหรือไม่?
“เจ้ายินดีจะให้ข้ารับนางเป็นอนุ?”
“ใช่ แต่ข้าไม่มีเวลามาจัดพิธีหรอกนะ แค่ให้นางยกน้ำชามาให้ข้าตอนนี้ก็พอส่วนของขวัญเอาเป็นกำไลวงนี้ของข้าก็ได้”
ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ถอดกำไลหยกแสนคุ้นตาออกมาจากข้อมือของนาง เขามองจากตรงนี้ก็จำได้ว่ากำไลหยกวงนั้นเป็นของที่นางหวงแหนที่สุด
เพราะมันคือของชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่เขามอบให้นาง…
“รีบยกน้ำชามาได้แล้วมัวรออะไรอยู่ อยากเป็นไม่ใช่เหรออนุของสามีข้า”
“จะ...เจ้าค่ะ”
น้ำชาร้อน ๆ ถูกเทลงบนถ้วยชาส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วห้อง หลิวหรูเหม่ยถือถ้วยชาเดินตรงไปหาสตรีที่ยืนอยู่กลางห้อง เดิมทีนางคิดว่าตนเองงดงามมากแต่ในวันที่ได้พบฮวาซือเล่อนางก็ได้รู้ว่าตนเองงดงามได้ไม่ถึงครึ่งของสตรีตรงหน้าด้วยซ้ำ
ยิ่งเป็นแบบนี้นางยิ่งรู้สึกอิจฉาและหวาดกลัว กลัวว่าสามีจะลุ่มหลงในความงามของฮูหยินและทอดทิ้งนาง
“เจ้าจะให้กำไลวงนั้นกับนาง?”
“เจ้าค่ะ” หญิงสาวตอบออกไปเสียงเรียบ ดวงตาคู่สวยจับจ้องหญิงสาวที่กำลังถือถ้วยชาร้อน ๆ เดินตรงมาที่นาง
“กำไลนั่นข้ามอบให้เจ้าจำไม่ได้หรือ”
กึก
คำพูดของสามีที่อยู่ด้านหลังทำให้หลิวหรูเหม่ยหยุดชะงักฝีเท้าอย่างลืมตัว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยมองใบหน้างดงามของสตรีตรงหน้าแววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
หากใบหน้างดงามนั่นไม่งดงามอีกแล้วเล่าจะเป็นเช่นไร?
จู่ ๆ ในหัวของนางก็เกิดคำถามหนึ่งปรากฏขึ้นมา ดวงตาคู่สวยมองน้ำชาที่อยู่ในถ้วยก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ร่างบางเดินเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้าในหัวเต็มไปด้วยแผนร้าย
“กรี๊ดดดด”
เพล้ง!!
“หรูเหม่ย!” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกสตรีที่เขารักน้ำเสียงเต็มไปด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปประคองนางที่นั่งอยู่บนพื้นห้อง
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากหลิวหรูเหม่ยที่กำลังเดินถือถ้วยชาเกิดสะดุดบางอย่างล้ม ทำให้น้ำชาที่ร้อนจัดสาดใส่ฮวาซือเล่อที่ยื่นอยู่ นั่นคือสิ่งที่หวังเพ่ยอิงเห็น
แต่แน่นอนว่าฮวาซือเล่อที่มองการกระทำของหลิวหรูเหม่ยตั้งแต่แรกย่อมไม่โง่เชื่อการแสดงแสนอ่อนหัดนั่น โชคดีที่นางเอี้ยวตัวหลบทำให้ใบหน้าที่งดงามของนางไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่มือของนางนั้นไม่ได้โชคดี
“ฮูหยิน ข้าขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าผิดไปแล้ว”
ฮวาซือเล่อมองมือข้างซ้ายของตนที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำชา ผิวหนังบางส่วนเริ่มมีลักษณะแดง เมื่อได้รับบาดเจ็บแน่นอนว่านางไม่คิดจะทนอีกต่อไปแล้ว
“ข้ายินยอมรับโทษขอเพียงฮูหยินให้อภัยข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะเจ้าคะ”
หญิงสาวปรายตามองคนที่กำลังคุกเข่าปากบอกขอโทษนางใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ฮวาซือเล่อคลี่ยิ้มออกมาแววตาที่จับจ้องคนตรงหน้าแฝงไปด้วยโทสะ
“ซือเล่อนางไม่ได้ตั้งใจเจ้าก็อย่าเอาเรื่องนางเลย”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะมาตัดสินแทนข้าได้”
