บทที่ 10 ในสายตาท่านอ๋องหม่อมฉันงดงามหรือไม่
บทที่ 10
ในสายตาท่านอ๋องหม่อมฉันงดงามหรือไม่
นับจากวันที่ลงนามในสัญญาเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปสองอาทิตย์ โจวเยว่เทียนที่กินยาลูกกลอนสีทองเป็นประจำเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เพราะอาการเจ็บปวดทรมานที่เกิดจากพิษกำเริบในทุกค่ำคืนตลอดหลายปียามนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว
“หม่อมฉันขอจับชีพจรดูสักหน่อยนะเพคะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงเรียบก่อนมือบางจะเอื้อมไปจับข้อมือของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ช่วงนี้หม่อมฉันอยากขอให้ท่านอ๋องงดดื่มสุราก่อนนะเพคะ”
“เพราะเหตุใด อาการข้าแย่ลงหรือ”
ฮวาซือเล่อปล่อยข้อมือของโจวเยว่เทียนให้เป็นอิสระ ก่อนร่างบางจะย่างกายไปที่โต๊ะหนังสือหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเทียบยาบำรุงตัวใหม่ให้เขาลงในกระดาษ
“ร่างกายของท่านอ๋องตอนนี้ยังอ่อนแอจึงไม่เหมาะจะดื่มสุราเพคะ”
“ข้านะหรืออ่อนแอ นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน”
“ทรงดื่มได้เพียงวันละสามจอกนะเพคะ แต่หากเลือกได้หม่อมฉันอยากให้เลี่ยงไปก่อน”
“เฮอะ ข้าจำเป็นต้องฟังคำหมอเถื่อนเช่นเจ้าหรือ”
ก็เพราะหมอเถื่อนอย่างข้าไม่ใช่หรือไงท่านถึงอาการดีขึ้น
หญิงสาวทำได้เพียงโต้เถียงในใจเท่านั้น นางจะกล้าไปมีเรื่องกับคนที่กุมอำนาจการหย่าของนางได้ยังไงกัน ยิ่งเป็นตัวร้ายไร้เหตุผลแบบเขายิ่งไม่เอาด้วยคน
“ตอนนี้ร่างกายของท่านอ๋องดีขึ้นมากแล้ว หม่อมฉันจะเปลี่ยนตัวยาที่ใช้ในการรักษาให้เหมาะสม เพียงแต่สมุนไพรบางตัวอาจจะมีราคาแพงและหาได้ยากนะเพคะ”
“จวนอ๋องข้าไม่ได้ขาดเงิน”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาราวกับไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่สตรีตรงหน้าพูด เขาเป็นถึงท่านอ๋องที่มาล้นด้วยเงินทองอีกทั้งในคลังยาหลวงก็มีสมุนไพรหายากมากมายพี่ชายของเขายินดีที่จะยกทั้งหมดให้เขาด้วยซ้ำ
“เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้วเพคะ หากทำตามการรักษาของหม่อมฉันไม่นานพิษในกายของท่านอ๋องก็จะถูกขจัดออกจนหมด”
นัยน์ตาคมจับจ้องไปที่หญิงสาวตรงหน้าที่กำลังตั้งใจเขียนเทียบยา สายตาของเขามองสำรวจใบหน้าของโฉมงามก่อนจะนึกสงสัยว่าหวังเพ่ยอิงแท้จริงสายตามืดบอดหรือจึงเมินเฉยต่อสตรีที่งดงามเช่นนี้ได้ลง
“นางงามหรือไม่”
“เพคะ?”
“อนุที่สามีเจ้าพามาจากชายแดน นางงดงามมากหรือไม่”
ตุบ!
เพียงได้ฟังคำถามของคนตรงหน้าทำให้หญิงสาวเผลอปล่อยพู่กันที่อยู่ในมืออย่างลืมตัว นัยน์ตาคู่สวยยามนี้ฉายแววตื่นตระหนกพลันในหัวนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยาย
‘โจวเยว่เทียนตกหลุมรักนางเอกตั้งแต่แรกเห็น เพื่อให้ได้นางมาครอบครองเขายินยอมทำทุกวิธี…’
นี่อย่าบอกนะว่าเขาสนใจในตัวของหลิวหรูเหม่ยแล้ว...
เช่นนั้นเขาจะขอราชโองการหย่าให้ข้าตามสัญญาหรือไม่ เขาคงไม่ได้คิดวางแผนส่งข้าให้หวังเพ่ยอิงเพื่อที่ตนเองจะมีโอกาสแย่งหลิวหรูเหม่ยมาครอบครองหรอกนะ
“ซือเล่อเจ้าเป็นอะไร”
“มะ....หม่อมฉันไม่เป็นอะไรเพคะ” หญิงสาวฝืนยิ้มออกมาก่อนมือบางจะหยิบพู่กันขึ้นมาเขียนเทียบยาอีกครั้ง แต่เพราะความกังวลทำให้มือของนางสั่นจนเขียนตัวอักษรผิด ฮวาซือเล่อหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาก่อนจะเริ่มเขียนเทียบยาอีกครั้ง
โจวเยว่เทียนที่ลอบสังเกตท่าทางผิดปกติของสตรีตรงหน้าก็เข้าใจว่าตนเองทำผิดไป ดูท่าเรื่องที่นางเคยพูดว่าไม่ได้รักหวังเพ่ยอิงแล้วคงเป็นเรื่องโกหก
แค่ข้าพูดถึงอนุของสามีนางถึงกลับสะเทือนใจเพียงนี้ ช่างน่าสงสารเสียจริง...
“นี่คือเทียบยาตัวใหม่เพคะ”
นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านเทียบยาตรงหน้า ในหัวของนางยังคงคิดถึงเนื้อหาที่เกิดขึ้นในต้นฉบับ สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะทำบางอย่าง
“ชอบหรือเพคะ”
“?” โจวเยว่เทียนเงยหน้าขึ้นจากกระดาษมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจในคำถามของนาง
“พระองค์ทรงชอบสตรีหน้าตางดงามหรือเพคะ”
“บุรุษล้วนชอบสตรีหน้าตางดงาม”
“ถ้าเช่นนั้นในสายตาท่านอ๋องหม่อมฉันงดงามหรือไม่เพคะ”
ฮวาซือเล่อเอ่ยถามบุรุษตรงหน้าด้วยท่าทางร้อนใจ นางย่อกายนั่งลงตรงหน้าของชายหนุ่มอย่างลืมตัว ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองโจวเยว่เทียนราวกับกำลังเฝ้ารอคำตอบ
ชายหนุ่มนิ่งชะงักยามที่นัยน์ตาคมสบเข้ากับดวงตาของอีกฝ่ายหัวใจของเขาเต้นระรัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่มาจากร่างกายของสตรีตรงหน้าโชยเข้ากระทบจมูกทำให้โจวเยว่เทียนรู้สึกราวกับถูกต้องมนตร์
“ว่าอย่างไรเพคะ อย่างหม่อมฉันสำหรับท่านอ๋องแล้วนับว่างดงามหรือไม่”
“นะ...น่าเกลียด”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ฮวาซือเล่อยันกายลุกขึ้นผละออกจากโจวเยว่เทียน แผนการที่จะใช้ตนเองล่อลวงตัวร้ายให้เลือกนางแทนหลิวหรูเหม่ยเห็นทีต้องพับเก็บเสียแล้ว
สำหรับนางฮวาซือเล่อนับว่าเป็นสตรีที่งดงาม งามกว่าหลิวหรูเหม่ยที่เป็นนางเอกของนิยายเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่คงไม่ใช่ในแบบที่ตัวร้ายธงแดงจะชอบสินะ
“อะแฮ่ม”
โจวเยว่เทียนกระแอมกลบเกลื่อนคำโกหกของตนเองเมื่อครู่ก่อนจะเมินหน้าหนีหันไปทางอื่น เขารู้ว่าฮวาซือเล่อนั้นเป็นสตรีงดงามที่บุรุษมากมายต่างอยากได้เป็นภรรยา แต่ไม่เคยรู้ว่ายามมองนางใกล้ ๆ ความงดงามของนางจะมากขึ้นกว่าเดิมเพียงนี้
“วันนี้หม่อมฉันเคี่ยวน้ำแกงบำรุงมาให้พระองค์ด้วยเพคะ”
หญิงสาวพูดจบก็ย่างกายเดินไปหยิบชามน้ำแกงออกมาจากเสี่ยหนา แม้ใบหน้าสวยจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแต่ในหัวของนางกลับครุ่นคิดหาวิธีไม่ให้โจวเยว่เทียนตกหลุมรักหลิวหรูเหม่ยเช่นในนิยาย
หรือหากจะตกหลุมรักก็ช่วยหลังจากที่นางหย่าก่อนจะได้ไหม
“เจ้าเคี่ยวเองเลยหรือ”
“หม่อมฉันตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพื่อตั้งใจเคี่ยวน้ำแกงชามนี้ให้ท่านอ๋องเลย เพราะฉะนั้นทรงดื่มให้หมดนะเพคะ”
โจวเยว่เทียนยื่นมือออกมาไปชามน้ำแกงบำรุงขึ้นมาดื่ม แม้จะมีกลิ่นสมุนไพรแต่กลับไม่มีรสชาติขมอย่างเช่นที่เขาคิดไว้ นอกจากการแพทย์แล้วนางนับว่ามีฝีมือเรื่องการทำอาหารสิ
ทั้งขนม ทั้งน้ำแกงบำรุง ล้วนรสชาติดี
“ท่านอ๋องไม่คิดจะแต่งชายาบ้างหรือเพคะ”
“คะ..แค่ก..แค่ก”
เพียงคำถามเดียวของฮวาซือเล่อทำให้โจวเยว่เทียนถึงกับสำลักน้ำแกงที่กินอยู่ นัยน์ตาคมมองสตรีตรงหน้าแววตานั้นยากจะคาดเดา
“จะ...เจ้าถามทำไม”
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านอ๋องใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามรบไม่เคยแต่งสตรีใดเข้าตำหนัก ก็เลยคิดว่าพระองค์อาจจะมีสตรีในใจแล้ว”
“ไร้สาระชีวิตข้าอยู่แต่ในสนามรบจะไปมีสตรีในดวงใจได้เช่นไร ที่ข้าไม่แต่งสตรีใดเข้าตำหนักนั่นก็เพราะข้ายังไม่เจอสตรีที่ข้าพึงใจ”
หญิงสาวที่ได้ฟังเช่นนั้นก็นึกแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ สตรีที่งดงามมีมากมายในแคว้นโจวหากหาคนที่ท่านอ๋องพึงพอใจได้
ไม่แน่ว่าเนื้อเรื่องอาจจะไม่เหมือนในนิยาย
ท่านอ๋องก็ไม่ต้องลุ่มหลงในตัวหลิวหรูหม่ยจนตนเองต้องตาย
ส่วนนางจะก็ได้ราชโองการหย่าร้างกับหวังเพ่ยอิงตามสัญญา
“สตรีแบบไหนที่สามารถทำให้ท่านอ๋องพึงใจได้หรือเพคะ”
"เจ้า"
"เพคะ?"
"เจ้าไม่คิดว่าตนเองจะอยากรู้เรื่องของข้ามากเกินไปหรือ"
นี่ข้ากำลังพยายามช่วยชีวิตพวกเราอยู่นะ!
ฮวาซือเล่อร้องตะโกนในใจ นางในตอนนี้ตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่านอกจากรักษาท่านอ๋องผู้นี้ให้กลับมาเดินได้เหมือนอย่างปกติแล้ว นางจะต้องทำให้ตัวร้ายธงแดงนี่พบรักกับสตรีที่ตนเองพึงใจมากกว่านางเองอย่างหลิวหรูเหม่ยให้ได้
รอได้เลยโจวเยว่เทียนข้าจะนำสตรีผู้นั้นมาใส่พานถวายให้เจ้าเอง!
