บทที่ 5 ความรู้สึกที่บังเกิดในใจ
“หรงหรง”
ฟางหรงเด็กสาววัยห้าขวบมอง จางหมิ่งในชุดสีน้ำเงิน วิ่งมาหานางด้วยรอยยิ้ม ฟางหรงทำเพียงพยักหน้าให้ซูลี่รินน้ำเตรียมไว้ นางหยิบแก้วน้ำขึ้นมาก่อนจะส่งให้จางหมิ่งที่พึ่งวิ่งมาถึงนั่งหอบหายใจอยู่
“น้ำ จางหมิ่งเจ้าค่อย ๆ ดื่มสิ”
“เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าเหนื่อยแค่ไหน”
จางหมิ่งพูดออกมาอย่างสุดทน เขาซบหน้าลงกับโต๊ะด้วยความเหนื่อยล้า ฟางหรงที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา
“ข้าได้ยินว่าท่านพ่อตอนนี้จะเริ่มเข้มงวดกับพวกเจ้ามากขึ้น”
“อย่าเรียกว่าเข้มงวดเลย หรงหรง เรียกว่าทรมานพวกข้ายังดีซะกว่า”
ฟางหรงมองใบหน้าที่มอมแมมของจางหมิ่งก็ส่ายหัว นางยิ้มออกมา
“จางหมิ่ง หากเจ้ายังบ่นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่จะเป็นแม่ทัพ ที่ท่านพ่อข้าทำย่อมทำเพื่อพวกเจ้าทั้งสิ้น”
ฟางหรงพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดรอยเปื้อนที่ใบหน้าของจางหมิ่ง กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกไม้ที่มาจากตัวของนางโชยเข้าจมูกของจางหมิ่ง เขามองใบหน้าเด็กห้าขวบตรงหน้าด้วยแววตาสับสน
“หรงหรง เจ้ารีบโตได้หรือไม่”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
จางหมิ่งที่ได้สติว่าตัวเองพูดอะไรออกไปก็หน้าแดงขึ้นมา เขาดึงผ้าเช็ดหน้าของฟางหรงออกมาจากมือนาง ให้ตาสิเขาจะเป็นพี่ชายนางจะคิดเช่นนั้นได้อย่างไร
“พอแล้วเดี๋ยวข้าก็จะไปอาบน้ำแล้ว”
“ตามใจเจ้า”
ฟางหรงไม่ได้คิดอะไรนางหยิบขนมขึ้นมากินด้วยรอยยิ้ม จางหมิ่งมองภาพนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้ หรงหรงพี่ชายเช่นข้าจะเฝ้าดูเจ้าเติบโต จะนำขนมที่เจ้าชอบมาให้กินทุกวัน จะทำให้เจ้ามีความสุข
“จางหมิ่ง ข้าถามอะไรได้หรือไม่”
“หรงหรงไม่มีอะไรที่ถามไม่ได้”
“ทำไมเจ้าถึงอยากเป็นแม่ทัพ”
“ในตอนแรกข้าอยากเป็นเหมือนท่านพ่อปกป้องประเทศ ผู้คนเคารพ แต่พอมาตอนนี้.....”
ต้องเป็นใหญ่เพื่อที่จะปกป้องเจ้าและคนที่ข้ารักได้ จางหมิ่งเลือกที่จะไม่พูดออกไปเขามองไปที่ฟางหรงที่นั่งรอฟังคำตอบ
“อะไรต่อ ข้ารอฟังอยู่”
“มาตอนนี้ข้าคิดว่ามีอำนาจก็ดี”
“บ้าอำนาจไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“เจ้ากินนี่สิ อร่อยมากเลยนะ”
ฟางหรงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเธอหยิบขนมหนึ่งชิ้นก่อนจะส่งให้จางหมิ่ง
“หรงหรง เมื่อไหร่เจ้าจะเรียกข้าพี่ใหญ่สักที”
พรวดดด
ฟางหรงที่ดื่มน้ำชาอยู่ สำลักออกทันที นางสำลักกับคำพูดของคนตรงหน้า ฟางหรงมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ให้เป็นสหายยังพอทนแต่หากให้เป็นพี่น้องมันช่าง....
ฟางหรงนั่งมองแผ่นหลังของจางหมิ่งที่เดินออก ก่อนรอยยิ้มของเธอจะหุบลงทันที นางถอนหายใจออกมา เพราะจางหมิ่งเอาแต่ตามตื๊อให้นางยอมรับเขาเป็นพี่ชายหากนางไม่ขู่ว่าจะไปหาท่านพ่อมีหรือเขาจะยอมไป
“คุณหนูอาหารพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”
ฟางหรงพยักหน้า ก่อนจะเดินไปนั่งมองอาหารตรงหน้า พลางนึกถึงใครบางคน
“ซูลี่ เจ้าได้นำขนมไปให้ตงหยางตามข้าบอกไหม”
“นำไปให้เจ้าค่ะ ตลอดสามเดือนมานี้ ชายไร้มารยาทผู้นั้นไม่รับเลยสักครั้ง”
ฟางหรงถอนหายใจออกมา นางเท้าคาง ก่อนจะเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด จริง ๆ แล้วมันติดที่ตรงไหนกันแน่
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ไม่ต้องสนใจคนไร้มารยาทเช่นเขาเลยดีไหมเจ้าคะ”
“ข้าเคยบอกแล้วไง เขาเป็นผู้มีบุญคุณกับข้า ข้าอยากทำอะไรตอบแทนเขาบ้าง”
“เจ้าค่ะ”
ฟางหรงเคาะนิ้วอย่างใช้ความคิด เธอมองไปที่อาหารก่อนจะยิ้มออกมา
“ซูลี่เก็บทุกอย่างบนโต๊ะ แล้วเอาตามข้ามาที่สวนหลังเรือนหลัก”
พูดจบฟางหรงก็เดินออกไป เธอตรงไปที่สวนที่มักจะพบตงหยางอยู่เสมอ แต่วันนี้กลับไม่พบผู้ใด แม้เธอจะไม่มาพบเขาเลยตลอดสามเดือนแต่ซู่ลี่ก็มาส่งขนมให้ที่นี่ตลอด ฟางหรงถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ
“เหตุใดถึงเอาแต่หนีหน้าข้า ข้าทำผิดอะไรนักหนากัน”
ตงหยางที่ซุ่มแอบอยู่บนต้นไม้มองเด็กสาวที่ถอนหายใจและพูดตัดพ้อออกมา เขามองเด็กน้อยที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ นางร้องไห้หรือ???
“ตงหยาง เจ้าโกรธเกลียดข้ามากเลยหรือไง”
ฟางหรงพูดมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตงหยางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา เขากระโดดลงจากต้นไม้ก่อนจะเดินไปฝึกกระบี่ใกล้ ๆ นาง
“ตะ...ตงหยาง”
“หากจะอยู่ก็อย่าเสียงดังรบกวนข้า”
ฟางหรงรีบเอามือปิดปากตัวเองพร้อมกับพยักหน้าทันที ตงหยางที่เห็นเช่นนั้นก็อดเอ็นดูนางไม่ได้ เขาเผลอกระตุกยิ้มออกมากับท่าทางของนาง เขาเริ่มฝึกกระบี่อีกครั้ง ฟางหรงเองก็มองเขาไม่วางตา นางรู้แล้วหากจะให้คนผู้นี้ยอมรับน้ำใจ มีเพียงทำตัวน่าเอ็นดูและบีบน้ำตาเท่านั้น
“คุณหนู”
“ซูลี่ เอาอาหารขึ้นมาบนโต๊ะเลย”
ฟางหรงยิ้มออกมา นางมองอาหารที่ถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อหันไปทางตงหยางก็พบว่าเขากำลังจะเดินออกไป
“เจ้าจะไปไหน เดี๋ยวสิ”
“ที่นี่เสียงดังเกินไป ข้าเองก็ไม่อยากรบกวนเจ้า”
“งั้นหรอ ข้ามารบกวนสินะ”
ฟางหรงแสร้งตีหน้าเศร้า ก่อนจะพยายามบีบน้ำตาออกมา ตงหยางที่เห็นเช่นนั้นก็หยุดชะงัก เขามองเด็กน้อยที่มองเขาน้ำตาคลอ จากที่คิดว่าจะเดินหนีไปก็ทำไม่ลง
“.........”
“ข้าขอโทษนะ ข้าแค่อยากมีเพื่อนกินข้าวด้วย ขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบาก”
ฟางหรงร้องไห้โฮออกมา ตกหยางเองในตอนนี้ก็แทบทำตัวไม่ถูก เขาเดินเข้าไปหาฟางหรงอย่างร้อนรน แต่ไม่รู้จะทำเช่นไรให้นางหยุดร้อง
“อย่าร้องสิ ยะ..อย่าร้อง..”
“ข้าแค่เหงา แต่ทำให้เจ้าลำบากใจ ขอโทษนะ”
ฟางหรงยังคงร้องออกมา ซูลี่ที่เห็นเช่นนั้นก็เกิดอาการสงสารคุณหนูของนางจับใจ อาจจะเพราะช่วงนี้นายท่านไม่มีเวลาคุณหนูของนางเลยน้อยใจเช่นนี้
“ขะ...ข้ากินแล้ว...หยุดร้องเถอะนะ..”
ตงหยางนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้างฟางหรงก่อนจะคีบอาหารเข้าปากอย่างร้อนรน ฟางหรงที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา เธอเช็ดน้ำตาลวก ๆ
“ยิ้มอะไรของเจ้า”
“ตงหยางขอบคุณนะ เจ้ากินนี่ด้วยสิอร่อยนะ”
ฟางหรงยิ้มออกมา ก่อนจะคีบอาหารวางบนข้าวของตงหยาง ตงหยางมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยแววตาสับสน พลางคิดในใจว่า แท้จริงแล้วที่ข้าทำกับนางเกินไปหรือไม่ นางเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อข้าเลยสักนิด หากจะต่อว่าก็ควรต่อว่าคนที่ทำร้ายเขามิใช่คนที่หวังดีต่อเขาเช่นนาง
“อร่อยไหม”
“อืม”
ตงหยางแต่เดิมเป็นคนเงียบ ๆ คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาแทบจะนับคำได้ด้วยซ้ำ ฟางหรงเองก็เอาแต่คีบอาหารให้ตงหยางด้วยรอยยิ้ม ตงหยางที่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจก่อนจะคีบอาหารไปวางบนข้าวของนางเช่นกัน
“อย่ามัวแต่ดูแลข้า เจ้าเองก็กินด้วย”
ทั้งสองต่างคีบอาหารให้กันไปมา เสียงหวานใสดังขึ้นต่อเนื่อง ตงหยางเองแม้จะไม่ได้พูดอะไรแต่เขายังรับฟังทุกคำพูดของนาง และพยักหน้ายามนางถามหรือขอความเห็น เขามองรอยยิ้มและใบหน้าของนางไม่วางตา
“ตงหยาง พรุ่งนี้มากินข้าวด้วยกันอีกดีไหม”
“........”
“งั้นตกลงนะ เจ้าชอบกินอะไรไหม ชอบขนมหรือเปล่า กินสิมันอร่อยมากเลยนะ”
ตงหยางมองฟางหรงที่กินขนมและพูดออกมา เขาเพียงกระตุกยิ้มออกมา อาหารที่กินวันนี้ นับว่าดีกว่าที่เขาฝืนกินมาตลอดสามเดือน หากจะโทษก็โทษที่เขาเป็นแค่ลูกชาวบ้านธรรมดา หากจะให้กินดีอยู่ดีเช่นลูกขุนนางก็คงทำไม่ได้
“คุณหนูได้เวลากลับแล้วเจ้าค่ะ”
“งั้นข้ากลับก่อนนะ อย่าลืมนะพรุ่งนี้ต้องมากินข้าวด้วยกันอีกนะ”
“อืม”
ฟางหรงโบกมือลาก่อนจะเดินกลับไปที่จวนของนาง แม้วันนี้จะแค่เริ่มต้น แต่การตอบแทนบุญคุณของนางไม่จบแค่นี้แน่ ตงหยางผู้นี้ทำเพื่อนางและท่านพ่อมามากเหลือเกิน อย่าห่วงเลย ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่ตงหยาง
“เจ้ามาทำอะไรนี่”
เจียอี้เอ่ยขึ้น เขามองฟางหรงที่มาท่าทางตกใจเมื่อเห็นเขา
“จะ...จะ..เจียอี้เจ้ามาได้ยังไง”
“ข้ามาเพราะกำลังจะไปหาเจ้า แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่”
เขามองตะกร้าอาหารที่อยู่ในมือของซูลี่ ก็ขมวดคิ้วทันที หรงหรงของเราใจกล้าถึงขนาดนี้แล้วหรือ
“พะ พอดีเลยข้ากำลังจะเอาขนมไปให้เจ้ากับจางหมิ่งเลย”
ฟางหรงพูดขึ้นมาก่อนจะ มองซูลี่ ซูลี่เองที่เห็นเช่นนั้นก็หยิบขนมจานหนึ่งขึ้นมาจากตะกร้า เดิมทีขนมจานนี้เป็นคุณหนูที่กินอิ่มเกินไป เลยเอากลับมา
“ให้ข้ากับจางหมิ่ง?? แล้วเหตุใดไปทางนั้น”
“ข้าวิ่งตามกระต่ายไป....เอาเถอะ ไหนไหนข้าก็เจอเจ้าแล้วก็ไม่ต้องไปหาถึงที่พักแล้ว”
“หรงหรง ไหนไหนก็มาแล้วก็มาเถิด ส่วนเจ้ากลับไปก่อน”
เจียอี้มองไปที่ซูลี่ ก่อนจะจับมือของฟางหรงเดินออกไป ฟางหรงที่เห็นเช่นนั้นก็เดินตามไปโดยดี นางหันไปส่งยิ้มให้ซูลี่ที่มองนางด้วยสายตาเป็นห่วง ทั้งสองเดินมาจนถึงที่พักของจางหมิ่งและเจียอี้ ฟางหรงมองสำรวจรอบ ๆ ด้านหน้ามีแปลงดอกไม้เล็ก ๆ ที่นางจำได้ดีว่าพวกเขาตั้งใจปลูกเพื่อเอาใจนาง แม้ตัวพวกเขาเองจะแพ้จนผื่นแดงขึ้นเต็มตัวก็ตาม
“เจ้านั่งอยู่ที่นี่ก่อน เป็นสตรีเข้าห้องบุรุษมันไม่ควร”
“ข้าพึ่งห้าขวบ”
“ห้าขวบก็ถือเป็นสตรีไม่ออกเรือน”
“ตามใจเจ้า”
เจียอี้ก็ยังคงเป็นเจียอี้ เมื่อในอดีตเจี้ยอี้เอาแต่สอนนางเรื่องกิริยาของสตรี ไม่ให้นางไปไล่ตามจางหมิ่ง เรื่องที่นางสร้างไว้ก็มีแต่ท่านพ่อและเจียอี้เป็นผู้จัดการปัญหาต่าง ๆ ให้นาง เจียอี้อยู่ข้างนางมาตลอดจนกะทัง...ซีซีปรากฏตัว...
“ซีซี ในครั้งนี้เจ้าควรจะเลือกได้แล้ว”
ฟางหรงพูดออกมาก่อนจะยิ้มออกมาจาง ๆ นางในตอนนี้ไม่คิดแก้แค้นหรือเอาคืนอีกต่อไปแล้ว แต่ใช่ว่านางจะยอมให้ผู้ใดมาทำลายมิตรภาพอีก หากซีซีนางเลือกไม่ได้ ข้าเฉิงฟางหรงผู้นี้จะหา สตรีที่เหมาะสมให้สหายทั้งสองเอง