บทที่ 3 คุณชายตงหยาง
“คุณหนูอย่าวิ่งสิเจ้าคะ”
“ไม่ทันแล้ว วันนี้จางหมิ่งมีแข่งประลองนะ ข้าต้องไปดูสิ”
ฟางหรงเด็กสาววัยห้าขวบวิ่งตรงไปที่ลานประลองอย่างร้อนรน หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของเธอและพวกเขาก็ดีขึ้น จนนับว่า เป็นสหายที่รู้ใจ และวันนี้เธอก็สัญญาไว้แล้วว่าจะไปดูเธอต้องไปให้ทัน
พลั๊ก!!! ตุบ!!
“โอ๊ย”
ฟางหรงที่ชนบางอย่างล้มลงไปกองกับพื้น เด็กชายวัยแปดขวบที่รู้ว่าคนที่ตัวเองชนคือผู้ใดก็รีบเข้าไปช่วงพยุงทันที ฟางหรงมองคนตรงหน้าที่กำลังเข้ามาพยุงนาง เหตุใด.....ถึงคุ้นตานัก..
“คุณหนูเป็นอะไรไหมเจ้าคะ เจ็บตรงไหน”
“ข้าไม่เป็นอะไร ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ข้าไม่เป็นอะไร ต้องขออภัยที่ข้ายืนขวางทางวิ่งคุณหนู”
“ข้าผิดเอง...”
ฟางหรงพูดพร้อมทั้งมองสำรวจใบหน้าคนตรงหน้า เหตุใดจึงคุ้นเคยหนัก
“ข้าขอตัวก่อน”
เด็กหนุ่มหันหลังเดินออกไป ฟางหรงที่ยังคงสงสัยก็วิ่งเข้าไปจับชายเสื้อของเขาไว้ทันที
“ดะ...เดี๋ยวสิ...เจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อ ตงหยาง”
“อืม...เจ้าไปเถอะ..”
ฟางหรงปล่อยมือจากชายเสื้อของเขา เธอมองแผ่นหลังที่เดินจากไป ตงหยาง.... ฟางหรงหลับตาหลงพลางนึกถึงในตอนที่นางอยู่ในหอนางโลม ภาพในนั้นได้ฉายขึ้นมาในหัวของนาง
“เจ้าดูแลคุณชายหยางดีดีล่ะ”
“เจ้าค่ะ”
ฟางหรงในชุดน้อยชิ้น นางเป็นนางโลมในหอนี้มาได้เกือบครึ่งปีหมดสิ้นคุณหนูที่สง่างาม ฟางหรงเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะมองบุรุษที่นั่งรอนางอยู่
“นายท่าน ข้ารินสุราให้นะเจ้าคะ”
บุรุษตรงหน้านางไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงมองมาที่นางด้วยสายตายากคาดเดา นางเดินไปรินสุรา ก่อนจะนั่งลงที่ตักของเขา นางหยิบจอกสุราขึ้นมาก่อนจะยกขึ้นป้อนเขาด้วยท่าทางยั่วยวน
“ดื่มสิเจ้าค่ะ หรือว่าอยากทำอย่างอื่นมากกว่า”
ฟางหรงลูบไล้ไปทั่วอกแกร่ง แต่มือของนางก็ถูกจับไว้
“คุณหนู.....”
ฟางหรงชะงักนั่งลุกขึ้นทันที บุรุษตรงหน้านางก็ยื่นขึ้นเช่นกัน เขามองมาที่นางน้ำตาคลอ ก่อนจะคุกเข่าลง
“ข้าผิดเอง หากข้าหาท่านเจอเร็วกว่านี้ ท่านก็คงไม่ต้องเป็นเช่นนี้ ข้าผิดเอง ทั้งที่อาจารย์ฝากท่านไว้กับข้า”
จอกสุราในมือของฟางหรงร่วงลงจากมือนาง นางมองบุรุษตรงหน้าที่เอาแต่พร่ำขอโทษนาง
“เจ้าพูดอะไร....ขะ...ข้าไม่ใช่”
ฟางหรงในตอนนี้เธอเลือกจะปฏิเสธตัวตน นางไม่อยากยอมรับว่านางนั้นคือฟางหรง ไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่านางในตอนนี้กลายเป็นนางโลมแล้ว
“ข้าไม่ใช่ ท่านจำผิดแล้ว”
บุรุษตรงหน้ามองนางนิ่ง เขาเข้าใจคุณหนูของเขาดี
“ข้าคงมองผิดคน ข้าชื่อตงหยาง วันนี้ข้าจะซื้อตัวเจ้าออกจากที่นี่”
“ตงหยาง” ???
“ต่อไปนี้ ข้าจะใช้ทั้งชีวิตของข้าปกป้องเจ้าเอง ต่อจากนี้เจ้าไม่ต้องกลัวผู้ใดรังแกแล้ว....”
ตงหยางยิ้มออกมา เขาตัดสินใจแล้ว หากเขายังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีทางที่จะทำให้นางโดนผู้ใดรังแกหรือเหยียดหยามได้อีก ท่านอาจารย์ข้าจะปกป้องนางแทนทางเอง...
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ”
ฟางหรงลืมตาขึ้น เธอถอนหายใจออกมา แม้ตงหยางจะช่วยนางออกมา แต่เป็นเพราะความอาฆาตของนาง เลยหนีเขาออกมาเพื่อทำร้ายซินซินและถูกฆ่าตาย
“ตงหยาง ครั้งนี้ข้าต้องตอบแทนเจ้าแน่ ไม่ต้องห่วง”
“คุณหนูพูดว่าอะไรนะเจ้าคะ”
“ข้าบอกว่าไปกันเถอะ จางหมิ่งคงจะแข่งแล้ว”
ฟางหรงไม่ได้รีบร้อนเช่นเมื่อกี้ นางเดินไปที่ลานฝึกที่ตอนนี้ มีท่านพ่อของนางนั่งมองการประลองอยู่ ฟางหรงเดินไปนั่งเก้าอี้ข้าง ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วลานประลอง พบศิษย์มากมายที่ยื่นอยู่
“ท่านพ่อมีศิษย์เยอะถึงเพียงนี้เลยหรือเจ้าคะ”
“ใช่เยอะเกินไป วันนี้พ่อเลยจะคัดเหลือเพียงสิบคน”
“จากทั้งหมดหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ในภายภาคหน้า พวกเขาจะได้เป็นแม่ทัพ หรือมีบทบาทสำคัญต่อฝ่าบาท พ่อจึงต้องคัดเลือกให้ดี”
ฟางหรงพยักหน้าเข้าใจ เธอมองจางหมิ่งที่อยู่แถวด้านหน้าก็จะส่งยิ้มให้เขา นางเชื่อว่าอย่างไรเขาก็ผ่านการคัดเลือก แต่แล้วสายตาของนางก็ไปสะดุดกับชายตัวสูงที่มีสีหน้านิ่งเฉย ตงหยางก็มองมาที่นางเช่นกัน นางพึ่งสังเกตว่าเสื้อผ้าของศิษย์แต่ล่ะฝั่งนั้นต่างกัน จางหมิ่งสวมชุดสีน้ำเงิน ส่วนตงหยางสวมเป็นสีดำ
“ท่านพ่อเหตุใดสีชุดจึงแตกต่างกันเจ้าคะ”
“น้ำเงินคือลูกแม่ทัพหรือทหาร ขาวคือลูกกุนซือหรือขุนนาง ส่วนสีดำคือลูกชาวบ้านธรรมดาแต่มีความสามารถ แม้สีชุดจะต่างกันแต่พวกเขาจะได้ร่ำเรียนในสิ่งที่เหมาะสมตามความสามารถ”
“ถ้างั้นลูกเองต้องใส่สีขาวใช่ไหมเจ้าคะ”
ฟางหรงพูดด้วยรอยยิ้ม เธอหยิบขนมในจานขึ้นมากิน เทียนอี้ก็มองบุตรสาวด้วยความเอ็นดูเขาลูบหัวนางด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าสามารถสวมได้ทั้งหมด เพราะพ่อของเจ้ามีความสามารถ มากพอที่จะเป็นทั้งหมดและพ่อก็ยังเป็นชาวบ้านคนธรรมดาเช่นกัน”
“ท่านพ่อเจ้าคะ มีโอกาสไหมที่สีดำจะอยู่ในสิบคน”
“ทุกคนย่อมมีโอกาสเท่ากัน แต่ข้าไม่เห็นนานแล้วที่สีดำจะมายืนในตำแหน่งศิษย์ของข้า”
ฟางหรงมองไปที่ตงหยางอีกครั้ง ก็พบว่าเขายังมองนางอยู่เช่นเดิม จริงสินางมีสิ่งนั้นอยู่
“ท่านพ่อข้าลงไปหา จางหมิ่งได้ไหมเจ้าคะ ข้าอยากจะมอบผ้าแห่งชัยชนะนี่ให้เขา ข้าขอร้องแม่นมให้ไปขอที่วัดมาเลยนะ ท่านพ่อยอมให้ข้าไปเถิด”
เธอชูผ้าสีขาวขึ้นมา ที่มีลักษณะคล้ายริบบิ้น เทียนอี้ก็พยักหน้า เขามองฟางหรงที่เดินออกไป บุตรสาวเขาโตเกินวัยไปจริง ๆ โทษใครได้เล่าต้องโทษเขาที่เลี้ยงนางมาด้วยตำรากลยุทธการทหาร นางจึงเจ้าความคิดเช่นนี้
“จางหมิ่งงง”
“หรงหรง เจ้าลงมาทำไมเดี๋ยวก็ล้มหรอก”
“ข้ามาอวยพร เจ้าต้องทำให้เต็มทีนะ”
“ข้าชนะอยู่แล้วเจ้าก็รู้ เจ้ากับเจียอี้เตรียมรอจัดอาหารเลี้ยงข้าได้เลย”
เพราะรู้ไง ข้าเลยจะนำผ้าอวยพรจากวัดนี้ไปให้ผู้อื่น อย่างน้อยแค่เขาเข้ารอบก็พอ ฟางหรงยิ้มออกมา
“ใช่เจ้าต้องชนะแน่ งั้นข้าขอตัวก่อนนะ”
พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในกลุ่มเด็กชุดดำ ก่อนจะมองหาตงหยาง
“เจ้าหาใคร”
จางหมิ่งที่เดินตามมาเอ่ยถาม เขากอดอกมองนางเหมือนต้องการคำตอบ หากจางหมิ่งรู้ว่านางเอาของมาให้ผู้อื่นแทนที่จะให้เขา เขาจะโกรธหรือไม่..
“ว่าอย่างไร เจ้ามาหาผู้ใด!!”
โกธร โกรธแน่ ๆ ฟางหรงแสร้งยิ้มออกมาก่อนจะกอดที่แขนของจางหมิ่งแน่น
“ข้ามาส่งของแทนซู่ลี่ นางให้ข้ามาตามหาคนชื่อตงหยาง”
“สาวใช้เจ้า กล้าใช้เจ้าได้เลย นางอายุหกขวบเองสมควรหรือไม่??”
“อะนั่นไงเจอแล้ว”
ฟางหรงไม่ได้ตอบอะไรต่อ นางเดินตรงไปหาตงหยางด้วยยิ้มทันที ตงหยางเองก็มองมาที่นางนิ่งไม่แสดงสีหน้าอะไร ให้ตายสิน่ากลัวชะมัด
“ข้ามีของจะให้ ยื่นมือมาสิ”
ตงหยางยื่นมือออกไป เขามองผ้าสีขาวที่ฟางหรงกำลังพันที่ข้อมือของเขา นางจะทำอะไร จะมัดให้มือข้าใช้งานไม่ได้หรือไง หรือจงใจทำสัญลักษณ์ไว้ให้เจ้าจางหมิ่งรู้ว่าควรกำจัดข้าก่อน โทษฐานที่ชนนางเมื่อสักครู่
“เสร็จแล้ว”
“มัดทั้งสองมือไม่ดีหรือ ข้าจะได้ไร้ทางตอบโต้”
ตงหยางยิ้มออกมา เขามองเด็กห้าขวบตรงหน้า ที่เหมือนไม่เข้าใจที่เขาพูด
“พูดอะไรของเจ้า ช่างเถอะ ข้าขอให้เจ้า เข้ารอบนะ”
“หรงหรง”
“ข้าไปก่อนนะ เจ้าต้องเข้ารอบให้ได้นะ จางหมิ่งข้ามาแล้ว”
ฟางหรงพูดจบก็เดินออกไปหาจางหมิ่งที่ยืนรออยู่ทันที ตงหยางมองผ้าขาวที่พันรอบข้อมือของเขาอย่างสงสัย นางต้องการจะทำอะไรกันแน่ เขามองไปที่เด็กสาวตรงหน้าที่ตอนนี้กำลังเดินไปหาอาจารย์ของเขา
“ไม่ว่าเจ้าจะใช้เล่ห์กลอะไร ข้าตงหยางคนนี้ต้องเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ให้ได้”