ตอนที่6 แค่กอด1
อันที่จริงฟางหลันผู้นี้ มิได้รู้ดีถึงเพียงนั้น
นางรู้นิสัยหยวนจงดี ว่าเขานั้นร้ายกาจปานใด หากแต่นางมิอาจรู้ว่าคืนนี้เขาจะวางยาปลุกกำหนัดนาง
หญิงสาวเพียงต้องการนำเหล้าที่นางหมักเองกับมือให้เขาได้ลิ้มชิมรสก็เท่านั้น
“ข้าคิดเหล้าสูตรใหม่แล้วหมักรอท่านนานหลายเดือน”
ฟางหลันกล่าวคำพลางเดินกลับมาหาหยวนจง ที่กำลังนั่งอึ้งอยู่บนเตียงนอน พร้อมกาเหล้ากระเบื้องเคลือบอันใหม่และจอกเหล้าใบใหม่สองจอก ที่นางถือติดมือมากับผ้าปักของเขา
“นี่คือเหล้าชื่อว่า ‘ปรารถนานิทราแดนสรวง’ ข้าหมักเอาไว้เพื่อท่าน ยามเหน็ดเหนื่อยกลับมา จะได้ร่ำสุราแล้วเข้าสู่นิทราผ่อนคลายหายจากอาการอ่อนล้าเป็นปลิดทิ้ง อ้อ...ยังเสริมพละกำลังให้ท่านได้สู้ศึกรอบใหม่ด้วยนะ”
หญิงสาวร่ายคำยาวเหยียดพร้อมรินเหล้าใส่จอกแล้วส่งให้เขาอย่างใจดี ทั้งน้ำเสียงและสายตาล้วนแสดงออกมาว่าใส่ใจเขาจากใจจริง
รอยยิ้มบนใบหน้างามพิลาสสาดประกายเจิดจรัสยิ่งกว่าดวงดารานับหมื่นดวง ชวนให้เคลิบเคลิ้มไปถึงก้นบึ้งแห่งห้วงอารมณ์
ครานี้เป็นหยวนจงบ้างที่กะพริบตาเบาๆ สองที ยาปลุกกำหนัดใดๆ ล้วนไม่จำเป็นทั้งนั้น เพราะว่าแค่รอยยิ้มนางก็ปลุกปั่นเขาให้พลุ่งพล่านไปทั่วทั้งใจ
ฝ่ามือใหญ่เอื้อมขึ้นมารับจอกเหล้าแล้วกระดกลงคออย่างซาบซึ้งในการดูแลเอาใจใส่ทุกสิ่งอย่างของนางที่มีต่อเขา
นางทำกระทั่งเพียรหมักเหล้าเนิ่นนานเพื่อให้เขาได้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มตา ใครไหนเลยจะล่วงรู้ว่าแม่ทัพเช่นเขายามออกศึกแต่ละครั้ง ไม่เคยได้หลับสนิทในสักครา
ด้วยแรงกดดันทุกอย่างรอบทิศในสนามรบ ทั้งกลางวันและกลางคืน ผู้นำสูงสุดเช่นเขาย่อมต้องแบกรับเอาไว้ทั้งหมด
“รสชาติดี” เสียงแตกพร่าดังออกมาจากลำคอแกร่งหลังจากดื่มเหล้าจนหมดจอก
ความร้อนของมันที่แผดเผาลามเลียจากริมฝีผากลงท้องยังไม่อาจเทียบเท่ากับความร้อนเร่าตรงก้อนเนื้อในแผงอกหนา
ฟางหลันคลี่ยิ้มสดใส “ข้าดื่มเป็นเพื่อนท่านนะ”
มีหรือหยวนจงจะปฏิเสธ เขาในยามนี้มิได้เมาเหล้าแต่เมาเสน่หานวลนางจนเต็มหัวใจ
“คืนนี้อยู่กับข้าได้หรือไม่?” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขอกันตามตรงอย่างเปิดเผย ไม่คิดจะวางยานางอีกต่อไป
“ย่อมได้”
เพียงคำเดียวของฟางหลัน ทำเอาใบหน้าหล่อเหลาพลันปรากฏรอยยิ้มกว้าง ดวงตาเรียวคมทอประกายวาววับ เขาดึงนางขึ้นมานั่งบนตัก แล้วดื่มเหล้าเคล้าแสงเทียนด้วยกันอย่างชื่นมื่น
ร่างนุ่มอิงซบร่างแกร่งอย่างให้ความร่วมมือ นางเองก็คิดถึงเขาเช่นกัน นางจึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอันใด
ความเจนจัดต่อชีวิตที่ผันผ่าน ทำให้ทั้งสองล้วนชัดเจนในความรู้สึก จึงแสดงออกต่อกันอย่างตรงไปตรงมา
ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาแห่งความสุข
เพราะชีวิตที่ผ่านมา ได้เจอซึ่งการเข่นฆ่ามาแล้วมากมาย จักตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้
ไออุ่นจากร่างหนาโอบล้อมร่างบาง สร้างกระแสร้อนผ่าวแห่งวสันต์ให้ตลบอลอวน ผสานกลิ่นหอมกรุ่นของเนื้อนวลนางกับเหล้าหมักสูตรพิเศษ การดื่มเหล้าโดยไม่ทะเลาะกันผ่านไปเนิ่นนานจึงหมดกาในที่สุด จากที่นั่งซ้อนตักกัน จึงเปลี่ยนมานอนซ้อนทับกันบนเตียงอุ่น
ริมฝีปากของคนทั้งสองมิได้ใช้พูดคุยกันดังเช่นปกติ แต่กำลังประกบแนบชิดจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม
หยวนจงจูบฟางหลันเนิ่นนาน
ปลายลิ้นใหญ่ตวัดพันปลายลิ้นเล็กแลกเปลี่ยนความหวานล้ำในโพรงปากของกันและกันอย่างดูดดื่ม รับรู้ถึงความรู้สึกหวานชุ่มละมุนละไม
นำพาความร้อนชื้นแล่นลามไปทั่วร่างหนาและร่างบางที่กำลังซ้อนทับกันอยู่บนเตียงนอน
เสียงลมหายใจหอบถี่ดังผสานกับเสียงเสียดสีเสื้อผ้าที่ยังมิได้ถอดออก
อารมณ์ปรารถนาที่จะต้องการสัมผัสนางมากกว่าการจูบ ทำหยวนจงต้องค่อยๆ ผละริมฝีปากออกแล้วเอ่ยเสียงพร่า
“เราแต่งงานกันเถิด”
สายตาคมโชนแสงร้อนแรงแห่งอารมณ์กระสันแข่งกับเปลวเพลิงของไฟบนเทียนไข กำลังจับจ้องสายตาหยาดเยิ้มของคนใต้ร่างอย่างรอฟังคำตอบ