วิวาห์ล่ม
หลังพิธีวิวาห์ล่มไม่เป็นท่าผ่านไปสามชั่วโมง
เพี๊ยะ!
“นางลูกไม่รักดี!” ฝ่ามือหยาบของท่านชิตพลฟาดลงมาประทับบนซีกแก้มของบุตรสาวด้วยแรงอารมณ์โทสะ จนหน้าเธอสะบัดหันไปอีกข้าง
เจ็บจนชาเลยทีเดียว
“คุณพ่อ ตาทำอะไรผิดอีกคะ”
“ตาอย่าขึ้นเสียงใส่คุณพ่อแบบนี้สิ” ผู้เป็นมารดารีบกระตุกแขนเตือนลูก “อายคนอื่นเขาบ้าง”
“คนอื่นที่ไหนคะ ตาเห็นนั่งกันอยู่นี่ก็มีแต่คุณป้า คุณลุงซึ่งเป็นพ่อแม่ของพี่ฟ้าทพ แล้วก็คุณอา คุณน้า พ่อแม่ของอนันญา ไม่ใช่คนอื่นเลยค่ะ เรารู้จักกันดี มีอะไรต้องอายอีก”
“แกทำให้พ่อแม่เสียหน้า ทำงานแต่งงานที่มงคลล่ม ทั้งที่ไม่ควรทำให้มันเกิดขึ้น ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
“คุณพ่อก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละค่ะก็ในเมื่อตาไม่อยากแต่งงานกับพี่ครามแล้ว”
“ทำไม เมื่อก่อนฉันเห็นแกหมายปองธราเทพหนิ เกิดนึกบ้าอะไรขึ้นมาอีก ถึงเปลี่ยนใจ!” นักการเมืองใหญ่อย่างท่านชิตพลถามเสียงสั่น ลำตัวสั่นเทาเพราะโมโห ตนคงเลี้ยงบุตรสาวมาแบบผิดวิธี และตามใจปรนเปรอเธออย่างสุขสบายเกินไป ถึงมีนิสัยเสีย ไม่เอาไหนถึงเพียงนี้
“แต่ก่อนตาเคยชอบพี่เทพก็จริง แต่ตอนนี้ไม่ได้ชอบแล้ว งานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นไม่ได้ถามความสมัครใจจากตาเลยด้วยซ้ำ มีแต่ผู้ใหญ่จัดการกันเองทั้งนั้น ฉะนั้นจะมาโทษตาคนเดียวไม่ได้”
คนนั่งฟังอยู่ตั้งนานก็อดทนอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไปจำต้องลุกขึ้นสู้ปกป้องศักดิ์ศรีของตนเอง “ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเธอ ฉันไม่เคยปรารถนามีเธอเป็นภรรยาด้วยซ้ำ หากคืนนั้นเธอไม่วางแผนคิดทำการชั่วร้าย ทุกอย่างคงไม่ต้องลงเอยด้วยการที่ฉันต้องรับผิดชอบเธอ เพราะกลัวเธอท้อง จนชาวบ้านจับเอาไปซุบซิบนินทาให้คนในตระกูลอับอาย ฉันไม่เคยคิดกับเธอเกินพี่น้องเลยลลิตา”
ท้ายประโยคหนุ่มนักธุรกิจหันหน้าไปมองอนันญาที่นั่งข้าง ๆ หล่อนยิ้มเล็กน้อย รู้สึกโล่งอกเช่นกันเมื่อธราเทพยังไม่ได้ตกเป็นของคนอื่น
“ดีเหมือนกันค่ะ พี่เทพไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรในตัวตาอีก ตาจะรับผิดชอบผลของการกระทำของตัวเองทั้งหมด”
เพิ่งโดนบิดาตบหน้ามาหมาด ๆ กลับปากกล้าใจใหญ่ลั่นวาจาอวดเก่งอีก
“ถือว่าเธอพูดเองนะ”
“ค่ะ ตาพูดเอง ตาพูดจริง ตาไม่ขอเรียกร้องอะไรจากพี่”
แววตากลมโตที่แน่วแน่ทำให้ธราเทพไม่ไว้ใจ
“เธอคงไม่ได้มีแผนร้ายคิดอะไรโง่ ๆ อีกหรอกนะ”
“ไม่ค่ะ ไม่มีแล้ว” ในเมื่อตอนนี้ลลิตาคนเก่าได้ตายไปแล้ว
ท่านชิตพลกลับไม่เห็นด้วย ในเมื่อบุตรสาวตนเสียสาวครั้งแรกให้ธราเทพไปแล้ว ตนที่เลี้ยงดูลลิตามาอย่างดี ย่อมต้องคัดค้าน เพราะราวกับกำลังถูกหยามหน้าเหยียบย่ำเกียรติ
“แกพูดอะไรออกไปตา แกเสียตัวให้ธราเทพไปแล้วนะ จะมีผู้ชายที่ไหนอยากได้แกไปอีก ของมือสองแบบนี้ ฮะ! แกใช้สมองคิดหน่อยสิ”
อาจจะเพราะท่านชิตพลหัวโบราณ คร่ำครึตามสมัย ในนิยายเรื่องนี้นักเขียนได้บรรยายไว้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนยุคปัจจุบันประมาณสิบห้าปีที่แล้ว
แต่เธอเป็นสาวยุคสมัยใหม่ ความคิดความอ่านอะไร ๆ จึงเปลี่ยนไป ไม่ใส่ใจ หรือแคร์ใครหน้าไหนอีกแล้ว
“คุณพ่อคะ เราไม่จำเป็นต้องเอาความบริสุทธิ์ที่เคยเสียไปไปผูกติดไว้กับคนคนนั้นไปทั้งชีวิตของเราหรอกนะ ต่อให้ไม่มีใครเอาตาก็ยังรู้สึกดีกว่ามีสามีที่เกลียดชัง มองกันด้วยความดูถูกดูแคลน”
“คุณลุงครับ ถ้าลลิตาไม่อยากแต่งก็อย่าไปบังคับเธอเลยครับ แล้วมาดูกันว่าเธอจะจัดการชีวิตตัวเองต่อจากนี้ยังไง”
ธราเทพเกลียดนักพวกอวดดีทั้ง ๆ ที่ในตัวแทบไม่มีอะไรดี
นักการเมืองใหญ่ในวัยห้าสิบเอ็ดปีตีเข่าตัวเองฉาดใหญ่ ก่อนลั่นวาจาเด็ดขาดออกไป สุดจะทนกับบุตรสาวที่สร้างแต่เรื่องฉาวให้วงศ์ตระกูลแล้วเหมือนกัน
“ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อแกเลือกทางเดินที่ฉันไม่เห็นด้วย ก็ไสหัวไปให้พ้นบ้านหลังนี้ แกจะไปใช้ชีวิตที่ไหนก็ไป แต่อย่าคิดว่าจะได้ทรัพสมบัติติดตัวไปด้วยเด็ดขาด ฉันไม่ให้! ต่อไปนี้แกไม่ใช่คนของบ้านนี้”
ตั้งแต่เล็กจนโต บิดาไม่เคยใจร้ายใจดำถึงขั้นกล้าออกปากผลักไสบุตรสาวสุดที่รักเพียงคนเดียว หากครั้งนี้การยับยั้งอารมณ์กลับขาดสะบั้น แม้แต่ผู้เป็นภรรยาปรามให้ใจเย็นลงท่านก็ไม่ฟัง
“ค่ะ ตาจะไป ไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้”
วันต่อมา
ถึงเวลาเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากบ้านหลังใหญ่ตามที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ ครอบครัวเธอไม่ห้ามเลยสักคน เพราะคิดว่าคนอย่างลลิตาไม่มีทางไปรอด ยังไงก็ต้องซมซานกลับมา
ธราเทพที่เดินลัดรั้วบ้านมาดูเพราะบ้านของพวกเขาอยู่ติดกันก็ไม่ขอออกความคิดเห็น แม้ภายในใจลึก ๆ อยากด่าทอตอกหน้าผู้หญิงไร้ยางอายอีกสักหน
คงมีเพียงอนันญาที่ตามเขามาติด ๆ รีบเข้าไปห้ามหญิงสาวซึ่งหล่อนนับถือเหมือนน้องสาว
“จะไปจริง ๆ เหรอตา นันว่าเราอย่าทำแบบนี้เลยนะ”
“นันไม่ต้องยุ่งได้ไหม นี่มันเรื่องภายในครอบครัวของพี่” ลลิตาตอบกลับเสียงขุ่นสะบัดมือของอนันญาที่จับมือเธอไว้ออก อีกคนหน้าเสียแต่ยังทำใจดีเข้าสู้
“พี่ตาแค่กำลังโกรธ รอใจเย็นก่อนไหมคะพี่ตาค่อยคิดอีกทีว่าจะไปจริง ๆ หรือเปล่า”
“นันจะห้ามพี่ไว้ทำไม ดีเท่าไหร่แล้วที่พี่เลือกจะเดินออกไปจากชีวิตนันกับพี่เทพ นันจะได้ไม่มีมารหัวใจไง”
“พี่ตาหมายถึงอะไรคะ”
“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ดูไม่ออกนะ นันเองก็ชอบพี่เทพ ตอนที่รู้ว่าพี่เทพต้องแต่งงานกับพี่ นันร้องห่มร้องไห้ฟูมหายอย่างหนักเลยหนิคะ ไม่ต้องแสร้งมาทำเหมือนเป็นห่วงตาหน่อยเลย สุดท้ายแล้วทุกคนก็ไม่ได้ห่วงตาหรอก”
“พี่ตาทำไมคิดแบบนั้น นันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ นันเป็นห่วงพี่ตา เราโตมาด้วยกันนะคะ พี่ตาก็เหมือนพี่สาวแท้ ๆ ของนันคนหนึ่ง” สาวเจ้าหมายจะคว้าจับมือลลิตาอีกครั้ง หากอีกฝ่ายกลับถอยหลังห่างจากหล่อนไป พร้อมกับเตรียมลากกระเป๋าออกไปจากบริเวณบ้าน
ธราเทพจึงเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะเกิดเรื่องใหญ่ เพราะลลิตาหัวรั้น แถมเกลียดขี้หน้าอนันญามาแต่ไหนแต่ไร คุยกันไม่กี่ประโยคก็แสดงพฤติกรรมต่ำตมใส่
“อย่าไปยุ่งกับลลิตาเลย นันก็รู้หนิว่าลลิตานิสัยเสีย สันดานหยาบแค่ไหน ขนาดครอบครัวของเธอยังต้องตัดหางเธอปล่อยวัด เราเป็นแค่คนอื่นจะไปสนใจใยดีคนประเภทนั้นทำไม ดีเท่าไหร่แล้วที่ลลิตาเลือกไปจากชีวิตทุกคน…ต่อไปนี้ชีวิตทุกคนคงสงบสุขขึ้นมากโข”
“พี่เทพคะ แต่…” อนันญากระอักกระอ่วนใจไม่น้อย หากธราเทพกลับเอื้อมมาจับกุมมือหล่อนไว้แน่น ความอบอุ่นที่ทาบทับลงมานั้นทำเอาหัวใจหญิงสาววาบไหว ปากที่กำลังอ้าขึ้นเพื่อโต้แย้งก็หยุดชะงัก
“เชื่อพี่เถอะ อย่าไปข้องแวะกับลลิตาเลย ใครอยู่ใกล้ก็พาลแต่จะซวยไปด้วย ให้กรณีของพี่เป็นตัวอย่างเถอะว่าไม่ควรคบค้าสมาคมกับคนอย่างเธอ”
เจ้าของชื่อในประโยคสนทนายืนฟังจนจบด้วยหัวใจบีบรัดจนเจ็บปวด ถ้อยคำดูถูกถูกพ่นออกมาไม่หยุดเมื่อได้โอกาส ลลิตาข่มอารมณ์อย่างถึงที่สุดก็แล้ว ท้ายที่สุดเธอก็ระเบิดมันออกมา
“คนอย่างตามันผิดทุกอย่างนั่นแหละค่ะ หลังจากนี้ก็สบายใจได้เลยค่ะ ไม่มีตาคอยสร้างเรื่องสร้างราวให้คนอื่นเดือดร้อนอีกแล้วล่ะ”
เธอจะไปตามทางของเธอ