บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 14 สร้างรั้วบ้าน

เช้านี้เวยลี่ยังคงทำแป้งย่างให้เจ้าเจียลองนำไปขายในตัวตำบล ทำส่วนหนึ่งเป็นอาหารมื้อกลางวันให้ช่างประมาณ 10 คนแล้วก็ต้มไข่แจกทุกคน

หัวหน้าหมู่บ้านลู่อยากเร่งให้งานเสร็จเร็วๆจึงจ้างคนมาจำนวนมาก อีกอย่างหนึ่งถ้างานเสร็จเร็วเขาจะได้รับงานอย่างอื่นได้ไวขึ้น

“เจ้าทำน้ำเต้าหู้น้อยลงหน่อยก็ได้จะได้นำไปทำเต้าหู้ได้มากขึ้น”

“ท่านแม่โม่ของเราขนาดเท่านี้คงทำได้ไม่เกินวันละ 50 ชิ้นเจ้าค่ะ” เวยลี่นั่งโม่ถั่วเหลืองจนนางคิดว่ากล้ามแขนของนางน่าจะขึ้นแล้ว ถ้าจะทุ่นแรงและเพิ่มการผลิตคงต้องหาซื้อลามาช่วยลาก ถ้าซื้อม้าก็จะแพงเกินไปจ่ายไม่ไหว

“ค่อยๆทำไปเถอะ นี่ถ้าอี้หานอยู่ก็คงจะดี” ซูฮวาเปรยขึ้น

“ท่านแม่ตัดสินใจได้หรือยังเจ้าคะว่าจะตามท่านพ่อและอี้หานกลับมาหรือไม่”

“แม่…” ซูฮวาตัดสินใจครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปเขียนจดหมาย

เวยลี่ก็ก้มหน้าก้มตากรองน้ำเต้าหู้อยู่แล้วนำกากที่เหลือไปใส่เป็นปุ๋ยต้นไม้ นางทำมื้อเที่ยงเตรียมไว้เสร็จแล้วก็เลยถือจอบไปขุดดินทำแปลงผัก

นางพลิกหน้าดินเตรียมเอาไว้เมื่อวานนี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นการทำแปลง และขุดหลุม

“พี่สะใภ้ อ้ายหนี่ช่วยเจ้าค่ะ อ้ายหนี่จะเป็นคนหยอดเมล็ดผักให้พี่สะใภ้เอง” อ้ายหนี่ถือตะกร้าใส่เมล็ดผักเดินตามมาด้วยท่าทางทะมัดทะแมง

“ขอบใจอ้ายหนี่คนเก่งมากเลยจ้ะ ค่อยๆเดินตามพี่สะใภ้มานะ” เวยลี่ค่อยๆลงมือขุดไปทีละหลุม

มือของนางไม่เคยทำงานหนักมาก่อนจึงเริ่มเป็นตุ่มน้ำพุพอง ถ้าหากเสร็จงานแล้วคงต้องเจาะน้ำออกแล้วทายาสักหน่อย

เหล่าคนงานทั้งหลายเห็นเวยลี่ออกมาทำสวนก็รู้สึกชื่นชมในใจที่นอกจากจะมีหน้าตาที่งดงาม เวยลี่ยังขยันขันแข็ง แตกต่างจากภรรยาที่บ้าน นอกจากจะหน้าตาธรรมดาแล้วยังเกียจคร้านอีกต่างหาก

คนงานบางคนก็มีความคิดที่หลากหลายไป เนื่องจากพวกเขาเคยได้ยินข่าวลือที่ไม่ค่อยดีนักเกี่ยวกับนาง แต่พอได้มาเห็นในวันนี้ก็รู้สึกว่านางไม่ได้เป็นอย่างข่าวลือเลยแม้แต่น้อย

“ใกล้เที่ยงแล้ว ข้านำแป้งย่างและไข่ต้มมาให้พวกท่าน” เวยลี่นำตะกร้าใส่อาหารมามอบให้จางเฉิน

“ขอบใจมาก ข้าคิดว่าอีกประมาณ 5 วันก็น่าจะเสร็จ แล้วไปทำหลังคาให้เจ้าก่อน สภาพมันดูเหมือนจะหล่นลงมาใส่พวกเจ้าวันใดก็ได้”

“เหตุใดพวกท่านจึงทำเสร็จเร็วนัก”

“พวกข้าเป็นชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คนแบ่งงานกันทำจึงเสร็จเร็ว ถ้าจะช้าก็เพียงแค่ครึ่งวันเก็บงานที่เหลือก็เสร็จแล้ว”

“แล้ววัสดุทำรั้ว เช่น เหล็กท่านซื้อมากันหมดแล้วรึ”

“ใช่ ข้าสั่งเขาให้ตีตามที่เจ้าต้องการจะนำมาติดให้เจ้าในอีก 2 วัน เจ้าไม่ต้องกังวลไป”

“ดีจริงๆแต่ข้าคิดว่าเงินที่ให้พวกท่านคงจะน้อยไป วันนี้ข้าจึงให้เจ้าเจียนำแป้งย่างเข้าไปขายในตัวตำบลน่าจะขายดีกว่าในตัวหมู่บ้านนี้ อาจจะหาเงินมาเพิ่มให้ท่านได้สัก 3 ตำลึงท่านน้า”

“เจ้านี่นะ…”จางเฉินพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าเวยลี่จะมองออกว่าเงินที่ให้มาไม่พอ

เวยลี่สามารถนำเงินเก็บที่อี้หานให้ไว้ เอามาจ่ายค่าสร้างรั้วและทำบ้านทั้งหมดได้ แต่นางจะไม่เหลือเงินติดตัวไว้ยามฉุกเฉิน จึงตัดสินใจค่อยๆทยอยจ่ายจะดีกว่า

“กำแพงบ้านเจ้าจะทาสีอะไรคิดไว้หรือยัง”

“ข้าอยากได้สีนวลๆสีเหลืองอ่อนๆได้ไหมเจ้าคะ” เวยลี่ชอบสีครีมก็เลยบอกสีที่ตัวเองชอบมากที่สุด

“ได้ ข้าจะทาตัดขอบที่ด้านทั้งสี่ด้านด้วยสีน้ำตาลเข้มมันจะเข้ากับสีไม้ที่หามาด้วย”จางเฉินพูดอย่างใจดี เวยลี่ฟังแล้วนึกภาพตามก็พยักหน้าอย่างพอใจ

“ท่านน้าพักเถิดข้าจะเข้าไปเตรียมสำรับให้ท่านแม่ด้วย” เวยลี่รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จางเฉินเข้าใจในสิ่งที่นางต้องการอย่างง่ายดาย

แค่เพียงครึ่งวันพวกเขาก็ขุดเสาและขึ้นโครงที่มุมบ้านทั้งสี่ด้านเสร็จแล้ว

“หัวหน้าแป้งย่างต้นหอมนี่อร่อยมากๆ อร่อยแทบกัดลิ้นเลย”คนงานคนหนึ่งพูด

“ข้าเองก็เพิ่งเคยกินอะไรที่อร่อยถึงเพียงนี้ ได้ข่าวว่าแป้งย่างนี่ขายได้แผ่นละ 2-3 อีแปะเลย นางเอามาให้พวกเรากินตั้งหลายสิบแผ่นจะไม่เป็นไรจริงๆรึ แถมยังมีไข่ต้มอีกด้วย” คนงานอีกคนเสริม

“พวกเจ้าเห็นน้ำใจของนางก็ตั้งใจสร้างรั้ว สร้างบ้านให้นางแล้วกัน ฐานะของครอบครัวหลี่เป็นอย่างไรพวกเจ้าก็รู้อยู่” หงซวนพูดขึ้นหลังจากที่นั่งพักมาได้สักครู่

“ได้ๆข้าจะตั้งใจทำงาน”

“ข้าด้วยๆๆ” หลายๆคนตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียง

มื้อเที่ยงที่บ้านหลี่มีผัดมะเขือใส่ไข่ และไส้ทอดกระเทียมที่ยังเหลืออยู่ เอาไว้รับประทานคู่กับข้าวต้มร้อนๆ กับข้าวถูกยกขึ้นโต๊ะเรียบร้อย รอให้เจ้าเจียกลับมาก็เริ่มรับประทานอาหารได้

“ท่านแม่ ท่านตัดชุดให้เจ้าเจียและอ้ายหนี่สักคนละชุดนะเจ้าคะ”

“แม่กำลังทำอยู่ เจ้าอยากได้สักชุดหรือไม่”

“ข้ามีชุดเยอะแล้วแต่คิดอยู่ว่าจะเย็บรองเท้าให้อี้หาน ข้าเห็นรองเท้าคู่เก่าเขาใกล้จะขาดแล้ว”

“นับว่าเจ้าช่างใส่ใจนัก อี้หานคงจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเจ้าในอีกไม่นานนี้” ซูฮวายิ้ม

เวยลี่กลัวว่าถ้ายืนอยู่ตรงนี้ต่อหน้าแม่สามีจะพูดว่าอยากมีหลานอุ้มในเร็ววัน นางจึงรีบเดินหนีกลับห้อง แสร้งทำเป็นว่ากลับไปหยิบของในห้อง

ซูฮวาแอบมองตามหลังลูกสะใภ้ไปก็อดส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูไม่ได้ อีกคนหนึ่งก็ขี้อายส่วนอีกคนหนึ่งก็ปากแข็งแล้วเมื่อใดนางถึงจะมีหลานไว้อุ้มกัน

“ท่านแม่พี่สะใภ้หนีไปแล้วเจ้าค่ะ”

อ้ายหนี่ยืนหัวเราะเวยลี่อยู่ข้างหลัง ถึงนางจะยังเด็กแต่ก็ดูออกว่าพี่สะใภ้เขินจนหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ

“ฮ่าๆๆ” เสียงสองแม่ลูกหัวเราะกันดังคิกคักอยู่ด้านนอกทำให้เวยลี่หน้าร้อนผ่าวขึ้นไปอีก

ระหว่างที่รอเจ้าเจียเวยลี่เปิดมิติที่ฝ่ามือออกมาดู ของภายในยังเหลืออยู่จำนวนมาก นางทยอยนำออกมาเติมเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ซูฮวาผิดสังเกต

นางตั้งใจเอาไว้ว่า ถ้าหาเงินได้มากกว่านี้นางจะซื้อของมาตุนเอาไว้ที่ห้องใต้ดินเยอะๆ

เวยลี่ไม่กลัวโรคระบาดแต่กลัวการขาดแคลนทรัพยากร หากเข้าหน้าหนาวไม่มีเสบียงตุนเอาไว้เลยครอบครัวก็จะลำบากเอาไว้

ตอนนี้นางเกิดเป็นนางร้ายเนื้อเรื่องต่างๆก็กำลังเปลี่ยนไปเพราะในนิยายที่นางอ่าน ไม่มีฉากไหนที่กล่าวถึงฉากที่หลี่ซานลุกขึ้นมาทำมาหากินเลย

ไม่ว่ายุคสมัยไหนเงินก็เป็นสื่อกลางที่มีความจำเป็นอยู่ดี เวยลี่จึงนอนคิดเรื่องการค้าขายต่อไปอีก

เต้าหู้ที่โลกก่อนมีเต้าหู้อะไรอีกที่ขายได้ เท่าที่เวยลี่จำได้ก็จะมีเต้าหู้ยี้และเต้าหู้ขน ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยม

เพียงแต่ตัวนางเองก็ไม่มั่นใจว่ามันจะกลายเป็นของแปลกสำหรับที่นี่หรือไม่ เวยลี่จึงพับแผนการที่จะขายเอาไว้ทดลองทำเองที่บ้านจะดีกว่า ถ้าหากทุกคนลองชิมแล้วรู้สึกว่าอร่อยค่อยนำไปทำขายก็ยังไม่สาย

“พี่สะใภ้ข้ากลับมาแล้ว”เจ้าเจียตะโกนอยู่หน้าบ้าน

“เจ้าเจียมาแล้วรึเจ้าเหนื่อยหรือไม่ พี่เตรียมต้มน้ำชาใส่น้ำผึ้งและมะนาวลงไปเล็กน้อยเจ้าลองไปดื่มดูจะได้ชื่นใจ” เวยลี่ลุกขึ้นไปเปิดประตู

“น้ำผึ้ง!”

“ใช่ พี่สะใภ้ของเจ้าไปเจออยู่ในตู้กับข้าว แม่เก็บเอาไว้อย่างดีตั้งแต่ตอนที่พวกเราย้ายมา เก็บอย่างดีจนลืมเสียสนิทเลย ฮ่าๆ” ซูฮวาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ข้าอยากจะลองดื่มน้ำชาใส่น้ำผึ้งสักหน่อยท่านแม่” เจ้าเจียรีบวางสัมภาระแล้ววิ่งไปห้องครัวหลังบ้าน น้ำชาของพี่สะใภ้อร่อยจนวางไม่ลงจริงๆ

คุ้มค่าที่เขายอมเสียเวลาแวะเก็บดอกไม้สีแดงข้างทางมาให้พี่สะใภ้เกือบเต็มตะกร้า ถ้าหากเป็นพี่สะใภ้ต้องรู้จักวิธีนำมาทำอาหารอร่อยๆได้อย่างแน่นอน

“พี่รองขอข้าดื่มน้ำชาด้วย อร่อยหรือไม่”

“นี่น้องเล็กค่อยๆดื่ม หวานชื่นใจมากไม่หวานจนแสบคอเหมือนที่ท่านแม่ทำ”

“อะแฮ่ม” เสียงซูฮวากระแอมอยู่เบื้องหลัง ทำให้สองพี่น้องสะดุ้งโทษฐานที่แอบนินทามารดา

“ไหนขอแม่ลองชิมด้วยคนสิ” ซูฮวาลองตักน้ำชาใส่แก้ว

แค่เพียงยกขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมของน้ำผึ้ง ชาและน้ำมะนาวลอยเข้าจมูกให้ความรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที พอลองดื่มรสชาติก็กลมกล่อมไม่หวานเกินไปอย่างที่นางทำจริงๆ

เวยลี่ทราบมาว่าน้ำผึ้งมีสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น ทำให้ผิวสวย ช่วยชะลอวัย ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยรักษาแผลหรือบรรเทาอาการหวัดและเจ็บคอได้

แต่อาหารทุกอย่างบนโลกใบนี้ก็ต้องรับประทานอย่างสมดุลไม่มากไปและไม่น้อยไป

เคยมีคนกล่าวว่ารับประทานอาหารให้เป็นยาก็คงไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริง เพราะการรับประทานอาหารที่ดีก็เท่ากับว่าเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันร่างกายให้ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคร้ายต่างๆได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel