บทที่4 เปิดประมูล
ในขณะที่เรือแล่นอยู่กลางทะเล จู่ๆหยกพบของหลิวฟางหรงพลันเปล่งประกายขึ้นอย่างกะทันหัน
"มีผู้บุกรุก!"
คนทั้งสองหันสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจึงปลดหยกพบออกจากเอวและโอนถ่ายพลังเวทเข้าไป
พลันปรากฏของชายหนุ่มเสื้อคลุมยาวสีแดงชาดขึ้นบนอากาศ ก่อนที่ภาพจะถูกตัดไป
"จอมเวท"
"หรือว่าจะเป็นคนของจักรพรรดิหมิงเสียนส่งมาเจ้าคะ"
"มิใช่"
แม้ว่าภาพที่ฉายออกมาจะไม่ชัด ทว่าจากการแต่งกายของจอมเวทผู้นั้นแล้ว คล้ายกับเป็นคนจากฝั่งดินแดนนอกเขตมากว่าฝั่งจักรวรรดิ
"หรืออาจมีทหารรับจ้างที่คนผู้นั้นส่งมาก็ได้เจ้าค่ะ"
คนที่ฮุ่ยหลิงหมายถึงไท่จื่อ[1]องค์ปัจจุบันของอาณาจักรหมิงเยว่ เยว่เหวินซู ผู้ซึ่งมีศักดิ์ลุงของหลิวฟางหรง
"คนผู้จะมาสนใจท่านหญิงที่ไร้อำนาจเช่นข้าทำไมกัน"
ถึงผู้เป็นนายจะกล่าวมาอย่างนั้น ทว่าในใจของฮุ่ยหลิงรู้ดีว่ามันมิได้เป็นเช่นนั้น เวลานี้ภายในราชสำนักของอาณาจักรหมิงเยว่นั้นยังคงมีคนของอดีตองค์ไท่จือเยว่ลู่จิ่นหลงเหลืออยู่อีกมาก พวกเขาเหล่านั้นกำลังรอคอยกับหวนคืนสู่ตำแหน่งหลิวฟางหรง และหนึ่งในนั้นคือแม่ทัพผู้พิทักษ์แดนใต้ ฮุ่ยเหอ ผู้เป็นบิดาของนางเอง
ตอนที่ฮุ่ยหลิงพึ่งอายุได้เพียงห้าปี ได้ถูกบิดาผู้ให้กำเนิดส่งมายังดินแดนนอกเขต เพื่อให้ค่อยรับใช้ดูแลผู้เป็นนายทั้งสาม หลายปีที่ผ่านมาผู้ที่นางคอยรับใช้ ไม่ค่อยเห็นว่าตนเป็นบริวารแม้แต่น้อย ในใจของนางซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อปีก่อนทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
ยานนั้นคุณหนูป่วยหนัก อาการย่ำแย่ นายท่านใหญ่ได้เดินทางไปทั่วสาร เพื่อตามหายารักษา กระทั่งผ่านไปหลายเดือน ผู้ที่เป็นจึงผู้ใช้เวทระดับปราชญ์วิญญาณเช่นเขาได้หายสาบสูญไร้ร่องรอย เวลานั้นนางอายุได้เพียงสิบสอง มืดแปดด้าน อับจนหนทาง จึงได้ส่งสารขอความช่วยเหลือจากองค์หญิงใหญ่ เยว่ลู่อิง ผู้เป็นสายเลือดเดียวกับคุณหนูของตน จนได้ยารักษามาในที่สุด ทว่าเมื่อหลิวฟางกรงหายจากอาการป่วยก็เปลี่ยนไป
คุณหนูผู้ที่อ่อนโยน รักสงบ ไม่สนใจเรื่องภายในราชสำนัก แต่แปลเปลี่ยนเป็นคนแข็งกระด้าง ใช้ชื่อเสียงจอมเวทของผู้มีศักดิ์เป็นป้า สร้างฐานอำนาจให้แก่ตนเอง แทรกแซงเรื่องภายในราชสำนักอย่างโจ่งแจ้ง บัดนี้หลิวฟางหรงมีคนอยู่ภายในราชสำนักอยู่สามส่วน ภายใต้ชื่อขององค์ใหญ่เยว่ลู่อิง
หากนับรวมกับฐานอำนาจเก่าของอดีตไท่จื่อ ยามนี้คนของหลิวฟางหรงมีถึงครึ่งหนึ่งในราชสำนัก ฝั่งจักรพรรดิมีสามส่วน ฝั่งไท่จื่อองค์ปัจจุบันมีสองส่วน คุณหนูของนางมีอำนาจมากกว่าจักรพรรดิเสียอีก
"จะเป็นฝ่ายใดก็ช่างเถอะเจ้าค่ะ ตอนนี้พวกเราหายหน้าไปสักพักเถอะนะเจ้าคะ จอมเวทผู้นั้นต้องย้อนกลับมาอีกเป็นแน่"
เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็อาจจะเป็นที่คนสนิทของตนกล่าว หากคนผู้นั้นไม่เจอนาง คงไม่ยอมเลิกราแน่ อีกทั้งนางในตอนนี้เป็นเพียงนักเวท สู้จอมเวทไม่ได้อยู่แล้ว จึงได้ตอบตกลงไป
"ไหนๆก็ได้ออกมาแล้ว เช่นนั้นก็ท่องเที่ยวสักปีเถิด"
ถึงยามนั้นนางคงก้าวเข้าสู่ระดับจอมเวทแล้ว
หลังจากที่เรือสำเภาลำใหญ่แล่นอยู่กลางทะเลเป็นเวลาหกคืน ยามเหม่า[2]ของเช้าวันที่เจ็ดเรือก็จอดเทียบท่าของเมืองโม่เป่ยตามกำหมด และหลิงฟางหรงกับฮุ่ยหลิงก็ได้ท่องเที่ยวตามดั่งที่ได้ตั้งใจไว้
เริ่มจากโม่เป่ยไป ชิงหนาน หวงหนาน ลั่วโจว ตงเป่ยและมาจบซีลั่ว หกหัวเมืองของดินแดนนอกเขต คนทั้งสองท่องเที่ยวกันอย่างอิสระ ไม่เร่งรีบ ทั้งยังคอยเสาะหาหินแร่ต่างๆเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการหลอมอาวุธ และนำเข้าประมูล ชื่อเสียงในฐานะช่างหลอมของหลิวฟางหรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงเงินในกระเป๋านางก็เพิ่มได้ด้วยเช่นกัน ทว่ากลับไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นโฉมหน้าของผู้เป็นเจ้าของผลงานชิ้นที่พวกเขาประมูลแม้แต่เงา
โรงประมูลเมืองตงเป่ย
"คุณหนูนำพัดชิงเถียนออกประมูลตัดใจได้แล้วหรือเจ้าคะ" ฮุ่ยหลิงเอ่ยถามผู้เป็นนาย ขณะที่อยู่ห้องรับรองชั้นสองของโรงประมูลใหญ่เมืองตงเป่ย
ตลอดช่วงเวลาของการเดินทางท่องเที่ยว คุณหนูของนางไม่ได้ท่าที่จะนำพัดชิงเถียนนำออกประมูลเลย ทว่าเมื่อพวกนางวกกลับมาที่เมืองตงเป่ยอีกครั้ง ผู้เป็นนายกลับนำอาวุธเวทชิ้นนี้เจ้าประมูลใหญ่ประจำเดือนของที่นี่เสียได้ ช่างน่าสงสัยจริงๆ
หลิวฟางหรงเมินเฉยต่อสายตาหวาดระแวงของสาวใช้คนสนิท แล้วหันไม่มองเวทีประมูลด้านล่าง ที่ตอนนี้กำลังอธิบายกลไกของพัดชิงเถียงของนาง
"พัดนี้มีนามว่าชิงเถียน เป็นอาวุธเวทที่ช่างหลอมระดับจอมปราชญ์หลอมขึ้น สามารถเป็นได้ทั้งพัดและกระบี่ยาวในชิ้นเดียว" เมื่อนางผู้ที่ยืนอยู่กลางเวทีเอ่ยจบ นางก็เปลี่ยนที่ตนถือให้กลายเป็นกระบี่ในชั่วพริบตา ซึ่งได้สร้างเสียงฮือฮาดังก้องทั้งโรงประมูล ก่อนจะวางลงที่แก่นหินตรงหน้าแล้วเอ่ยต่อ "พัดชิงเถียนนี้เริ่มต้นที่...หนึ่งก้อนหยก!"
ทันทีที่ฮุ่ยหลิงได้ยินราคาเริ่มต้น พลันหันมองหน้านายสาวทันที นึกแล้วเชียวว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง
ด้านล่างเวทีจู่ๆก็มีคนผู้หนึ่งตะโกนขึ้น
"จะไม่แพงไปหน่อยหรือ กับแต่อาวุธเวทเพียงชิ้นเดียว!"
ทว่าสตรีนางนั้นกลับคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยว่า "นายท่านคงมาจากฝั่งจักรวรรดิกระมังถึงไม่รู้ว่าที่ดินแดนนอกเขตแห่งนี้มีช่างหลอมระดับจอมปราชญ์เพียงหนึ่งเดียว อีกทั้งคนผู้นี้นำอาวุธเวทเข้าประมูลในที่ละครั้งล้วนเป็นของชั้นยอด ตัวข้าน้อยเองก็มีอาวุธคนช่างหลอมผู้นั้นอยู่ชิ้นหนึ่ง คือเกาะอ่อนที่ข้าสวมใส่ หากนายท่านผู้นี้มิเชื่อ เช้านี้ผู้น้อยยินดีที่จะทดลองให้ทุกท่านได้ชม"
สิ้นเสียงของสตรีนางนั้น พลันมีนักเวทปรากฏขึ้นบนเวที ก่อนที่คนผู้นั้นจะปล่อยพลังโจมตีใส่หญิงสาวโดนตรง ทว่าเมื่อพลังเวทไปถึงตัวนาง แต่กลับไร้ผล ภายในโรงประมูลชั้นหนึ่งและชั้นสองพลันเงียบงัน
"เอาล่ะ ทุกท่านคงได้เห็นถึงประสิทธิภาพของอาวุธเวทที่ช่างหลอมผู้นี้สร้างขึ้นแล้ว ข้าเชื่อว่าราคาหนึ่งก้อนหยกนั้นไม่แพงไปเลยสักหน่อย เชิญทุกท่านเสนอราคาได้!"
"สองก้อนหยก!"
"สามก้อนหยก!"
"ห้าก้อนหยก!"
ราคาของพัดหยกชิงเรียนของหลิวฟางกรงเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนมาสิ้นสุดที่แปดก้อนหยด ทว่านางก็ยังไม่ใคร่จะพอใจนัก จึงได้ตะโกนออกไปว่า "สิบก้อนหยก!"
"คุณหนู!"
คนทุกผู้ที่อยู่ในโรงประมูลต่างก็หันไปมองห้องพิเศษชั้นสองเป็นต่างเดียว คนที่อยู่บนห้องรับรองผู้นั้นเสนอราคาสูงเช่นนี้คงไม่มีผู้ใดกล้าสู้แล้ว
"สิบก้อนหยกครั้งที่หนึ่ง! สิบก้อนหยกครั้งที่สอง!..."
"สิบห้าก้อนหยก!"
เสียงจากห้องรับรองฝั่งตรงข้ามหลิวฟางหรงดังขึ้น รอยยิ้มบางจึงปรากฏบนหน้าของดรุณีน้อยอายุสิบห้า และยิ่งได้ยินเสียงขานราคาครั้งสุดท้าย รอยยิ้มพลันกระจ่างเต็มใบหน้างามของหลิงฟางหรง
ทันทีที่ฮุ่ยหลิงได้ยินว่าพักชิงเถียนถูกปิดประมูลไปที่ราคาสิบห้าก้อนหยก ก็พลันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
"คราหน้าอย่างทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ พวกเรามีเงินถึงเพียงนั้นเสียที่ไหนกัน อย่างมากก็แค่แปดก้อนหยกเท่านั้น"
"ตอนนี้มีมากกว่านั้นแล้วมิใช่หรือ"
หลิวฟางหรงส่งยิ้มพรายให้กับสาวใช้คนสนิท เพียงเท่านี้นางก็เข้าร่วมประมูลแร่หินที่ตนอยากได้แล้ว
"เรามาชิ้นต่อไปเลยดีกว่า ของชิ้นนี้เป็นที่ต้องการของช่างหลอมทุกคน"
เสียงของผู้อยู่บนเวทีได้ดึงดูดความสนใจของหลิวฟางหรงและฮุ่ยหลิง ก่อนที่จะมีคนนำถาดไม้ขึ้นไปวางที่แท่งหิน
"สิ่งนี้คือแร่หินเทียนหลัน!"
เมื่อผ้าคลุมถูกเปิดออก เผยให้เห็นแร่หินสีฟ้าคราม ขนาดของมันใหญ่เทียบเท่ากับหัวเด็กแรกเกิด
"เริ่มต้นที่ห้าร้อยเหรียญทอง!"
"หนึ่งก้อนหยก"
หลิวฟางหรงเสนอราคาแรกของการประมูลแร่หินชิ้นนั้น ด้วยความมั่นใจว่าตนนั้นจะไม่มีคู่แข่งอย่างแน่นอน คนส่วนใหญ่ในโรงประมูล หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็เป็นนักเวท หินชิ้นนั้นย่อมต้องตกเป็นของนางอย่างไม่ต้องสงสัย และก็เป็นไปตามคาด ทันทีที่สตรีผู้นั้นขานราคาเป็นครั้งสุดท้าย แร่หินเทียนหลันก็ตกเป็นของหลิวฟางหรงอย่างสมบูรณ์
"ไปกันเถอะ เราไปรับของกัน" เอ่ยจบก็ลุกขึ้นจากไป โดยไม่รอให้งานประมูลจบก่อน
ฮุ่ยหลิงส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเดินตามหลังผู้เป็นนายไปอย่างเงียบๆ ที่แท้คุณหนูของนางก็มีจุดประสงค์นี้เอง หาไม่แล้วคงไม่ยอมขายพัดชิงเถียงไปโดยง่ายเช่นนี้
เมื่อรับเงินและแร่หินเสร็จ ทั้งสองก็เดินออกจากโรงมูลทันที ทว่ายามที่ก้าวพ้นประตูพลันมีคนผู้หนึ่งมาขว้างพวกตนไว้เสียก่อน
"ท่านจอมปราชญ์ เหตุใดถึงรีบกลับเสียเล่า การประมูลยังไม่จบเลย"
----------------------------------------------------
*1 ไท่จื่อ ใช้เรียกแทนองค์รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์
*2 ยามเหม่า เวลา 05.00 น. - 06.59 น.