บท
ตั้งค่า

บทที่3 ขายไม่ได้!

หลังจากที่ฮุ่ยหลิงแจ้งแก่ผู้เป็นนายว่าหินพลังเวทได้หมดไปแล้ว วันต่อมาเด็กสาวทั้งสองจึงลงมายังห้องลับใต้ดิน เพื่อเลือกอาวุธเวทนำออกไปประมูล

"คุณหนูเจ้าคะ" ฮุ่ยหลิงเอ่ยเตือนผู้เป็นนายเสียงเข้ม ยามเห็นท่าทีตัดใจไม่ลงของนายสาว 

"ฮุ่ยหลิงไม่ขายแล้วได้หรือไม่" 

อาวุธเวทเหล่านี้นางหลอมขึ้นมาอย่างอยากลำบาก จะตัดใจขายลงได้เยี่ยงไร 

"เลือกมาสักชิ้นเถอะเจ้าคะ หากชักช้าจะไม่ทันเรือออกจากท่านะเจ้าคะ" 

ฮุ่ยหลิงเร่งเร้าผู้เป็นนายที่กำลังละเมียดละไมเลือกสรรอาวุธที่จะนำออกไปขายอย่างไม่เต็มใจ หมู่บ้านซือซวนที่พวกนางอยู่อาศัยเป็นเกาะเล็กๆ กลางทะเล ติดกับเขตทางตะวันออกของดินแดนนอกเขต ซึ่งคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะทำอาชีพประมง จึงมีสีผิวค่อนข้างคล้ำแดด ผิดจากหลิวฟางหรงและฮุ่ยหลิงที่มีผิวพรรณขาวเนียนราวกับหยกขาวเนื้อดีอย่างเช่นสตรีผู้สูงศักดิ์ของทางฝั่งจักรวรรดิ ถึงจะแตกต่าง ทว่าเหล่าผู้คนที่อยู่ที่นี่กลับติดใจสงสัยสถานะของเด็กสาวทั้งสอง เพราะด้วยความที่หลิวฟางหรงนางเป็นหลานสาวของนักเวทผู้เลื่องชื่อ อีกทั้งบิดานางก็ยังเป็นคนต่างถิ่น รูปร่างและผิวพรรณจึงแตกต่างจากชาวบ้านทั่วไปพอสมควร

เมื่อถูกคนสนิทเร่งเร้าหนักขึ้น หลิวฟางหรงจึงถอนหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด ก่อนจะเลือกหยิบกระบี่ออกมาเล่มหนึ่ง แล้วส่งให้สาวใช้คนสนิท

"กระบี่เล่มนี้ยังใช้ไม่ได้เจ้าคะ" อาวุธเวทที่ผู้เป็นนายเลือกมา เป็นกระบี่ที่หาได้ดาษดื่นทั่วไป หากเอาเข้าประมูลขายได้มากสุดเพียงห้าสิบเหรียญเงินเท่านั้น ซื้อหินพลังเวทก้อนหนึ่งยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นางจึงกวาดสายตามองไปยังกองอาวุธเวทที่คุณหนูของตนหวงนักหนา ก่อนจะชี้พัดด้ามจิ๋วแล้วเอ่ยว่า "พัดด้ามนี้ดูไม่เลวเลย" 

สิ้นเสียงของฮุ่ยหลิง หลิวฟางหรงจึงรีบตะครุบพัดของตนทันที

"ไม่ได้ พัดด้ามนี้ขายไม่ได้!" 

กว่าจะหาหินแร่พิสุทธิ์มันไม่ใช่เรื่องง่าย อาวุธเวทชิ้นนี้ใช้ได้ทั้งเป็นพัดและกระบี่ยาวภายในชิ้นเดียวกัน เป็นผลงานชิ้นเอกของนาง อย่างไรก็ขายไม่ได้!

ทันทีที่ฮุ่ยหลิงเห็นอากัปกิริยาของนายสาวแล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าอาวุธเวทชิ้นนั้นเป็นของดี "เอาพัดด้ามนี้แหละเจ้าคะ ถึงจะสมฐานะของช่างหลอมระดับจอมปราชญ์ของคุณหนู" 

น่าจะขายได้ถึงหนึ่งก้อนหยกเชียว

เมื่อเห็นสายตากดดันที่ฮุ่ยหลิงส่งมา หลิวฟางหรงจำต้องส่งอาวุธเวทให้แก่สาวใช้คนสนิทอย่างเลี่ยงไม่ได้

พัดชิงเถียนของนาง

ฮุ่ยหลิงส่ายหัวเบาๆให้กับท่าทีปวดใจราวกับสูญเสียคนรักของผู้เป็นนาย ก่อนจะนำพัดด้ามจิ๋วเก็บเข้าไปในแหวนมิติและลากหลิวฟางหรงไปยังท่าเทียบเรือ เพื่อข้ามไปอีกฝั่ง 

ด้วยที่หมู่ของนางเป็นหมู่เกาะกลางทะเล ส่วนใหญ่จะเดินทางกันด้วยเรือ หรือหากเป็นผู้มีฐานะขึ้นมาหน่อยจะใช้วงแหวนเวทเคลื่อนย้าย ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้าน หรือหากผู้ใช้เวทก้าวสู่ขั้นระดับจอมเวทแล้ว ภายในบ้านจะมีวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายที่ใช้เป็นของส่วนตัว ดั่งเช่นที่อยู่ในลานบ้านของหลิวฟางหรง ซึ่งผู้เป็นตาของนางได้สร้างเอาไว้

แต่การที่จะเปิดใช้วงแหวนเวทเคลื่อนย้ายได้นั้นจะต้องใช้หินพลังเวทเป็นพลังงานขับเคลื่อน คนในหมู่บ้านประกอบอาชีพประมงเสียส่วนใหญ่ เป็นไปไม่ว่าจะมีเงินซื้อหินพลังเวทที่มีราคาแพง เมื่อจะข้ามฝั่งจึงใช้เรือเป็นหลัก

"ท่าเทียบเรือถูกทำลายงั้นหรือ"  

ทันทีที่ทั้งสองไปถึงก็ได้รับแจ้งจากคนเดินเรือว่าท่าเรือฝั่งเมืองตงเป่ยถูกหอคอยปีศาจทำลายไปเมื่อยามอิ๋น[1]วันนี้ จึงไม่อาจนำเรือเข้าเทียบท่าที่ฝั่งนั้นได้ไปเมืองนั่นได้ จนกว่าจะซ่อมแซมเสร็จ

"ขอรับ หากแม่นางต้องสองจะเดินทางไปตงเป่ยจะต้องขึ้นท่าที่เมืองชินซวนอาณาจักรหมิงเยว่"

เมื่อได้ยินว่าพวกตนนั้นต้องไปขึ้นท่าที่อาณาจักรหมิวเยว่ สีหน้าของฮุ่ยหลิงก็พลันเคร่งเครียดขึ้นมา 

แม้ชินซวนจะเป็นเมืองท่าด่านสุดท้ายของอาณาจักรหมิงเยว่ ที่นั่นห่างไกลจากเมืองหลวงมากพอสมควร แต่หากวันนี้คุณหนูเข้าเมือง องค์จักรพรรดิหมิงเสียนต้องทรงทราบเรื่อง เพราะคนผู้นั้นคอยเฝ้าจับตาความเลื่อนไหวของพวกนางอยู่ตลอด และด้วยที่ต้องการให้คุณหนูกลับเข้าวังหลวง เขาคงไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปโดยง่าย จะต้องส่งคนมาจับตัวเจ้าสาวของนางเป็นแน่

หอคอยปีศาจก็ช่างเหลือเกิน ขยันสร้างเรื่องในผู้อื่นลำบากโดยแท้

"เงินที่เรามียังใช้ได้อีกหนึ่งเดือนมิใช่หรือ ไม่รีบ" เมื่อเรือไม่สามารถเทียบท่าที่ตงเป่ยได้ ในใจของนางก็ราวกับลิงโลด เช่นนั้นพัดชิงเถียงก็ไม่ต้องขายแล้ว

ทว่าหลิวฟางหรงดีใจได้ไม่นาน เมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสาวใช้คนสนิท 

"ถ้าผ่านชิงซวน เช่นนั้นก็ต้องผ่านโม่เป่ยด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ" ทันทีที่คนเดินเรือจึงพยักหน้าตอบ นางจึงหันไปบอกกับนายสาวของตนว่า "พวกเราเดินทางอ้อมหน่อยเถิดเจ้าค่ะ"

"....."

 ฮุ่ยหลิงไม่รอให้ผู้เป็นนายตอบรับหรือปฏิเสธก็ลากนายสาวของตนขึ้นเรือไปแทันที

หลังจากที่เรือแล่นไปออกจากท่าไปได้ไม่นาน พลันมีเรือบินลำใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือน่านฟ้าของหมู่บ้านชือซวน ธงสีดำรูปหัวกิเลนสามหัวผืนใหญ่โบกสะบัดพลิ้วไหวตามสายลม ก่อนจะมีเงาสองร่างโผลทะยานลงจากเรือลำใหญ่ เป้าหมายของพวกเขาคือ เรือนหลังใหญ่บนภูเขา 

ทว่าเมื่อไปถึงก็พบว่าคนที่ต้องการเจอกลับไม่อยู่แล้ว

"ข้าจะลองสอบถามคนแถวนี้ดูก่อน" ชายรูปงามผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นแล้วจากไป ทิ้งคนอีกผู้ไว้เพียงลำพัง 

เมื่อคนจากไปแล้ว ชายหนุ่มในชุดคลุมยาวสีแดงปรายตามองประตูบ้านที่ถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา เพียงแค่เขายืนมือออกไปสัมผัสมัน ลูกกลอนประตูพลันแตกสลาย ก่อนที่คนผู้นั้นจะเดินเข้าไป

แต่ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปในลานบ้าน พลันมีกระแสลมหนึ่งพัดมาผ่าน หมวกคลุมศีรษะเปิดออก เผยรูปโฉมหน้าอันหล่อเหล่าดุจดั่งเทพปีศาจที่ลงมาจุติในแดนมนุษย์ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นต่างก็ลุ่มหลงในความงามนี้ของเขา

ทว่าอย่างไรปีศาจก็เป็นปีศาจอยู่วันค่ำ เขาคือประมุขแห่งหอคอยปีศาจ มู่หลงเสวียน ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าโฉดชั่วที่สุดในแผ่นดิน 

"น่าสนใจ" 

กระแสลมที่พัดผ่านตัวเขาไปเมื่อครู่นั้น หาใช่สายลมธรรมดา แต่เป็นเคลื่อนพลังเวทที่ปกกันผู้บุกรุก หากเขาประมาทแม้เสี้ยวเดียว คงตกลงสู่ห้วงมายาที่เจ้าของเรือนสร้างขึ้นแล้ว

มู่หลงเสวียนกวาดสายตาสำรวจ พลันค้นพบว่าลานบ้านมีวงแหวนเคลื่อนย้ายปรากฏอยู่ ซึ่งนั้นเป็นของผู้ใช้เวทระดับปราชญ์วิญญาณเป็นผู้สร้างขึ้น อีกทั้งเครื่องเรือนส่วนใหญ่ในบ้านหลังนี้ล้วนสร้างขึ้นมาจากพลังเวทเกือบทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าผู้เป็นเจ้าของเรือนนี้เป็นผู้ใช้เวทสายแร่แปรธาตุ เป็นคุณสมบัติหลังของช่างหลอม 

ผู้ใช้เวทจะถูกแบ่งออกเป็นสี่สายหลัก สายอาคมอักขระ สายโอสถหรือผู้ปรุงยา สายแร่แปรธาตุ และสายมายา

ผู้ใช้เวทส่วนใหญ่จะมีศักยภาพที่ร่างกายด้อยไปกว่าผู้ฝึกฝนปราณยุทธ์หนึ่งขั้น โดยเฉพาะนักเวทสายปรุงยา นอกจากพลังเวทที่ใช้หลอมแล้ว ด้านการต่อสู้นั้นแทบเป็นศูนย์จำเป็นต้องมีฝึกปราณคอยคุ้มครอง 

ซึ่งมู่หลงเสวียนนั้นเป็นผู้ใช้เวทสายมายา เวทป้องกันผู้บุกรุกนี้จึงใช้กับเขาไม่ได้ผล

"ท่านประมุข เรามาช้าไป พวกออกจากเกาะไปแล้ว" ในที่สุดผู้ที่อาสาไปสืบข่าวก็กลับมา ทันทีที่คนผู้นั้นได้เห็นวงแหวนเวทก็พลันจุปาก เดินวนรอบค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้น "วงแหวนเวทของผู้ที่ก้าวสู้ขั้นระดับสูงเป็นเช่นนี้เอง ดูเหมือนว่าข่าวที่ได้มาเห็นจะจริงเสียแล้ว"

"ได้ข่าวอันใดมา"

"ข่าวที่ว่าช่างหลอมที่ท่านกำลังตามหาอยู่นั้น เป็นเพียงเด็กสาวที่พึ่งพ้นวัยปักปิ่น[2] และยังเป็นหลานสาวผู้ใช้เวทระดับปราชญ์วิญญาณ ผู้ที่สร้างค่ายกลนี้" 

เมื่อได้ยินว่าผู้ที่ตนตามหานั้นเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบห้าก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม ก่อนจะหันไปเอ่ยกับคนของตนว่า "จากร่องรอยแล้ว วงแหวนเวทพึ่งจะถูกเปิดใช้ได้ไม่นาน เจ้าลองตรวจดูว่าปลายทางของมันจะสิ้นสุดอยู่ที่ได้"

"ได้" 

หลังจากได้รับคำสั่งจากผู้เป็นประมุข เขาจึงถ่ายพลังเวทเข้าได้ตรวจสอบ 

ทว่าพลังเวทของคนผู้นั้น ไม่ได้บริสุทธิ์เฉกเช่นผู้ใช้เวทคนอื่นๆ สีของพลังสายนั้นเป็นสีดำทมิฬ เขาคือเจ้าแห่งศาสตร์มืด ลั่วชิงหยาง 

ทันทีที่ทราบจุดปลายทางจึงหันกลับไปรายงานผู้เป็นประมุขของตน "วังหลวงของอาณาจักรหมิงเยว่" ก่อนจะเก็บพลังเวทตนกลับคืน

ได้ยินเช่นนั้นริมฝีปากหยักได้รูปของประมุขแห่งหอคอยปีศาจพลันคลี่ยิ้มออกมา

"น่าสนใจจริงๆ ไปสืบมาว่าคนผู้นั้นเกี่ยวข้องอันใดกับคนฝั่งจักรวรรดิ ได้ความแล้วให้รีบรายงานข้า รวมทั้งนางไปที่ใดด้วย" อาจใช้เป็นข้าต่อรองกับนางได้

ซึ่งแน่นอนว่าประโยชน์หลังไม่ได้กล่าวออกมาแต่อย่างใด

"ทราบแล้ว" 

เมื่อคนต้องการพบไม่อยู่แล้ว พวกเขาจึงกลับไปยังเรือบินเช่นเดิน ก่อนที่เรือลำใหญ่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปจากน่านฟ้าของหมู่บ้านซือซวน....

-----------------------------------------------------

*1 ยามอิ๋น เป็นช่างเวลา 03.00 - 02.59 น.

*2 วัยปักปิ่น คือพิธีก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ของเด็กสาวที่มีอายุสิบห้าปี และถึงวัยที่พร้อมจะออกเรือน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel