บทที่2 ลงมือน้อยไป
วังหลวงอาณาจักรหมิงเยว่
เพล้ง!
"อวดดีนัก!"
เมื่อจักรพรรดิหมิงเสียนได้ยินกงกงคนสนิทรายงานเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นจบ ก็พลันเกิดโทสะ คว้างถ้วยชาในมือทิ้งลงพื้นจนแตกละเอียด
เขาส่งตัวแทนได้รับนางหลายครั้งหลายครา แต่กลับถูกนางปฏิเสธทุกอยู่ร่ำไป และหนักข้อขึ้นทุกวัน ดั่งเช่นวันนี้
ผู้แทนที่ตนส่งไปยังดินแดนนอกเขต ถูกพบที่หน้าประตูวังหลวงในยามซื่อ[1] สภาพสะบักสะบอมราวกับพึ่งฟัดกับสุขนักมาอย่างไรอย่างนั้น เมื่อสอบถามก็ได้ความว่าเป็นเพราะหลิวฟางหรง
คนเหล่านั้นเป็นถึงคนระดับสูงของราชสำนัก กูกู[2]ผู้นั้นเป็นคนสนิทของพระมารดาผู้ล่วงลับของเขา แม้แต่ตัวเขาผู้จักรพรรดิ ยังต้องไว้หน้านางอยู่ถึงห้าส่วน แต่กลับโดนเด็กคนนั้นเล่นงาน นางไม่คิดจะไว้หน้าผู้เป็นปู่เช่นเขาเลยสักนิด
ตนยอมอ่อนข้อให้ถึงเพียงนี้แล้ว ทว่าหลิวฟางหรงผู้นั้นกลับไม่ยินยอมผลักเรือไปตามน้ำ ต้องการแตกหักกับเขาให้ได้ เหมือนกับบิดาของนางไม่มีผิด!
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันพยายามที่สุดแล้ว แต่ท่านหญิงผู้นั้นหยาบคายเหลือทน" กูกูผู้นั้นเอ่ยขึ้น นางอยู่มาจนอายุเข้าแปดสิบปีแล้ว ไม่ค่อยมีผู้ใดกล้าทำเช่นนี้กับนาง ได้ยินข่าวลือที่เขาว่ากันว่าคนดินแดนนอกเขตป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม เห็นจะเป็นจริงเสียแล้ว
จักรพรรดิเยว่เสียนทอดสายตามองไปยังนางกำนัลอาวุโสอย่างจนใจ หากไม่ใช่เพราะตนกลัวคำครหาจากเหล่าบัณฑิตว่าไร้คุณธรรม ทอดทิ้งพระราชนัดดาของตนตกระกำลำบากอยู่ภายนอก ก็คงไม่คิดจะกลับนางกลับเข้าวงศ์สกุล
"ทำให้กูกูต้องลำบากแล้ว ท่านพึ่งกลับมาก็ไปพักเถิด ส่วนเรื่องนี้เจิ้น[3]จะเป็นคนจัดการต่อเอง" น้ำเสียงของจักรพรรดิที่กล่าวกับนางกำนัลอาวุโสผู้นี้อ่อนลงก่อนยามปกติมากนัก
"หม่อมฉันทูลลาเพคะ"
กูกูผู้หย่อนตัวเคารพนายเหนือหัว ก่อนที่จะมีนางกำนัลมาประกอบกลับไปยังที่พัก
เมื่อเหล่ากูกูไปแล้ว จักรพรรดิหมิงเสียนจึงหันกลับมาเอ่ยกับกงกงคนสนิท "ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ห้ามให้ผู้ใดยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางอีก อยากรู้นักถ้าไม่มีคนค่อยหนุนหลังแล้ว ยังจะกล้าอวดดีอีกหรือไม่"
เขารู้ว่าทั้งฮองเฮาเของตนและธิดาองค์โตให้ความช่วยเหลือหลานสาวผู้นี้อย่างลับๆนานแล้ว หากมีราชโองการลงไปดูสิว่าผู้ใดยังจะกล้าให้ท้ายนางอีก
"พ่ะย่ะค่ะ"
กงกงผู้รับใช้จึงรีบไปทำตามพระบัญชาขององค์จักรพรรดิทันที
หลังจากที่หลิวฟางหรงและฮุ่ยหลิงเก็บหินแร่จากก้นทะเลเสร็จแล้ว ยังไม่ได้รีบกลับไปยังจวนของตนทันที สตรีต้องสองนางเดินเตร็ดเตร่เที่ยวเล่นอยู่ในหมู่บ้าน ระหว่างทางก็มีชาวบ้านเข้ามาทักทายขาดสาย จนกระทั่งมาหยุดที่แผงรับซื้อสมุนไพร
"ฟางหรงเจ้ามาแล้วหรือ วันนี้เอาสิ่งใดมาขายล่ะ"
"วันนี้ข้าลงได้ยังกันทะเล ได้สมุนไพรต้นหนึ่งมา จึงมาขายให้ท่านเจ้าคะ"
สิ้นเสียงของผู้เป็นนายฮุ่ยหลิงจึงนำสมุนไพรต้นเล็กออกจากจากแหวนมิติของนาง ซึ่งรูปลักษณ์ของมันไม่ได้ต่างกับปะการังมากนัก ทว่าสีของมันเป็นสีแดงอมม่วง เปล่งประกายพราวระยับกับอัญมณีแสนล้ำค่า ชื่อของมันคือว่านวารีพิสุทธิ์ เป็นสมุนไพรล้ำค่าของทะเล
"เอามาขายให้ข้าดีแล้วหรือ" เจ้าของแผงรับชื่อสมุนไพรกล่าวถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าเป็นนักเวทมิใช่ผู้ปรุงยา จะมีมันอยู่หรือไม่ ก็ไม่ได้ช่วยข้ามาเลื่อนระดับพลังไวขึ้นเสียหน่อย มิสู่เอามันมาแลกเงินไปซื้อหินพลังเวทดีกว่า"
"ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนั้นข้าก็ไม่ปฏิเสธ"
ที่หมู่บ้านชายทะเลแห่งนี้มีเพียงหลิวฟางหรงเท่านั้นที่เป็นนักเวท คนที่นี่ส่วนมากจะเป็นผู้ใช้ปราณยุทธ์ ไม่ก็เป็นชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีความสามารถทางด้านใดเลย หากนางได้เลื่อนเป็นจอมเวทก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้กับหมู่บ้านไม่น้อย
"ท่านลุง ท่านต้องตีราคาให้เรามากหน่อยนะ กว่าจะเก็บมันมาได้มิง่ายเลย" ฮุ่ยหลิงกล่าวเสริม ก่อนจะส่งสมุนไพรต้นให้เถ้าแก่แผงขายสมุนไพรตรวจคุณภาพ
"สิบเหรียญทอง[4]พอใจหรือไม่"
เพียงมองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่าสมุนไพรต้นนั้นมีคุณภาพดีเลิศเพียงใด
"ตกลง"
ทันทีที่ตกลงราคากันได้ ชายวัยกลางผู้นั้นก็นำเหรียญทองสิบเหรียญส่งให้กับเด็กสาวทั้งของนาง ก่อนที่ทั้งสองจะกลับไป
อย่าเห็นว่าพวกนางเป็นเด็กสาวที่อยู่ด้วยกันตามลำพังแล้วจะรังแกได้ง่ายๆเชียว คนทั้งสองนั้น ผู้หนึ่งเป็นผู้ใช้ปราณยุทธ์ขั้นสาม ส่วนอีกคนเป็นผู้ใช้เวทระดับต้น ทั้งยังเป็นหลานสาวของปราชญ์วิญญาณ ความสามารถพวกเขาก็ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
เมื่อหลิวฟางหรงและฮุ่ยหลิงกลับถึงจวนแล้ว ก็พลันมีนกส่งสารบินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าของตน ก่อนที่นกน้อยตัวนั้นจะทิ้งจดหมายลงใส่มือของหลิงฟางหรงแล้วบินจากไป
"จดหมายจากฝั่งจักรวรรดิหรือเจ้าคะ" ฮุ่ยหลิงเอ่ยถามพลางชะโงกมองจดหมายที่อยู่ในมือของนายสาว
จักรวรรดิที่ฮุ่ยหลิงกำลังเอ่ยถึงนั้นคือดินแดนอีกฟากฝั่งของทะเลตะวันตก ที่ถูกแบ่งออกเป็นสามอาณาเขต มีอาณาจักรซีซวน อาณาจักรหมิงเยว่และอาณาจักรเป่ยอัน ซึ่งมีจักรพรรดิและฮ่องเต้เป็นปกครอง ส่วนอีกฝั่งเป็นเขตโพ้นทะเลหรือเรียกกันว่าดินแดนนอกเขต เป็นสถานที่ที่พวกอยู่อาศัยและไร้ผู้ปกครอง
ดินแดนนอกเขตแห่งนี้ไร้ซึ่งข้อผูกมัด ใช้ชีวิตโดยไม่แบ่งสูงต่ำ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีเป็นยกย่องนับถือ คนฝั่งจักรวรรดิจึงมองว่าดินแดนนอกเขตนี้ป่าเถื่อนไม่น่าคบหา ไม่ว่าบุรุษที่ร่างสูงใหญ่ และมีนิสัยเถรตรง โผงผาง หรือสตรีที่ห้าวหาญกว่าบุรุษในจักรวรรดิ เป็นพวกไร้อารยธรรม
ทว่าหลิงฟางหรงกลับชอบที่เป็นเช่นนี้ ผู้คนที่นี่มีล้วนมีแต่ความจริงใจ ซื่อตรง ไม่เสแสร้งเหมือนคนของจักรวรรดิที่ภายนอกยิ้มแย้ม ทว่าจิตใจกลับสกปรก เต็มด้วยเรื่องโสมม น่ารังเกียจ!
"คุณหนูรีบเปิดอ่านสิเจ้าคะ"
ฮุ่ยหลิงรบเร้านายสาวความรู้อยากรู้อยากเห็นว่าในจดหมายนั้นจะกล่าวถึงคนจากอาณาจักรที่ซึ่งถูกผู้เป็นนายส่งกลับไปว่าเช่นไร จะเหมือนที่ตนคิดว่าหรือไม่
เมื่อเห็นทางที่เช่นนี้ของคนสนิทหลิวฟางหรงจึงส่ายหน้าเบาอย่างเอือมระอา เป็นฮุ่ยหลิงที่กลัวว่าตนจะล่วงเกินคนวังหลวง ทำให้พวกเขาไม่พอใจ ทว่ากลับชอบที่ทุกครั้งที่เป็นคนเหล่านั้นถูกนางกลั่นแกล้ง หนีหัวซุกหัวซุน นี่มันเข้าประโยคที่ว่ามีความสุขความทุกข์ของตนอื่นชัดๆ จากนี้จึงเปิดอ่านจดหมายผู้เป็นป้าที่ส่งมาให้ตน
'เรื่องวันนี้เจ้าลงมือหนักเกิดไปแล้ว รู้หรือไม่ว่ากูกูที่มานั้นเป็นผู้ใด' เพียงแค่ประโยคแรกของผู้มีศักดิ์เป็นป้าก็ส่องแววตำหนินางเสียแล้ว แต่เมื่อได้อ่านข้อความถัดมาก็ทราบว่าท่านป้าของนางมิได้ตำหนิทว่าเป็นห่วง 'กูกูผู้นั้นเคยเป็นนางกำนัลรับใช้ไทเฮา[5]ในอดีต องค์จักรพรรดิทรงกริ้วมากที่เจ้าทำเช่นนั้น มีคำสั่งลงมาแล้วว่าห้ามให้ผู้ใดช่วยเหลือเจ้า เมื่อมีราชโองการลงมาแล้ว ป้าเองก็จนใจ ในยามที่ไม่มีป้าคอยหนุนหลังให้เจ้า หรงเอ๋อร์จะทำสิ่งใดก็ระวังตัวด้วย อย่าได้วู่วามเด็ดขาด'
หลังจากที่อุ่นหลินได้อ่านจดหมายขององค์หญิงใหญ่เยว่ลู่อิงจบพลันถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยว่า "น่าเสียดายนัก"
"น่าเสียดายอันใดกัน"
"น่าเสีย...ที่คุณหนูลงมือน้อยไป"
"...."
หลิวฟางหรงกับฮุ่ยหลิงเติบโตมาด้วยกัน เรียกได้เป็นสนิทกันดั่งพี่น้องร่วมสายเลือด ความคิดที่อยู่ในใจของนาง สาวใช้ผู้นี้ล้วนมองออกจนหมดเปลือก
"หึ!...ในเมื่อคนผู้นั้นอยากให้ข้าอยู่อย่างลำบาก ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะอยู่เยี่ยงผู้ที่ร่ำรวย ทำให้คนพวกนั้นได้อกแตกตายกันไปข้าง..." ทันทีที่เอ่ยจบก็พลันแสยะยิ้มออกมา
คุณหนูของนางช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ฮุ่ยหลิงรู้สึกขนกายลุกชัน ยามที่ได้เห็นรอยยิ้มอันชั่วร้ายของนายสาว
นับแต่ที่นายท่านหายสาบสูญไปเมื่อสองปีก่อน คุณหนูของนางก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยเป็นผู้ใช้ปราณยุทธ์ผู้มากความสามารถ กลับเลิกฝึกฝนไปเสียดื้อๆ และผันตัวมาเป็นนักเวทแทน ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจในศาสตร์นี้เลยสักนิด
ด้วยที่บิดามารดาของหลิวฟางหรงเป็นนักเวททั้งคู่ นางจึงเป็นผู้มีพลังเวทบริสุทธิ์ แม้จะเริ่มต้นช้า ทว่ากลับใช้เวลาเพียงสองปีก็ได้เป็นผู้ใช้เวทระดับต้น อีกทั้งยังเป็นช่างหลอมผู้ที่งานยุ่งที่สุดในดินแดนนอกเขต เพราะนอกจากนางแล้วก็ยังไม่มีช่างหลอมผู้ใดก้าวสู่ขั้นจอมปราชญ์ได้
"คุณหนูจะเปิดเผยฐานะช่างหลอมหรือเจ้าคะ"
"ข้าเป็นเพียงนักเวท ยังเปิดเผยตอนนี้ไม่ได้ รอให้ข้าเข้าสู่ระดับจอมเวทเสียก่อน''
แม้ว่าจะมีท่านป้าคอยหนุนหลังให้ ทว่าเวลานี้ผู้ที่วางยาพิษบิดาของนางยังไม่ปรากฏ ไม่เสี่ยงจะดีกว่า
"แต่ตอนนี้หินพลังเวทที่นายท่านใหญ่ทั้งไว้ คุณหนูใช้ไปหมดแล้วนะเจ้าคะ"
"ตั้งแต่เมื่อใด วันก่อนข้ายังเห็นว่ามันยังเหลืออยู่มิใช่หรือ"
"ก็วันนี้คุณหนูใช้เปิดวงแหวนเคลื่อนย้ายไปหมดแล้ว..." เอ่ยจบก็ส่งยิ้มแห้งให้กับผู้เป็นนาย
"...."
----------------------------------------------------
*1 ยามซื่อ ช่วงเวลา09.00-10.59 น.
*2 กูกู ใช้เรียกนางกำนัลรับใช้อาวุโส
*3 เจิ้น คำแทนตัวของผู้ที่เป็นฮ่องเต้
*4 เป็นสกุลเงินที่ใช้ในนิยาย
100เหรียญทองแดง เทียบเท่ากับ 1เหรียญเงิน
100เหรียญเงิน เทียบเท่ากับ 1เหรียญทอง
100เหรียญทอง เทียบเท่ากับ 1ก้อนหยก
*5ไทเฮา ผู้ซึ่งเป็นมารดาของฮ่องเต้หรือองค์จักรพรรดิ