บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

ซูหนี่กินข้าวเสร็จนางก็นำถั่งเช่าออกมาล้างน้ำจนสะอาดแล้วตากให้แห้ง พรุ่งนี้นางจะขึ้นเขาไปเก็บอีกครั้ง นางไม่รู้ว่าในยุคนี้จะหายากเพียงใด ที่ยุคที่นางจากมาราคาถือว่าแพงเช่นเดียวกับโสมและเห็ดหลินจือ หรืออาจมีราคามากกว่าด้วยเพราะโสมกับเห็ดหลินจือในยุคที่พัฒนาแล้วสามารถเพาะปลูกได้

แต่ถั่งเช่าต่างกัน เพราะถั่งเช่าเกิดจากหนอนผีเสื้อที่จำศีลอยู่ใต้หิมะอาศัยกินสปอร์จากเห็ด จนเกิดเส้นใยงอกออกมาจากท้อง เมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เห็ดก็จะงอกออกมาลักษณะคล้ายกิ่งไม้ ส่วนตัวหนอนก็จะค่อยๆแห้งตายไป จึงหาได้ยากกว่าโสมและเห็ดหลินจือ

คงทำได้แต่เพียงนำไปให้โรงหมอประเมินราคาเท่านั้น ยังไงก็ดีกว่าไม่มีเงินในมือเลย เพราะตอนนี้นางจะขยับตัวหรือออกไปสำรวจในตัวเมืองก็ยังทำไม่ได้เลย ค่าเข้าเมืองก็ต้องเสีย หากไม่นั่งเกวียนก็ต้องเดินเท้าเกือบสองชั่วยาม (1ชั่วยาม=2ชั่วโมง)

หมู่บ้านที่นางอยู่ในตอนนี้คือถงเหอ ห่างจากเมืองเซียงซาน สามสิบลี้ (1ลี้=500เมตร) หากเดินเท้าคงใช้เวลาสองชั่วยาม นั่งเกวียนก็เหลือเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น ค่าเกวียนเข้าเมืองก็คนละสองอิแปะ ต้องเสียค่าเข้าเมืองอีกสองอิแปะ เงินทั้งนั้นที่ต้องใช้เมื่อออกจากบ้าน

ชีวิตก่อนไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเลย พอมาตอนนี้หายใจเข้าหายใจออกก็อยากจะหาแต่เงิน หากวันใดที่ต้องไปจากที่นี่ก็ต้องมีเงินซื้อเรือนหรือลงทุนเพื่อค้าขาย นางคิดไว้ว่าจะเปิดร้านอาหารเช้าเล็กๆสักร้าน

ซูหนี่อาบน้ำเสร็จนางก็เตรียมตัวเข้านอนเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง เด็กน้อยสองคนนั่งรอนางอยู่ที่บนเตียงพร้อมกับรอยยิ้มหวาน

"ทำไมถึงได้เข้ามาอยู่ในห้องข้าเล่า"

"ท่านแม่คืนนี้ข้าขอนอนกับท่านนะขอรับ" หนิงอันลงจากเตียงมาเกาะขานาง หนิงเฉิงขมวดคิ้วคิดอยู่ก่อนแล้วจึงเดินลงมาทำเช่นเดียวกัน

"ข้าก็จะนอนด้วยขอรับ" นางลูบหัวเด็กน้อยทั้งสอง แต่เรื่องนี้นางตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องถามพ่อของเด็กน้อยก่อน

"เอ่ออ บิดาของพวกเจ้ายินยอมแล้วใช่หรือไม่" ทั้งคู่พยักหน้าราวไก่จิก แต่นางยังไม่วางใจจึงเดินออกไปถามเขา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ขอคุยได้หรือไม่" จ้าวหนิงหลงเดินมาเปิดประตู ซูหนี่ที่ยังไม่ตั้งตัวก็ตกใจจนถอยหลัง เพราะนางไม่ได้ยินเสียงเขาเดินมาเปิดประตูด้วยซ้ำ ตอนที่เขาเปิดประตูออกมานางกับเขาอยู่ใกล้กันเกินไป เขาจ้องหน้านางเหมือนจะสั่งให้พูดออกมา

"เฉิงเออร์กับอันเออร์จะนอนกับข้า เขาบอกท่าน อนุญาตแล้ว"

"อืม" เขาหันหลังเตรียมจะปิดประตูแต่ซูหนี่ดึงไว้เสียก่อน

"จ้าว หนิง หลง ข้ายังมีอีกเรื่องจะบอกท่านว่าข้าจะอยู่ที่นี่อีกเพียงแค่สามวันเท่านั้น หมดเรื่องของข้าแล้ว" นางกัดฟันเน้นย้ำชื่อเขา ซูหนี่หันหลังเดินเข้าห้องของนางไปทันที

นางก็ไม่ได้อยากจะอยู่ในบ้านของคนอื่น ในเมื่อเจ้าบ้านเขาก็ไม่ได้ยินยอมจะให้นางอยู่ ตอนนี้นางมีหนทางให้ไปแล้วนางก็ควรจะรีบจากไปเสีย เพราะการอยู่เช่นนี้ต่างฝ่ายต่างอึดอัดใจกันเปล่าๆ

จ้าวหนิงหลงไม่ได้พูดสิ่งใด แต่เขาก็ยังไม่ได้เขาห้องของตัวเองเช่นกัน เขายืนคิดอยู่หน้าประตูเช่นนั้น ตอนนี้นางทำดีกับบุตรทั้งสองแล้วจนเฉิงเออร์กับอันเออร์ติดนาง หากนางจะจากไปเช่นนี้เขาจะบอกบุตรชายอย่างไร หรือจะให้นางอยู่ต่อ

จ้าวหนิงหลงตกใจกับความคิดของตนเอง เขาคิดออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นตัวเขาที่อยากให้นางจากไปใจจะขาด แล้วนางจะไปก็ดีแล้วมิใช่หรือ จ้าวหนิงหลงปิดประตูห้องเขานั่งลงเพื่อทบทวนตำราเช่นทุกวัน แต่ตอนนี้เขาอ่านไม่รู้เรื่องเลยสักนิด เพราะคำที่นางบอกว่าอีกสามวันจะจากไป

ซูหนี่ปรับอารมณ์แล้วเขาไปในห้องเพื่อพาเด็กแฝดเข้านอน ทั้งคู่ให้นางนอนตรงกลางเพื่อจะได้กอดเขาทั้งสองคนได้ ทุกครั้งหากนางไม่ขึ้นเขาจะนอนกลางวันพร้อมทั้งสองเช่นนี้เสมอ

เด็กทั้งคู่เมื่อฟังนิทานจบได้สองเรื่องก็กอดนางหลับไปแล้ว ยังคงมีเพียงนางที่นอนมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย นางไม่รู้เรื่องในยุคนี้เลย หากออกไปซื้อเรือนแล้วจะขึ้นทะเบียนเรือนเช่นไร นางที่เป็นผู้หญิงอายุสิบเก้าหนาวคนเดียวจะใช้ชีวิตลำพังได้ไหม ร่างนี้พอได้กินของดีขึ้นมาเกือบเดือนก็เริ่มมีเนื้อมีหนัง รูปร่างหน้าตาจึงเหมือนนางจากโลกก่อนอย่างกับคนเดียวกัน

กว่านางจะข่มตาหลับก็เกือบค่อนคืน เช้านางจึงตื่นสายกว่าทุกวัน ซูหนี่รีบเตรียมอาหารเพื่อขึ้นเขาทันที นางพาเด็กทั้งสองล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ยกอาหารขึ้นโต๊ะ ครั้งนี้จ้าวหนิงหลงรั้งให้นางนั่งกินข้าวด้วยกัน

"ไม่เป็นไร ท่านกินเลย ข้าสายมากแล้วเดี๋ยวจะกลับมาไม่ทันทำอาหารเย็น"

"ท่านแม่นั่งกินข้าวกับพวกข้าก่อนนะขอรับ" หนิงอันเดินเข้ามาจับมือนาง หนิงเฉิงเห็นเช่นนั้นก็ลึกขึ้นมาดึงนางด้วยอีกคน แต่ที่ซูหนี่ไม่รู้เลยคือ จ้าวหนิงหลงส่งสายตาให้เด็กทั้งสองทำเช่นนี้

"ได้ได้ ประเดี๋ยวแม่ไปยกข้าวในครัวมาก่อน" นางรีบไปยกข้าวมาเพื่อที่จะได้รีบกินรีบขึ้นเขา

เมื่อจ้าวหนิงหลงยกตะเกียบทุกคนก็เริ่มลงมือกิน แต่วันนี้กว่าเขาจะยกตะเกียบขึ้นได้นางก็เริ่มจะนั่งไม่ติดแล้ว นางรีบกินอย่างรวดเร็วจนเกือบจะสำลัก จ้าวหนิงหลงรินน้ำส่งให้ซูหนี่

"ค่อยๆกิน เจ้าไม่อายลูกบ้างหรือไร" เขาช่วยตบหลังนางเบาๆ ซูหนี่เกร็งไปทั้งร่างกายนางหันไปถลึงตาใส่เขา นางก้มหน้ากินต่อ โดยยังไม่ทันเห็นว่าจ้าวหนิงหลงยกยิ้มที่มุมปาก แต่ก็เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น

ซูหนี่กินหมดนางก็ลุกขึ้นทันที แต่เฉิงเออร์ดึงมือนางไว้

"ท่านแม่ข้าขอไปด้วยได้หรือไม่"

"ไม่ได้" นางส่ายหัวทันทีโดยไม่ต้องคิด

"อันตรายเกินไปวันนี้สายเดินไปแล้ว ไว้วันหน้าแม่จะพาเจ้าไปด้วย อยู่บ้านเป็นเด็กดีนะลูก" นางลูบหัวหนิงเฉิงอย่างปลอบใจ หนิงอันเห็นเช่นนั้นจึงยื่นหัวให้นางลูบด้วย

"วันนี้ข้าจะไปด้วย" จ้าวหนิงหลงพูดขึ้น

"ไม่ได้ แล้วท่านจะปล่อยให้เด็กอยู่บ้านกันสองคนได้อย่างไร"

"เอาไปด้วย" จ้าวหนิงหลงพูดอย่างหน้าตาย ซูหนี่อยากจะกรีดร้อง วันนี้มันเป็นวันอะไรของนาง

"ข้าไม่ไปแล้ว พรุ่งนี้ข้าค่อยไป ยังไงก็ไม่ทันลงจากเขาก่อนมืดแน่" นางเก็บจานชามเข้าไปล้างในครัวอย่างหัวเสีย

จ้าวหนิงหลงมองตามไปอย่างได้ใจ เขารู้ว่านางต้องไปเจอของดีแน่ ไม่เช่นนั้นนางไม่กระตือรือร้นที่จะขึ้นเขาให้ได้ในวันนี้ ถึงจะสายขนาดนี้แล้วนางยังรั้นที่จะขึ้นให้ได้

ซูหนี่เปลี่ยนความคิด นางจะลองนำถั่งเช่าที่มีไปขายเสียก่อน หากได้ราคาดีค่อยไปขุดมาขายใหม่ หากเอาไปขายครั้งละน้อยๆน่าจะได้ราคาที่ดีกว่า นางจึงเดินไปดูถั่งเช่าที่ตากไว้ แดดดีๆพรุ่งนี้ก็คงจะแห้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel