บทที่ 6
เมื่อเด็กทั้งสองกินข้าวเสร็จแล้ว นางพาล้างหน้าบ้วนปากแล้วให้พวกเขามานอนกลางวันในห้องของนาง เด็กทั้งสองดีใจอย่างมากที่จะได้นอนกับนาง
หนิงเฉิงไม่ค่อยพูดเช่นเดียวกับบิดา แต่เขาก็แสดงออกให้นางเห็นว่าเขาพอใจที่นางทำให้เขาทุกอย่าง หนิงอันเป็นเด็กร่าเริงเขามักจะชวนนางพูดคุยทั้งยังออดอ้อนนางจนนางใจอ่อนยวบ นางนึกไปออกเลยหากวันใดที่นางต้องจากพวกเขาไปนางจะเสียใจแค่ไหน อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่คือสายเลือดของร่างนี้จึงทำให้ทั้งสามคนผูกพันกันอย่างรวดเร็ว
หากถึงวันนั้นจริงนางจะขอจ้าวหนิงหลงเพื่อดูแลเด็กทั้งสองคน เพราะเขาต้องเดินทางไปสอบที่เมืองหลวงอีก ยังไงเขาก็คือพระเอกของเรื่องเขาต้องสอบได้อยู่แล้ว ถึงตอนนั้นถ้าเขาได้เป็นเสนาบดีนางก็ยินดีที่จะส่งเด็กทั้งสองกลับคืนเขาไป แต่เรื่องนี้ยังไม่ถึงเวลารอให้ถึงเวลาก่อนค่อยว่ากัน
ระหว่างที่หนิงเฉิงกับหนิงอันนอนกลางวันนางก็ออกมาทำความสะอาดรอบบ้าน กว่าจะเสร็จก็ต้องทำอาหารเย็นพอดี เด็กๆตื่นมานางก็พามาล้างหน้าแล้วให้นั่งเล่นรอนางทำอาหารเย็น อาหารเย็นก็เหมือนกับอาหารกลางวันเพียงแต่เพิ่มไข่ตุ๋นให้เด็กทั้งสองเท่านั้น เมื่อมองอาหารพรุ่งนี้นางต้องขึ้นเขาอีกแล้ว ครั้งนี้นางจะจับไก่ป่ากลับมาให้ได้
นางเห็นธนูในห้องเก็บของไม่รู้ว่าของใครนางจะไปขอยืมกับหนิงหลงก่อน นางเคยเรียนการต่อสู้มาเล็กน้อย เรียนยิงธนู ยิงปืน เพื่อใช้ในการแสดง นางคิดว่า คิดว่านะคงจะใช้ยิงไก่ยิงกระต่ายได้สักตัว
"เอ่อ ข้าเห็นธนูในห้องเก็บของ พรุ่งนี้ข้าขอยืมได้หรือไม่" นางยกกับข้าวไปให้ทั้งสามจึงเอ่ยปากขอยืมขึ้นมา แต่เขายังเงียบเช่นเดิม
การพูดคุยกับเขาในแต่ละครั้งทำให้นางทั้งอึดอัดทั้งเบื่อหน่าย ในเมื่อเขาไม่พูดนางก็คิดว่าเขาคงให้นางใช้ได้ นางเดินไปกินข้าวในครัวอย่างหัวเสีย ต่อไปนี้นางจะไม่พูดอะไรกับเขาอีกเลย
คืนนี้เด็กทั้งสองขอนอนกับนาง ตัวนางแสนจะยินดี แต่หนิงหลงกับไม่ยินยอม นางจึงต้องส่งเด็กทั้งสองกลับห้องไป ไว้เขาเดินทางไปสอบจวี่เหริน นางก็ได้นอนกับเด็กๆแล้ว
เช้าวันแต่มาซูหนี่เข้าครัวเตรียมอาหารเสร็จก็ออกมาหยิบธนูตะกร้ามีดพร้าขึ้นเขาไป นางออกจากบ้านตั้งแต่ยังไม่สว่างเพราะนางจะเข้าไปลึกกว่าทุกครั้ง ครั้งนี้นางหวังอย่างมากเลยว่าจะได้ของดีติดมือมา
นางเดินเข้าไปเรื่อยๆเมื่อถึงจุดที่เคยเข้ามาแล้วก็เริ่มทำเครื่องหมายไว้จะได้จำได้ว่าเข้ามาทางไหน นางเลือกทางที่ชาวบ้านไม่ค่อยเข้ามา ครั้งนี้มีผลไม้ให้ได้เห็นบ้างแล้ว ผูเถา(องุ่น) เถาจึ(ลูกท้อ) ซื่อจึ(ลูกพลับ)
นางเก็บมาอย่างละไม่เยอะ เพราะจะให้ขนทั้งหมดลงไปก็คงไม่ไหว แล้วครั้งนี้นางอยากได้เนื้อกลับไป วันหน้าค่อยมาเก็บก็ยังได้ หากว่าเด็กๆชอบกิน นางก็จะขึ้นมาเก็บให้ทุกวัน เพราะตรงที่มีผลไม้ไม่ห่างจากทางแยกที่นางขึ้นมาประจำนัก
นางเดินไปอีกไม่ไกลก็เห็นไก่ป่าหลายตัว หากนางยิงธนูทันทีคงได้เพียงตัวเดียวแต่จะให้ทำอย่างไรได้ ดีกว่าไม่ได้เลย นางข้ามมิติมาไม่ได้มีพรวิเศษหรือมิติวิเศษมาด้วย มีแต่สมองกับสองมือเท่านั้น
นางเล็งธนูไปที่ตัวอ้วนที่สุดแล้วปล่อยลูกธนูของไป นางขึ้นลูกธนูใหม่ทันทีแล้วเล็งไปที่ตัวที่หนีไม่ไกลแล้วยิงออกไป สวรรค์ความแม่นของนางไม่เสียแรงที่ไปเรียนอยู่เกือบสองปี
ซูหนี่รีบวิ่งไปเก็บไก่ป่าทันที หากมีหลายตัวตรงนี้น่าจะมีรังของมันด้วย นางจึงเดินหาในพงหญ้าต่อ นางยังเจอไข่อีกเกือบยี่สิบใบ มีเนื้อมีไข่ ให้เด็กๆได้กินอีกหลายมื้อ นางเดินไปอีก เพราะคิดว่าหากได้อะไรสักหน่อยน่าจะนำไปขายได้
ทำไมนางถึงไม่เจอโสมหรือเห็ดหลินจืออย่างในนิยายเลยสักอย่าง เดินจนเหนื่อยจึงหยุดกินอะไรก่อน นางนำไข่ออกมาปิ้งสามฟอง เพียงเท่านี้นางก็อิ่มแล้วจะให้ย่างไก่กินคนเดียวก็ทำไม่ลง หากนึกถึงแววตาของเด็กทั้งสองที่รอนางกลับไปนางจึงรีบหาของต่ออีกเล็กน้อย
แล้วโชคก็เข้าข้างนาง ตอนที่นางเก็บเห็ดอยู่นั้น นางก็พบถั่งเช่า (หญ้าหนอน) หากไม่สังเกตให้ดีจะมองเห็นเป็นเพียงกิ่งไม้เล็กๆโผล่ขึ้นมาจากดินเท่านั้น นางค่อยๆขุดขึ้นมา ตรงที่นางพบมีมากนัก นางจึงต้องรีบขุดไม่เช่นนั้นกว่าจะได้ลงเขาคงมืดก่อนพอดี
ซูหนี่รีบเก็บทั้งหมดแล้วใช้ใบไม้ห่อไว้ใส่ไว้ด้านล่างสุดของตะกร้า เมื่อเพ็งมองดีดี ก็พบว่ายังมีอีกมาก นางจดจำเส้นทางไว้ ครั้งหน้าจะขึ้นมาเก็บอีก หากขายทั้งหมดนางคงตั้งตัวได้เสียที ขากลับลงจากเขานางอารมณ์ดีจึงร้องเพลงไปตลอดทาง ถึงบ้านก็ฟ้ามืดพอดี
เด็กทั้งสองยังคงนั่งรอเช่นเดิม นางจึงรีบเดินเข้าไปหา
"อากาศเย็นถึงเพียงนี้ทำไมไม่รออยู่ในเรือน" นางลูบหน้าทั้งสองคน เมื่อจับมือดูแล้วไม่ได้เย็นมากนางจึงพาพวกเขาไปนั่งรอในห้องโถงก่อน
"ข้ามารอท่านแม่" หนิงอินพูดขึ้น ซูหนี่ถึงกับสะอึก นางคิดจะไปจากพวกเขาอยู่ทุกวัน แต่ตอนนี้เด็กๆเรียกนางท่านแม่ ทำให้นางละอายใจเกินกว่าจะมองหน้าพวกเขาได้ จะบอกเช่นไรว่าแม่พวกเขาไม่อยู่เสียแล้ว เป็นนางที่แย่งชิงร่างของแม่พวกเขามา หากพวกเขารู้ยังจะพูดคุยกับนางเช่นเดิมอีกหรือเปล่า
ซูหนี่สลัดความคิดทั้งหมดออกแล้วเข้าครัวทำอาหารทันที นางต้มน้ำร้อนลวกไก่ ถอนขนแล้วล้างเอาเครื่องในออกมา นางเลือกเครื่องในที่กินได้เก็บไว้ แล้วนำที่เหลือไปห่อใบไม้ใส่ตะกร้าเก็บ พรุ่งนี้นางจะนำไส้ไปล่อให้ปลาเข้ามาในตะกร้า
นางแบ่งไก่ครึ่งตัวต้มน้ำแกงอีกครึ่งตัวนางนำไปย่าง นางผัดผักเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง หัวผักกาดสองหัวที่หน้าประตูห้องครัวไม่ยอมห่างจากนางเลย ขนาดนางพาไปส่งให้บิดาของเด็กตอนนี้ก็วิ่งมาหานางกันเสียแล้ว
กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยไปไกลหลายบ้าน ตอนนี้เลยเวลากินข้าวไปแล้วหากไม่นั่งคุยกันก็เข้านอนก็เสียแล้ว บ้านใครทำอาหารเวลานี้ย่อมโดนด่าเป็นธรรมดา แล้วยังเป็นกลิ่นเนื้อจะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไง ท้องเจ้ากรรมก็ส่งเสียงดังขึ้นมา จะนอนก็นอนไม่หลับ ทำได้เพียงแค่นึกถึงของกินแล้วมานอนเช็ดน้ำลายหลับไป
ซูหนี่ยกอาหารออกไปให้ทั้งสามตามปกติ นางมองเฉิงเออร์กับอันเออร์ ที่จ้องไก่ย่างจนน้ำลายไหล นางหัวเราะขึ้นแล้วลูบหัวเด็กทั้งสองก่อนจะหันหลังกลับไปกินส่วนของตนที่ในห้องครัว
"นั่งลงกินด้วยกัน" จ้าวหนิงหลงกล่าวขึ้นโดยไม่มองหน้านาง
ซูหนี่หันกลับไปมองแต่ไม่พูดสิ่งใด ในเมื่อคงจะอยู่อีกไม่กี่วันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจเขาอีก นางหันหลังกลับเอาเดินออกไปนั่งกินในห้องครัว จ้าวหนิงหลงโกรธที่นางไม่ฟังเขาจนมุมปากกระตุก
ฝาแฝดเงยหน้ารอคอยบิดายกตะเกียบอย่างคาดหวัง เขาเช็ดน้ำลายที่ไหลไปหลายรอบแล้ว แต่บิดาก็ยังไม่ยอมที่จะยกตะเกียบเสียที จ้าวหนิงหลงเห็นเช่นนั้นจึงยกตะเกียบขึ้นกินข้าวไปอย่างเงียบๆ