บทที่ 2
เธอกอดเข่าก้มหน้าลงร้องไห้อย่างหมดหวัง หากทะลุมิติมาจริงเธอจะใช้ชีวิตที่นี่ได้อย่างไร ซูหนี่ไม่รู้เลยว่าการกระทำทุกอย่างของเธออยู่ในสายตาของคนคนหนึ่ง
ซูหนี่ร้องไห้จนหลับไป เธอตื่นขึ้นอีกครั้งก็ดีดตัวลุกขึ้นมาจากที่นอน มองผ้าห่มหมอนอย่างนึกรังเกียจ ชีวิตดั่งเจ้าหญิงที่แสนสุขสบายต้องมาอยู่ในห้องนี้เธอได้แต่ถอนหายใจ
ตั้งแต่เล็กจนโตไปเรียนมีคนรถส่งตลอด มีพี่เลี้ยงดูแลทุกอย่างจนไปเรียนเป็นเชฟก็ไม่เคยลำบาก พอเป็นนักแสดงแม้จะเคยได้รับบทที่ต้องใช้ชีวิตในชนบท ทุกอย่างมีทีมงานจัดฉากขึ้นมาทั้งหมดจึงไม่ได้รู้สึกถึงความลำบากจริงๆ ต่อให้เข้าร่วมเกมโชว์ก็ไม่ได้เป็นถึงขั้นที่อยู่ในตอนนี้
ร่างนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ชื่ออะไร รู้เพียง ร่างกายที่ผอมบาง หากไปยืนที่ลมแรงๆคงจะปลิวไปตามลมเป็นแน่ มือขาวราวหยกแม้ไม่เห็นว่าหน้าตาเป็นเช่นไรก็คงจะพอดูได้อยู่ มือข้างที่โดนแก้วบาดเมื่อคืนยังเจ็บอยู่ดีที่แผลไม่ลึกนัก ทำให้เธอรู้อีกอย่างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือเรื่องจริง
"นางตายหรือยังท่านพ่อ" เสียงเด็กถามแบบนี้อีกแล้วหรือคนพวกนี้จะเป็นคนที่ช่วยชีวิตนางไว้
"นางยังไม่ตาย"
"ถ้า ถ้าเช่นนั้น นางจะตีพวกข้าหรือไม่ท่านพ่อ"เสียงเด็กอีกคนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกว่าหวาดกลัว
"หากนางทำอันใดพวกเจ้าอีก ข้าจะฆ่านางเอง"
ซูหนี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว นางไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่าอยู่ต่อไปไม่ได้ ชายคนนั้นคิดจะฆ่านางทิ้ง
แต่ตอนนี้เธอหิวมาก หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว พวกเขายังอยู่ข้างนอกเธอไม่กล้าที่จะออกไปหาอะไรกิน ได้แต่นั่งรอให้พวกเขาออกไปก่อนเท่านั้น หรือเธอจะเดินไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องไปเลย แต่ถ้าเธอบอกว่าเธอมาสิงร่างนี้อยู่เขาจะเผาเธอทั้งเป็นหรือไม่
กลัวก็กลัว หิวก็หิว จนรวบรวมความกล้าเปิดประตูออกไป ทั้งสามคนหันมามองที่ประตู
"เอ่ออ ขอยืมครัวได้ไหม" ซูหนี่เอ่ยถามขึ้น หากเขาให้เธอใช้ครัว ต่อไปเธอก็หาของมาคืนก็น่าจะได้
มีเพียงสายตาที่มองอย่างกดดันเท่านั้น แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เด็กน้อยทั้งสองคนเป็นฝาแฝดชาย ตัวผอมแห้งแต่หน้าตาน่ารักน่าชัง หลบอยู่ด้านหลังของชายคนนั้นโผล่เพียงส่วนหัวออกมามองเท่านั้น
"ไว้ฉัน เอ่อ ข้าจะหาของมาคืน" เมื่อเห็นเขายังเงียบเธอก็พูดขึ้นอีกครั้ง แต่เขายังคงเงียบ ในดวงตามีแต่ความรังเกียจที่ได้มองหน้าเธอ
ซูหนี่ไม่รู้จะทำเช่นไรเธอจึงหันหลังกลับเข้าห้องไป สายตาคู่นั้นมองตามอย่างแปลกใจ นางแปลกไปตั้งแต่เมื่อคืน หากเป็นทุกครั้งที่พวกเขากินข้าวกันนางจะเดินมานั่งแล้วแย่งอาหารที่เขาทำไว้แล้วไปกิน
ซูหนี่กลับไปนั่งบนเตียงเช่นเดิม เธอต้องทนหิวไปก่อนรอให้เขาออกไปเธอคิดว่าค่อยออกไปหาอะไรกินอีกครั้ง เมื่อท้องหิวสมองก็คิดอะไรไม่ออก ต้องกินให้อิ่มก่อนค่อยคิดที่จะทำอะไรต่อไป
แอ๊ดดดด เสียงเปิดประตู ชายคนนั้นโยนแผ่นแป้งมาที่ตัวนางสองแผ่นแล้วปิดประตูเสียงดังออกไป ซูหนี่อ้าปากจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ทัน เธอมองแผ่นแป้งบนเตียงอย่างรังเกียจ แต่ถึงยังไงก็ต้องกิน กินไปก็ไม่สบอารมณ์ไป จะให้ก็ไม่ให้ดีๆ ทำอย่างกับเธอเป็นขอทานไปได้ แต่ตอนนี้เธอก็เหมือนขอทานจริงๆ
หากจะไปจากที่นี่เธอต้องมีเงินก่อน แล้วจะหาเงินจากที่ไหน ถ้าตามนิยายก็ต้องขึ้นเขาเพื่อหาของป่าไปขาย แต่สภาพของเธอขึ้นเขาไปจะโดนสัตว์ป่าจับไปกินเสียมากกว่า เธอคิดไปค่อยๆกัดแผ่นแป้งไปด้วย
เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีคนมองเธอจากหน้าต่างของห้อง ซูหนี่ที่กินแผ่นแป้งหมดแล้วก็ลุกขึ้นจะไปหาน้ำกิน เธอรู้สึกว่ามีคนมองจึงหันไปดู แต่ไม่มีใคร เธอเปิดประตูห้องออกไปแล้วมองรอบๆเมื่อไม่มีใครอยู่แล้วจึงเดินไปที่ห้องครัว หาถ้วยเพื่อตักน้ำกิน แต่ครั้งนี้เธอตรวจดูแล้วไม่พบรอยบิ่นจึงกล้าใช้
เด็กน้อยสองคนแอบมองเธออยู่ เมื่อหันไปเด็กทั้งสองก็หลบ พอเธอหันไปอีกทางเด็กทั้งสองก็โผล่หน้ามามอง ทั้งสามทำเช่นนี้กันอยู่หลายรอบจนซูหนี่หัวเราะขึ้นมา เสียงหัวเราะของเธอใสกังวานจนเด็กน้อยก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
"นางหัวเราะด้วยท่านพี่ หรือนางสติไม่ดีไปแล้ว"
"คงจะเป็นเช่นนั้น"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกหน้าบ้าน
"พี่หลงอยู่หรือไม่เจ้าคะ เฉิงเออร์ อันเออร์ เปิดประตูให้น้าหน่อย" ซูหนี่หันไปมองที่ประตูหน้าบ้าน เธอไม่รู้ว่าควรออกไปเปิดหรือหลบออกไปก่อนดี
"น้าลี่อินท่านพ่อไม่อยู่ขอรับ"
เหมือนฟ้าผ่ากลางหัวของซูหนี่ ลี่อิน ลี่อิน นางเอกของเรื่องขุนนางยอดดวงใจ ใช่ไหม ถ้าใช่งั้นบุรุษที่นางมาหาคงจะเป็นจ้าวหนิงหลง เช่นนั้น เช่นนั้น เธอก็คือซูหนี่นางร้ายที่ใกล้จะตายแล้วสิ
ซูหนี่หน้าซีดใจสั่น ขออย่าให้เป็นเช่นที่นางคิดเลย นางรีบเดินกลับเข้าไปในห้อง ในซีรีส์ของนางซู หนี่ไม่มีลูก แล้วเด็กสองคนนั้นลูกใคร หากเป็นลูกนางจริง เช่นนั้นก็เธอก็คงไม่ต้องตายไปตามบทที่มีในซีรีส์ใช่หรือไม่
หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องคุยกับจ้าวหนิงหลงให้รู้เรื่อง ในเมื่อตอนนี้นางไม่ใช่ซูหนี่คนเดิมเขาคงจะไม่ฆ่าเธอแล้วปล่อยให้เธอไปใช้ชีวิตของเธอเอง หากจ้าวหนิงหลงกับ ลี่อินรักกันเช่นนั้นเธอก็ให้เขาหย่ากับเธอเสีย ทั้งคู่จะได้สมหวังกัน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอก็สงบสติแล้วรอให้จ้าวหนิงหลงกลับมาเพื่อตกลงกัน เธอจะขออยู่กลับเขาจนกว่าจะหาเงินได้เพื่อย้ายออกไป แต่ตอนนี้จะพูดอย่างไรให้เขายินยอมให้เธออาศัยอยู่ก่อน
ในเมื่อจะอยู่ต่อ เธอจึงขนของในห้องเพื่อออกไปซัก แล้วจัดการขยะทั้งหมดออกไปด้วย กว่าจะเก็บกวาดเรียบร้อยก็เล่นเอาเหงื่อไหลเลยทีเดียว
"เด็กน้อยต้องไปซักผ้าที่ไหนจ๊ะ" ซูหนี่ยิ้มหวานถามเด็กทั้งสองคน เธอพยายามยิ้มหวานเต็มทีเพื่อไม่ให้เด็กกลัว เพราะทั้งคู่ไม่อยากจะเข้าใกล้เธอ
"ท่านต้องไปซักผ้าที่ริมแม่น้ำ"
เด็กคนที่พูดน่าจะเป็นพี่ สายตาที่มองเธออย่างหวาดระแวงปกป้องน้องชายไว้ด้านหลัง ริมแม่น้ำอยู่ที่ใดนางก็ไม่รู้จัก ผงซักฟอกก็ไม่มี น้ำยาปรับผ้านุ่มก็ไม่มี ผ้าเหม็นขนาดนี้ต้องซักน้ำเปล่านานแค่ไหนถึงจะหมดกลิ่น
"พวกเจ้าชื่ออะไรกัน แล้วพาข้าไปที่ริมแม่น้ำได้หรือไม่" นางพูดตามบทจีนโบราณที่เคยได้รับมาอย่างคล่องแคล่ว แต่เด็กทั้งสองมองด้วยสายตาแปลกๆ ยอมบอกว่าริมแม่น้ำอยู่ไหนแต่ไม่ยอมที่จะพาไป เธอก็ไม่ได้บังคับแต่ก็ขนของทั้งหมดไปเอง