บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

"คุณซูหนี่ คิดยังไงคะที่รับบทบาทนี้" นักข่าวสัมภาษณ์เธอ

"ยินดีมากเลยค่ะ ที่คุณหม่า เลือกฉัน ถึงบทจะออกมาได้กี่ตอน แต่ฉันอยากให้ทุกคนได้ติดตามนะคะ ครั้งนี้ฉันร้ายมากเลยค่ะ" เธอสัมภาษณ์ไปหัวเราะยิ้มแย้มไป รอยยิ้มของเธอไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตรึงใจทุกคนได้

ชีวิตในวงการของเธอ เธอแสดงมาทุกบทแล้ว แต่ที่ยอมมาเล่นเพียงไม่กี่ตอนในเรื่องนี้เพราะคุณหม่าผู้กำกับมือทองที่ยื่นโอกาสในครั้งแรกให้เธอจนมีทุกวันนี้ เมื่อเขาส่งบทมาให้เธอจึงตอบรับทันที

ซูหนี่เป็นคนที่ทำงานด้วยง่ายไม่ว่าจะเป็นช่างแต่งหน้าหรือคนดูแลล้วนชื่นชอบเธอทั้งนั้น วันไหนเธอว่างมักจะออกไปเดินที่ตลาดสดเพื่อซื้อของมาทำอาหาร นี่คืออีกอย่างที่เธอทำได้ดีรองลงมาจากการแสดง

เธอเรียนจบด้านเชฟมาโดยตรง ตอนแรกเธอเปิดร้านอาหาร ร้านอาหารของเธอนั้นขายดีจนมีชื่อเสียง ดารา อินฟลูเอนเซอร์ล้วนแล้วแต่เข้ามาถ่ายทำ เธอจึงมักได้ออกหน้าโซเซียลเป็นประจำ จนไปเข้าตาผู้กำกับเม่า เขาเรียกเธอมาลองแสดงให้ดู หลังจากนั้นมาเธอจึงได้รับโอกาสอีกมากมาย

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอมาเลือกซื้อของเพื่อนำกลับไปทำอาหารเอง อีกอย่างเธออยากจะลองเช็คความนิยมจากบทบาทล่าสุดที่เธอได้รับอีกด้วย เสียงชื่นชมจากแม่ค้าที่สนิทกันดังไม่ขาดระยะ แต่ก็มีแม่ค้าที่เจ้าถึงอารมณ์เกินไปด่าทอ เมื่อนึกไปถึงความร้ายกาจในบทของเธอ

"โอ๊ยยยย ยังมีหน้ามาเดินตลาดอีกนะนังซูหนี่" เธอชะงักไปแล้วหันไปยิ้มหวาน

"คุณป้าด่าฉันหรือด่าซูหนี่บทที่ฉันแสดงคะ" เธอถามกลับด้วยรอยยิ้ม เธอภูมิใจที่คนดูโมโหเช่นนี้ เพราะแสดงว่าเธอแสดงได้ถึงบทบาท

"ยังมีหน้ามาถาม แย่งผู้ชายของลี่อินแล้วยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาอยู่อีกหร๊ออ" หน้าของเธอเริ่มจะยิ้มไม่ไหวแล้ว

"คุณป้าค่ะ นั่นคือการแสดงนะคะ แต่ฉันดีใจนะคะที่คุณป้าชอบ"

"ใครจะไปชอบแกลงร้ายขนาดนั้น" คุณป้าไม่ได้พูดเปล่า แต่หยิบไข่ไก่ปาใส่เธอด้วย

"ว๊ายยย คุณป้าหยุดก่อนค่ะ" จากนั้นแม่ค้าคนอื่นก็ช่วยห้ามทั้งยังให้เธอหลบออกไปก่อน

ซูหนี่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกครั้งก็มีเสียงด่าทอบ้างแต่ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือแบบนี้ เธออับอายจนต้องรีบวิ่งไปที่รถ แต่เธอมัวแต่หันหลังกลับไปมองว่าป้าคนนั้นยังตามเธอมาหรือเปล่าจนไม่ได้มองทางข้างหน้า

รถส่งของวิ่งมาด้วยความเร็วจึงทำให้ซูหนี่โดนชนอย่างแรง หลังจากนั้นเธอก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย

"ท่านพี่นางตายแล้วหรือยัง"

"คงตายแล้ว ข้าเรียกนางแล้วไม่เห็นนางจะขยับตัวเลย"

"เช่นนั้น เช่นนั้น พวกเราจะไม่ถูกตีแล้วใช่หรือไม่ท่านพี่"

"ใช่ รอให้ท่านพ่อกลับมาจัดการกลับนางเถิด"

'เสียงเด็กที่ไหน แล้วใครปล่อยให้เด็กเข้ามาในห้องพักของเธอ'

ซูหนี่ที่เจ็บปวดไปทั้งตัว ลืมตาไม่ขึ้น เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอโดนรถชน ตอนนี้เธอคงอยู่ในโรงพยาบาลสักแห่ง แต่ทำไมพยาบาลถึงปล่อยให้เด็กเล็กเข้ามาในห้องพักของเธอได้ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว เธอจึงนอนต่อ

"ท่านพ่อ นางตายแล้วใช่หรือไม่ขอรับ" เสียงเด็กชายรอคำตอบอย่างมีความหวัง

"นางยังไม่ตาย พวกเจ้าไม่ต้องไปสนใจนาง ปล่อยนางไว้เช่นนั้น" เสียงบุรุษเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

ซูหนี่รู้สึกตัวอีกครั้งภายในห้องก็มืดมิดแล้ว นางพยายามลืมตาขึ้นมา กว่าจะทำให้สายตาคุ้นชินก็นานเกือบครึ่งชั่วโมง 'โรงพยาบาลจะประหยัดไปไหน แม้แต่ไฟสักดวงก็ไม่เปิด'

กลิ่นเหม็นหืนลอยเข้าจมูก เสื้อผ้าที่เธอใส่ก็ดูไม่สบายตัว เธอคลำหาโทรศัพท์ที่มักจะติดตัวอยู่เสมอ โรงพยาบาลนี้ทำไมหมอนแข็งแบบนี้ ไหนจะเตียงไม้นี้อีก ฟูกรองนอนก็บางจนเธอปวดหลังไปหมด เธอหิวน้ำจึงคลำไปมั่วไปหมด

"ไม่ใช่แล้ว"

ซูหนี่มองไปรอบๆตัว นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแต่มันคือที่ไหน เธอเริ่มกลัวขึ้นมา เธอลงจากเตียงแล้วเปิดประตูออกไปด้านนอก อาศัยแสงไฟมองไปรอบๆตัว เธออยู่ในกระท่อมที่ไหน

ซูหนี่เดินออกไปนอกบ้าน ด้านหลังมีห้องครัวอยู่ในโอ่งยังมีน้ำเธอไม่รู้ว่าน้ำในนี้ไว้ใช้ทำอะไรแต่ตอนนี้เธอหิวน้ำจนทนไม่ไหวแล้ว เมื่อหาแก้วได้เฮก็ตักน้ำในโอ่งดื่มทันทีโดยไม่ได้ระวังเลยว่าแก้วที่ใช้เป็นอย่างไร ขอบแก้วที่บิ่นบาดเข้ากับปากของเธอ

"โอ๊ยยย เจ็บชะมัด" เธอจับปากจึงได้รู้ว่ามีเลือดไหลออกมา

"เจ้าทำอันใด"

เสียงตวาดเหมือนฟ้าผ่า ทำให้เธอสะดุ้งตกใจ จนถอยหลังหนีทันที ซูหนี่ชนเข้ากับโอ่งจนล้มลงไป แก้วในมือก็หล่นแตกจนบาดเข้ากับมือของเธอ

เจ็บ เธอเจ็บจนน้ำตาคลอ ไม่ได้ฝัน เธอไม่ได้ฝันอยู่แล้วนี่เธออยู่ที่ไหน ผู้ชายที่ยืนอยู่มองมาเหมือนอยากจะเอาชีวิต รอบข้างที่มองยังไงก็ไม่คุ้นตา เหมือนจะอยู่ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญที่ไหนสักแห่ง แสงไฟไม่มีมีแค่แสงจากดวงจันทร์

เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ตลกแล้ว ความกลัวปรากฏในดวงตา เธอไม่สนปากที่แตกกับมือที่โดนแก้วบาด เธอลุกขึ้นโดยไม่สนใจชายคนนั้น เธอรู้สึกแค่ว่าต้องหาทางไปจากที่นี่ให้ได้ วิ่งออกไปเท่านั้น ออกไปหารถกลับบ้าน เมื่อคิดได้เธอก็วิ่งออกไป

ด้านนอกไม่มีแสงไฟให้มองเห็นถนนเป็นดินลูกรัง ไม่ใช่ปูนซีเมนต์ รอบด้านที่เธอออกมาจากบ้านแล้วมองไปรอบๆ เป็นบ้านดินที่มุงด้วยหญ้าคาด้านบน มีหลังที่ดีหน่อยก็เป็นหลังคากระเบื้อง บ้านแต่ละหลังไม่ได้ติดกัน

"เป็นไปไม่ได้"

ซูหนี่ที่ไม่รู้จะไปทางไหน ทรุดนั่งลงกับพื้น เธอไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน แล้วจะไปทางไหนต่อ เธอหวาดกลัวไปเสียทุกอย่าง สิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยมีมา

"เป็นบ้าอันใดของเจ้า" เสียงผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว เธอไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่สัญชาตญาณทำให้เธอถอยไปข้างหลัง เมื่อเห็นการแต่งตัวของเขา ชุดโบราณ!!!

"คุณคือใครคะ ที่นี่ที่ไหน ฉัน ฉันมาอยู่นี่ได้ไง" ซูหนี่กลัวจนน้ำตาจะไหลออกมาแล้ว เสียงของเธอสั่นจนควบคุมไม่อยู่

"พูดอันใดของเจ้า เลิกเสแสร้งเสียที หากยังไม่เข้ามาก็ไสหัวไปได้แล้ว" เขาเดินหันหลังจากไป

แล้วเธอจะต้องทำยังไงต่อไป กลับเข้าไปในบ้านหลังนั้นหรือเดินไปตามทางเรื่อย ๆ เมื่อนั่งคิดจนได้สติอากาศที่หนาวเหน็บทำให้เธอเดินกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง เช้าเมื่อไหร่ค่อยคิดอีกที

ซูหนี่กลับเข้ามาในบ้านก็ไม่เห็นชายคนนั้นแล้ว เธอเดินกลับไปที่โอ่งน้ำเพื่อล้างเลือดในมือ แล้วล้างหน้าเพื่อให้มีสติ น้ำเย็นทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว ตอนแรกเพราะตกใจมากเกินไปจึงไม่ได้ดูเลยว่าตอนนี้เสื้อผ้าที่ใส่เป็นแบบโบราณชั้น ไม่มีเสื้อคลุม เสื้อผ้าที่ใส่ก็บาง

เธออยากอาบน้ำมากตอนนี้จึงเดินสำรวจหาห้องน้ำ แต่น้ำเย็นเกินไป เธอจึงกลับไปที่ห้องหาผ้ามาชุบน้ำเพื่อเช็ดตัวเท่านั้น ในห้องมีแต่กลิ่นอับ ข้าวของเกะกะไปหมด เมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็เก็บของที่พื้นให้เดินไปสะดวก ในเตียงผ้าห่มที่เหม็นอับเกินไป หมอนที่เหม็นหื่นเธอทำใจนอนต่อไปลงอีกแล้ว

ซูหนี่นั่งกอดเข่าแล้วคิดถึงเรื่องราวต่างๆ แต่ไม่มีเหตุการณ์ไหนที่จะทำให้เธอมาอยู่ตรงนี่ได้เลย เธอนึกถึงซีรีส์ที่เคยแสดง ข้ามมิติ วิญญาณเข้าสิงร่างคนอื่น แล้วทำไมไม่มีความทรงจำเก่าเลย หากเป็นเช่นนั้นเธอจะทำอย่างไรต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel