ตอนที่ 5
อวี้เหลียน
เจ้าคนผู้นี้ข้าจะดัดนิสัยก้าวให้เสร็จสิ้น ให้ตัวของเจ้าเป็นผู้เป็นคนใหม่ ข้าหันไปเรียกสาวใช้ประจำกายให้ไปนำหนังสือที่ข้าได้คัดแยกออกมาจากห้องหนังสือเพื่อเอาไว้ให้ฟางเทียนเจ๋ออ่านและเขียนในวันนี้
"คุณชายฟางห้ามาแล้วขอรับ"
"ในเมื่อมาแล้ว เจ้าเห็นสนามฝึกนั่นหรือไม่ไปวิ่งรอบสนาม 50 รอบ และพวกเจ้านับจำนวนที่เขาวิ่งด้วยห้ามโกหกข้าเป็นอันขาดไม่เช่นนั้นข้าจัดการพบเจ้า"
"ได้ขอรับ"
"แต่ว่า..."
"ฟางเทียนเจ๋อ หากเจ้ายังไม่รีบอาหารเช้าของเจ้าจะถูกเปลี่ยนเป็นอาหารเที่ยงทันทีเข้าใจสิ่งที่ข้าพูดหรือไม่"
"ได้ๆ ถ้าจะทำตามคำพูดของเจ้า"
พูดคุยกับข้าได้เพียงไม่นานก็หันไปสั่งบ่าวไพร่คนรับใช้คนสนิททันทีท่านั่งจิบชามองดูบัญชีรายรับรายจ่ายของเดือน รายรับ-รายจ่ายบัญชีของเรือนฟางเทียนเจ๋อ มีแต่รายจ่ายออกไปจนบัญชีจะติดลบอยู่แล้วไม่รู้ว่าจะซื้อของไร้สาระพวกนี้ไปทำไม ข้าจึงจัดการลงมือเขียนสิ่งของไร้ประโยชน์ลงในกระดาษทำอยู่นานนับแล้วดูเหมือนจะประมาณ 200 กว่ารายการ มันน่านักเชียว เป็นถึงลูกหลานตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊ อย่างแม่ทัพฟาง กลับมีลูกไร้สาระเช่นนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
"ไปนำของพวกนี้ที่อยู่ในคลังสมบัติของคุณชายฟางมากองไว้ตรงหน้าข้า"
"เจ้าค่ะฮูหยิน"
"ก่อนจะไปเอาแม่นมเหลียง ไปด้วยนะบ่าวรับใช้ไป 5-6 คนไปช่วยกันขนของมาที่นี่"
"บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ"
หลังจากสาวใช้เดินเร่งรีบออกไป บ่าวรับใช้ประจำกายของคุณชายฟางก็เดินมา
"เรียนฮูหยินน้อย ตอนนี้คุณชายฟางวิ่งครบแล้วขอรับ"
"นำถุงทรายพวกนี้ไปมาที่ขาของเขา กับแขนของเขาข้างละ 5 ถุง"
"บ่าวขอเรียนถาม เอาไปมัดทั้งแขนทั้งขาของคุณชายทำไมหรือขอรับ"
"คุณชายของเจ้าเป็นคนอ่อนแรงไม่มีพละกำลังถ้าจะเสริมพละกำลังให้กับเขาเท่านั้นเอง"
"อย่างนี้นี่เองบ่ายทราบแล้วขอรับบ่ายจะรีบจัดการให้"
เพียงไม่นานสิ่งของที่ข้าสั่งมาก็มากองไว้ตรงหน้านับจำนวนแล้วครบตามที่เขียนเอาไว้ สิ่งของไร้สาระพวกนี้สมควรที่จะนำไปขายเพื่อเก็บเป็นเงินเอาไว้ใส่ในคลัง มากกว่าที่จะซื้อเป็นสิ่งของที่ไร้ประโยชน์แบบนี้
"ไม่ทราบว่าฮูหยินน้อยจะเอาของเหล่านี้ไปทำอะไรหรือเจ้าคะ"
"แม่นมถามได้ถูกจุดของพวกนี้ไร้ประโยชน์ยิ่งนักข้าจะนำไปขายเพื่อนำเงินเข้ามาบำรุงจวนและเก็บเข้าคลังเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น"
"แต่ว่าเบี้ยของคุณชายก็มีเยอะอยู่นะเจ้าคะเหตุใดถึงต้อง..."
"ข้าจะเอาไปขายเพราะเขาจะได้ไม่สนใจของพวกนี้แล้วจะได้สนใจการเรียนมากขึ้นเขาจะได้มีเวลาอ่านหนังสือ"
"เพื่อเตรียมสอบเข้าสำนักบัณฑิตเมื่อไม่มีของพวกนี้เขาจะได้ตั้งใจเรียน และอีกอย่างหนึ่งของพวกนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อเขาขายได้ก็ขาย"
"เจ้านำของเหล่านี้ไปขายนำเงินเข้าบัญชีคลังของคุณชายฟางก่อนจะเอาเข้าบัญชีให้คนที่เอาไปขายเขียนใบจำนวนเงินเอาไว้ให้ข้าด้วยไม่เช่นนั้นจะได้รู้ ว่าไม่มีการทุจริตกันเกิดขึ้น"
"บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะจะรีบดำเนินการจัดการให้"
"ขอบคุณแม่นมที่เป็นธุระจัดการให้กับข้า"
"ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะป้าจะรีบจัดการให้ไม่เกินตอนเย็น รู้ผลแน่นอนเจ้าค่ะ"
"ขอบคุณแม่นมมากท่านไปพักผ่อนเถอะ"
หลังจากที่แม่นมนำคนย้ายของออกไปขายตามที่ข้าได้สั่งการเอาไว้ 1 ชั่วยามต่อมาฟางเทียนเจ๋อก็เดินอย่างกระหืดกระหอบมาหาข้า เสารับใช้นำน้ำชาส่งให้กับคุณชายของตนอย่างเร่งรีบ
"ข้าออกกำลังกายแล้วถ้าไปเล่นได้ใช่หรือไม่"
"เจ้าจะไปเล่นที่ไหนกัน"
"คลังสมบัติของข้ามีของเล่นมากมายถ้าซื้อมาตั้งเยอะตั้งแยะไม่มีอันใดที่ข้าจะเล่นไม่ได้"
"ข้าต้องกล่าวคำพูดที่ขัดใจต่อเจ้าของพวกนั้นถ้าได้ขายทิ้งหมดแล้วตอนเย็นคนจะนำเงินมาให้ข้า เพื่อที่จะนำเงินเข้าคลัง"
"จะ เจ้าว่าอะไรนะ"
"ของในคลังพวกนั้นขายหมดแล้ว"
"เหตุใดเจ้าถึงจะขายหมดเช่นนั้นข้าจะไปเอาคืน"
"เจ้ากล้าหรือ"
"ข้าสะสมเอาไว้เจ้าจะขายของข้าได้อย่างไร"
"ข้าขายไปแล้ว สิ่งของพวกนี้ทำให้เจ้ายึดติดกับพวกมันเจ้าต้องตัดใจและปลงตก และตั้งใจร่ำเรียนวิชาหาความรู้และสอบเข้าสำนักบัณฑิตให้ได้ถ้าสอบได้ข้าจะซื้อให้เจ้า 1 ชิ้น ดีหรือไม่"
"ไม่เอาข้าจะเอาของข้าคืน"
"ดีถ้าเจ้ากล้าออกไปจากจวนนี้แม้แต่ก้าวเดียวถ้าจะหักขาเจ้าให้เดินไม่ได้ ให้เจ้ากลายเป็นคนพิการดีหรือไม่เคยสัญญากับข้าไว้ถ้าข้าพูดหรือทำสิ่งใดเจ้าต้องทำตามสิ่งนั้นเจ้าอย่าลืมคำสัญญาของเจ้าที่ให้ข้าเอาไว้"
"ของเหล่านั้นมีคนให้มาเป็นของแทนใจขายไม่ได้"
"คนรักของเจ้าหรือที่มอบของเหล่านี้ให้กับเจ้า"
"ใช่"
"แล้วนี่ใช่ถุงหอมที่เจ้าต้องการหรือไม่"
ข้ายกถุงหอมที่เย็บปักอย่างปราณีตก่อนจะส่งให้อีกฝ่ายได้ดูเต็มตาน่าแปลกใจที่เขานำของเหล่านี้เก็บเอาไว้ในคลังสมบัติของเขาแม้กระทั่งภาพเขียนที่ไม่ได้ดูงดงามอะไรเลย เขากลับเอาเก็บไว้ในคลังสมบัติบ่งบอกว่าเขารักและห่วงแหนสิ่งของสิ่งนี้มาก
"ฮูหยิน เจ้าเป็นภรรยาข้าเจ้าจะขายจะเอาอะไรก็ได้แต่ว่า ของที่มันอยู่ในคลังของข้ายอมเป็นสมบัติของข้าข้าขอร้องอย่าแตะต้องมันอีกเลย อันที่ขายไปแล้วก็ขายไปแต่ของที่อยู่ตรงนี้ห้ามขายเด็ดขาด"
"ข้าขอถาม ถ้าเจ้ายังรักใคร่สตรีผู้นี้เหตุใดต้องมาแต่งงานกับข้าไม่แต่งงานกับนาง หรือว่านางแต่งให้กับบุรุษผู้อื่น"
"นางยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนกับใคร เป็นเพราะข้าเองที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะแต่งกับนาง"
"แต่เจ้ามีคุณสมบัติที่จะแต่งงานกับสตรียากจนเช่นข้า เจ้ารักนางมากงั้นหรือ"
"ข้ารักนาง"
"เป็นเช่นนี้คงไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด เสี่ยวปิง ไปบอกแม่นม ไม่ต้องขายอีกแล้วนำกลับมาให้หมด เอากลับไปเก็บที่เดิม ส่วนค่าแรงคนข้าจะจ่ายให้ เก็บเอาไว้ที่เดิม ห้ามโยกย้ายไปที่ใดอีก ปิดคลังสมบัตินั้นซะ แล้วคืนกุญแจที่ข้ามีให้กับเขา"
เจ้าโกรธข้างั้นหรือ
"มีสิ่งใดที่ต้องโกรธ สามีของข้ายังรักใคร่สตรีผู้อื่นอยู่ มีสิ่งใดที่น่าขัน มีสิ่งใดที่น่าหัวเราะ แล้วมีสิ่งใดที่น่าเศร้าน่าโกรธหรือไม่มีหรอก เอาเถอะตัดใจไม่ได้ก็คือตัดใจไม่ได้ ข้าไม่ถามมากความแล้วของของเจ้า ข้าจะไม่แตะต้องอีก"
เกิดเป็นมนุษย์ ความคิดความรู้สึกยากแท้หยั่งถึงยิ่งนัก ปากบอกว่ารักคนใหม่สามารถเริ่มต้นกับคนใหม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้ลืมคนเก่าเลยแม้แต่น้อย ชีวิตของมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ สัจธรรมของมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ไม่อาจปล่อยวางจากสิ่งที่ไม่สามารถครอบครองได้