chapter 1
หลิวเสี่ยวตง ทนายความหนุ่มที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่ไม่มีผลงานโดดเด่นที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เขาได้ทำงานเป็นทนายความมาหลายปีแล้วหลังจากเรียนจบ แต่ยังไม่สามารถนับได้ว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เพราะคดีที่เขาทำนั้นเป็นเพียงคดีเล็ก ๆ
ชายหนุ่มหน้าคม ผิวขาวนั่งหน้าโต๊ะทำงาน ตาเรียวเล็กภายใต้กรอบแว่นสี่เหลี่ยมจ้องไปยังเอกสารที่อยู่ในมือ ทนายความหนุ่มพยายามอย่างหนักเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการพิจารณาคดีที่จะกำหนดชะตากรรมของลูกความเขา
ลูกความของเขาชื่อมู่ลี่เป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง มู่ลี่ต้องการฟ้องหย่าสามี เพื่อขอค่าชดเชยและเงินเลี้ยงดูลูก เธอเข้ามาที่สำนักงานกฎหมายแห่งนี้เพื่อปรึกษาทนายเรื่องการฟ้องหย่า
มีจดหมายปริศนาส่งมาหาเธอที่บ้าน ข้างในนั้นเป็นรูปของสามีเธอกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมีเพศสัมพันธ์กัน โดยที่เธอไม่เห็นหน้าว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และแม้จะจ้างนักสืบตามสามีแล้ว แต่เธอกลับไม่พบว่าเขาแวะไปหาผู้หญิงที่ไหน ปัญหาของลูกความเขาตอนนี้คือยังจับชู้ของสามีไม่ได้
หลิวเสี่ยวตงอ่านเอกสารกองโตที่เขาได้มา ในนั้นยังไม่มีส่วนไหนที่จะเป็นประโยชน์กับคดี และทำให้ลูกความของเขาชนะคดีได้เลย ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความสิ้นหวัง สุดท้ายเขาจึงถอดแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมออกวางไว้ข้างโต๊ะ แล้วใบหน้าคมก็ฟุบลงกับโต๊ะทำงาน
“เสี่ยวตงกลับบ้านได้แล้ว” ทนายความรุ่นพี่ซึ่งนั่งโต๊ะข้างกันสะกิดไหล่เขา เมื่อเห็นชายหนุ่มฟุบอยู่ทั้งที่เข็มนาฬิกาบอกเวลาเลิกงานแล้ว
ใบหน้าคมที่ฟุบลงกับโต๊ะเงยหน้าขึ้นสบตาทนายความสาวรุ่นพี่
“พี่จื่อซีกลับก่อนเถอะ”
ผู้หญิงผมหยิก วัยสี่สิบปีสวมแว่นสี่เหลี่ยมกรอบหนาส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เมื่อเห็นท่าทางของรุ่นน้อง ดูท่าว่าคดีนี้จะแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ แต่กระนั้นเธอก็ยังพยายามปลอบใจอีกฝ่าย
“ทำใจให้สบายเถอะ เราแค่ทำเต็มที่ก็พอแล้วอย่าไปคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา” จื่อซีตบไหล่รุ่นน้องเบา ๆ แล้วเดินออกไปจากสำนักงาน ทิ้งคนสิ้นหวังมองตามเธอจนลับสายตา
หลิวเสี่ยวตงถือกระเป๋าเอกสาร ขณะเดินไปตามท้องถนน ในใจอดคิดไม่ได้ว่าบางทีเขาอาจจะไม่เหมาะกับอาชีพทนายความเลยจริง ๆ
ถ้าเขาไม่สามารถช่วยเหลือลูกความได้ แล้วเขาจะทำอาชีพนี้ไปทำไม ยิ่งคิดแบบนี้ก็ยิ่งเศร้า ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าตอนนี้มืดมากแล้ว แต่เขาไม่อยากกลับบ้านเลย
หลิวเสี่ยวตงนั่งรถไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งรถประจำทางมาจอดที่ป้ายหนึ่งแล้วคนลงหมด เขาจึงตัดสินใจลงจากรถไปด้วย ถนนสายนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนที่คึกคักไปด้วยผู้คน
ถนนในเมืองเต็มไปด้วยผู้คนที่ดูมีชีวิตชีวาแตกต่างจากอารมณ์ของเขาในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มหันมองแสงสี และป้ายไฟของบาร์และคลับนับไม่ถ้วน แล้วเขาก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่คนอย่างเขาไม่เคยคิดจะลองเลยสักครั้งในชีวิต ชายหนุ่มเดินเข้าไปในผับที่อยู่ขวามือของเขา นึกอยากลองใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงดูบ้างเผื่อว่าความเบื่อหน่ายจำเจที่มีอยู่ในใจตอนนี้จะลดลง เมื่อคิดดังนั้นหลิวเสี่ยวตงที่สวมชุดสูทสีดำดูไม่เข้ากับสถานที่เลยสักนิดจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
หลิวเสี่ยวตงรู้สึกว่าตัวเองเลือกร้านไม่ผิดเมื่อเดินเข้าไปข้างใน ผับแห่งนี้มีบรรยากาศสบาย ๆ แสงไฟสลัว ๆ ดนตรีที่เล่นภายในผับก็ไม่ให้ความรู้สึกหนวกหูอย่างที่เขาเคยจินตนาการ ชายหนุ่มเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะกลมขนาดเล็กแล้วรอพนักงานมาแนะนำเมนูเครื่องดื่ม
อีกมุมหนึ่งของร้าน
เฉินเจียอีกระดกเหล้าในแก้วเข้าปากเมื่อเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับบรรยากาศในค่ำคืนนี้ ปกติเธอไม่ชอบท่องเที่ยวยามค่ำคืนเพราะลำพังการได้ยินเสียงที่ตัวเองไม่อยากได้ยินทุกวันเพียงแค่มือไปสัมผัสกับมือคนอื่นก็หนวกหูมากพอแล้ว การที่เธอยังพาตัวเองมานั่งในสถานที่เสียงดังแบบนี้อีกจึงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเลยสักนิด แต่เธอจะทำอย่างไรได้ เมื่อเพื่อนของเธอซึ่งไม่ได้เจอกันมานานนัดเจอกันที่นี่
“ปกติคุณผู้หญิงชอบเครื่องดื่มแบบไหนครับ”
พนักงานของร้านยังคงกวนเธอแบบไม่จบไม่สิ้น ไม่ยอมให้เธอได้อยู่เงียบ ๆ ใบหน้าสวยเบือนไปอีกด้านด้วยความเบื่อหน่าย แล้วก็ได้เห็นหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสูทสีอึมครึมนั่งกระดกเหล้าที่มุมหนึ่งของร้าน เขาดูแตกต่าง ดูโดดเดี่ยว และดูไม่สนใจโลกภายนอก