บทที่ 7 คุณหนู
“จะว่าแต่แกคิดไม่ออกเลย ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ฉันไปอาบน้ำดีกว่า” หล่อนวางตุ๊กตาลงบนเตียงจ้องมองดวงตาใสซื่อนั้นอีกครั้ง รอยยิ้มที่ส่งให้โอชิชั่งจืดชืดเสียเหลือเกิน
ร่างบางยืนนิ่งอยู่ข้างอ่างน้ำ ดวงตาคู่สวยหลุบลงมองสายน้ำไหลวนในอ่างสีขาวสะอาด
พาขวัญตั้งใจผสมน้ำอาบเองไม่รอให้สาวใช้เข้ามาทำหน้าที่ที่เคยทำ
หญิงสาวก้าวลงสู่อ่างอาบน้ำช้าๆ เรือนร่างงดงามแทรกผ่านฟองสีขาวลงรับสัมผัสกับความเย็น
ฉ่ำของน้ำ พาขวัญคลี่ยิ้มการที่หล่อนได้ทำอะไรด้วยตัวเองบ้างมันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง หญิงสาวใช้เวลากับการอาบน้ำนานกว่าทุกครั้ง หล่อนพยายามยืดเวลาให้สมองหาทางออกในการเจรจากับมารดาได้สำเร็จ แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก
คุณหญิงดวงกมลกลับเข้าบ้านหลังจากรัฐมนตรีอรรถพลกลับมาถึงได้เพียงครู่เดียว คุณหญิงแปลกใจที่เห็นสามีเดินอยู่ในเรือนกล้วยไม้หน้าบ้าน หล่อนไม่แวะทักทายเขาเดินเลยเข้าบ้านเพราะรู้สึกอยากอาบน้ำมากกว่าสิ่งใด วิไลเดินประคองถาดใส่แก้วน้ำส้มคั้นตรงมา
“คุณหนูอยู่ไหน” แม้ว่าจะรีบร้อนอย่างไรคุณหญิงก็ไม่เคยละความสนใจในเรื่องของลูกสาว หล่อนถามหาพาขวัญกับวิไล
“อยู่บนห้องค่ะ” วิไลตอบคุณผู้หญิงของบ้านแล้วรอรับคำสั่ง
“เอาน้ำส้มไปให้คุณหนู ฉันไม่ดื่ม”
“ค่ะ” วิไลรับคำสั่ง รอให้คุณหญิงเดินนำขึ้นไปก่อนจึงตามไป
หญิงสาวเข้ามาทำงานเป็นสาวใช้ในบ้านเสฏฐพงศ์เกือบ 3 ปีโดยความช่วยเหลือจากสำเนียงแม่บ้านเก่าแก่ของบ้าน สำเนียงเห็นวิไลเดินหางานในตลาดจึงเรียบเคียงถามจึงรู้ว่าหญิงสาวกำลังตกงานและด้วยใบหน้าซื่อๆ ของวิไลทำให้สำเนียงอยากช่วยเหลือ แม่บ้านนำเรื่องของวิไลมาเล่าให้พรพรรณฟัง สาวใหญ่ให้เรียกตัววิไลเข้ามาคุยและจากวันนั้นถึงวันนี้วิไลก็กลายมาเป็นสมาชิกในบ้านเสฏฐพงศ์อีกคนหนึ่ง
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น วิไลเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องนอนของนายสาว หล่อนกวาดสายตาไปรอบห้องก็ไม่พบจึงวางแก้วน้ำส้มคั้นไว้บนโต๊ะกระจกตัวเล็กด้านริมหน้าต่าง
“คุณหนูคะ คุณหนู น้ำส้มอยู่ที่โต๊ะนะคะ” วิไลเดินไปเคาะประตูห้องน้ำพร้อมกับส่งเสียงเรียกนายสาว ไม่มีเสียงตอบกลับออกมาอย่างทุกครั้งที่เคยเป็น วิไลจึงเคาะประตูอีกครั้ง
“คุณหนู คุณหนูคะ”
“จ้ะ” พาขวัญส่งเสียงตอบออกมา
“น้ำส้มอยู่ที่โต๊ะค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ” หญิงสาวส่งเสียงออกมาอีก หล่อนใช้ความคิดจนลืมไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ่างน้ำ เสียงเคาะประตูกับเสียงของวิไลช่วยเรียกสติที่กำลังไปไกลของหล่อนกลับคืนมา
พาขวัญคิดหาคำพูดอันแยบยลเพื่อจูงใจให้มารดาเห็นชอบในการออกไปหาข้อมูลมาเขียนเรื่องส่งอาจารย์ไม่ได้ก็ต้องพูดกับมารดาตามตรง ท่านจะอนุญาตหรือไม่นั้นก็ค่อยมาคิดหาทางออกอีกทีก็แล้วกัน
หญิงสาวออกจากห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว หล่อนไม่เหลือบมองแก้วน้ำส้มแม้แต่หางตาเพราะนาฬิกาบนโต๊ะหัวเตียงเร่งให้หล่อนต้องรีบลงไปที่โต๊ะอาหาร
ดอกไม้ในแจกันทรงเตี้ยถูกจัดไว้อย่างสวยงามด้วยฝีมือของพรพรรณ สาวใหญ่ชอบงานฝีมือทุกชนิดรวมไปถึงการทำอาหารซึ่งมีทั้งอาหารไทยและอาหารเทศ หล่อนเคยคิดเปิดร้านอาหารไทยแต่ถูกอรรถพลผู้เป็นน้องชายขอร้องไว้และให้มาอยู่กับตนเพราะหล่อนเป็นพี่สาวเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่และเป็นกำลังใจให้เขาตลอดมา
บิดามารดาของอรรถพลเสียชีวิตไปหลายปีพรพรรณเป็นผู้ใหญ่เพียงคนเดียวในยามนี้ คุณหญิงดวงกมลก็ต้องการให้พี่สามีเข้ามาช่วยดูแลลูกสาวของหล่อน พรพรรณจึงกลายเป็นคุณป้าที่ยังโสดและหล่อนไม่คิดจะมีครอบครัวแม้มีชายหนุ่มแวะเวียนเข้ามาพูดคุยในทำนองจีบก็ตาม
สาวใหญ่กลายเป็นแม่ลูกอ่อนเมื่ออรรถพลและดวงกมลออกงานเลี้ยงเกือบทุกคืนเพื่อกรุยทางเข้าไปเป็นใหญ่ในคณะรัฐบาล คนที่คอยดูแลทุกอย่างในบ้านจึงไม่พ้นพรพรรณ
“ได้เวลาอาหารแล้วทำไมยัยขวัญไม่ลงมาอีก” คุณหญิงเอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจในตัวลูกสาวขณะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ พรพรรณเหลือบมองอรรถพล หนุ่มใหญ่มองมาเช่นกัน
“รออีกนิดก็ได้น่ะคุณ เดี๋ยวลูกก็ลงมา”
“ไม่ได้ค่ะ ให้ผู้ใหญ่มานั่งรอแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน วิไลไปตามคุณหนูมาเดี๋ยวนี้”