บทที่ 6 ช่วยคิดที
กลิ่นหอมคุ้นเคยโชยมา วันนี้ป้าของหล่อนทำเมนูโปรดให้หล่อนอีกแล้วล่ะสิ ถ้าหล่อนจำไม่ผิด
กลิ่นนี้เป็นกลิ่นอกไก่อบชานอ้อยสูตรใหม่ของป้าโดยเฉพาะ หญิงสาวเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นพอถึงประตูห้องครัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้ามน ดวงตาซุกซนเป็นประกายวาววับ หล่อนทำตัวราวกับนักย่องเบาขณะเดินด้วยปลายเท้าเข้าไปหาพรพรรณแล้วโผเข้ากอดสาวใหญ่จากด้านหลัง
“หอมจัง” พาขวัญร้องเสียงดังขณะอ้อมแขนรัดเอวผู้เป็นป้า
“อุ้ย ๆ” พรพรรณสะดุ้งช้อนส้อมในมือร่วงลงกระทบจานเสียงดัง
“ตกใจหมดเลย เล่นอะไรก็ไม่รู้” สาวใหญ่เหลียวมามองใบหน้ายิ้มระรื่นของหลานสาวอยากจะโกรธที่หลานคนเก่งทำให้ตกใจแต่รอยยิ้มประจบของพาขวัญเปลี่ยนความตกใจเป็นความเอ็นดูเช่นเดิม
“แหม.ก็อยากเซอร์ไพรส์บ้างสิคะ คุณป้าทำอะไรคะหอมจังเลย” หญิงสาวผละจากผู้เป็นป้าหันมาสนใจชิ้นไก่ในจานเปลซึ่งจัดแต่งด้วยผักกาดหอมแตงกวาและพริกสีแดงสีเหลืองน่ารับประทาน
“ว้าว.ไก่อบชานอ้อย ของโปรดเลยค่ะชิมหน่อยนะคะ” หล่อนคว้าชิ้นไก่ทันทีที่พูดจบ พรพรรณไวพอกันตีไปที่หลังมือหลานสาว
“ไปล้างมือก่อน” สาวใหญ่ลากเสียงยาว
“ชิมนิดเดียวเองค่ะ ” หลานสาวอ้อนน่าเห็นใจ
“ไม่ได้ ถ้าไม่ล้างมือป้าก็ไม่ให้ชิม” พรพรรณเสียงเข้มและจริงจังกับคำพูด พาขวัญยิ้มประจบและเหมือนจะทำตามคำสั่งของป้าแต่พอป้าเผลอหล่อนก็คว้าชิ้นไก่เข้าปากอย่างรวดเร็วกว่าพรพรรณจะทันท้วงหลานสาวก็ถอยห่างออกไปที่อ่างล้างมือแล้ว พรพรรณได้แต่ถอนหายใจกับความเจ้าเล่ห์ของหลานสาวคนเดียวของหล่อน พาขวัญเป็นดั่งแก้วตาดวงใจไม่ว่าหลานจะทำอะไรถ้าหล่อนช่วยได้ก็ยินดีช่วย บางครั้งบางเรื่องที่หล่อนไม่เห็นด้วยแต่หลานสาวคนนี้ก็พูดจนหล่อนใจอ่อนยอมแพ้ทุกครั้งไป
“คุณป้าจะทำอะไรอีกคะขวัญช่วยค่ะ วันนี้ขวัญเป็นลูกมือให้เต็มที่เลยค่ะ”
พาขวัญยิ้มสดใสขณะเตรียมพร้อมเป็นลูกมือของป้า พรพรรณมองหน้าหลานสาว วันนี้พาขวัญดูแปลกไปกว่าทุกวัน
“ไม่ต้องช่วยป้าหรอกลูก ป้าทำใกล้เสร็จแล้วล่ะ หนูไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะมาเหนื่อยๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญไม่เหนื่อยเลยอยากช่วยค่ะ ให้ขวัญล้างผักนะ” หญิงสาวไม่รอฟังคำตอบจากป้า หล่อนยกถาดผักสดไปที่อ่างล้างจาน ท่าทางขยันผิดปกติของหลานสาวไม่ได้รอดพ้นสายตาของสาวใหญ่ไปได้เลย
“ขวัญ มีอะไรจะบอกป้ารึเปล่าลูก”
พรพรรณเดินเข้ามาใกล้พาขวัญพร้อมคำถาม ดวงตาของผู้ผ่านโลกมานานมองร่างสมส่วนของหลานสาวนิ่ง
“คุณป้ารู้เหรอคะ” หญิงสาวเหลียวมามอง
“รู้สิ ป้าเลี้ยงหนูมาตั้งแต่แบเบาะนะลูก หนูชอบไม่ชอบอะไรป้ารู้ หนูไม่ชอบทำกับข้าวไม่ชอบเข้าครัวแต่วันนี้หนูรับอาสาช่วยป้าแสดงว่าต้องมีเรื่องจะคุยกับป้า ใช่มั้ย” สาวใหญ่เน้นคำถาม
“แหม.คุณป้ารู้ทันยังงี้ก็ไม่สนุกแล้วสิคะ” พาขวัญยิ้มเจื่อน วางมือจากการล้างผักสดหันกลับมาหาพรพรรณ
“ความจริงขวัญมีเรื่องจะบอกค่ะ แต่ยังไม่บอกตอนนี้ดีกว่า รอไว้บอกพร้อมคุณพ่อคุณแม่นะคะ ขวัญจะได้อธิบายให้ฟังทีเดียว” หล่อนยิ้มน่ารักอ้อนป้า
“ป้ารอฟังตอนทานข้าวก็ได้ ขึ้นไปอาบน้ำซะลูกจะได้สดชื่น”
“คุณป้าน่ารักจังเลยรู้มั้ยคะ ขวัญรักคุณป้าที่สุดเลยค่ะขวัญไปอาบน้ำก่อนนะคะไม่ช่วยแล้วค่ะ”
หญิงสาวยื่นหน้าเข้ามาจูบที่แก้มสาวใหญ่แล้ววิ่งออกจากห้องครัวไป พรพรรณมองตามแล้วยิ้มกับความสดใสร่าเริงของหลานสาว
“ไม่โตสักที”
พาขวัญยิ้มร่าเริงได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นเมื่อก้าวพ้นออกมาจากห้องครัว ความรู้สึกหนักอึ้งในสมองกลับมาอีกครั้ง หล่อนก้าวขึ้นบันไดเหมือนกับหุ่นยนต์ สมองคิดถึงแต่เรื่องที่จะบอกมารดาเท่านั้น
คุณหนูของบ้านก้าวเข้ามาในห้องนอนด้วยกิริยาเซื่องซึม หล่อนเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนความนุ่มของผ้าแพรไหมคลุมเตียงไม่ช่วยให้ความรู้สึกมึนตื้อของหญิงสาวคลายลงสักนิด หล่อนเอนกายลงบนผ้าเนื้อนุ่ม สมองทำงานทุกวินาทีที่ผ่าน เสียงถอนหายใจดังเป็นระยะ
“จะพูดกับคุณแม่ยังไงดีนะ” หล่อนพึมพำออกมามือนุ่มลูบเนื้อผ้าแพรอย่างใช้ความคิดมือของหล่อนสะดุดลงที่ตุ๊กตาตัวโปรด หล่อนดึงมันออกมาจากผ้าคลุม ไม่มีรอยยิ้มกับเจ้าโอชิเหมือนทุกครั้งที่เห็นหน้าเจ้าหมีน้อย
“ฉันจะทำยังไงดีล่ะโอชิ บอกฉันทีสิ ฉันจะพูดกับคุณแม่ยังไงท่านถึงจะเห็นด้วยกับฉัน”
พาขวัญตั้งคำถามกับโอชิตุ๊กตาหมีที่หล่อนซื้อมาจากญี่ปุ่น ไม่มีคำตอบจากเจ้าโอชิ มีแต่ดวงตาแป๋วที่จ้องมาเท่านั้น
“แกช่วยฉันคิดทีสิโอชิ” ลากเสียงเนิบ
“คิดไม่ออกใช่มั้ยล่ะ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกแล้วยันกายลุกขึ้นนั่ง