บทที่ 5 คุณแม่
“ฉันว่าเธอน่าจะตั้งชื่อใหม่นะเพราะเดี๋ยวนี้เขาไม่เรียกกันแล้วหางเครื่องน่ะเขาเรียกแดนเซอร์กันหมดแล้ว แต่ใช้ชื่อนั้นก็ดีเผื่อจะมีคนอยากอ่านบ้าง” หญิงสาวหัวเราะเยาะหยันเพื่อนที่เป็นคู่แข่งของหล่อนมาตลอดโดยที่อีกฝ่ายไม่คิดจะแข่งขันด้วยสักนิด
“ขอบใจที่แนะนำ ฉันก็หวังว่าเรื่องของเธอจะมีคนอยากอ่านนะนัญ” พาขวัญยิ้มขณะตอบคำของธนัญญา
“แน่นอนขวัญ เพราะคุณวงศกรออกจะหล่อและเก่งขนาดนั้น คนอ่านเขาต้องอยากอ่านของฉันอยู่แล้ว หมี ปานไปหาน้ำส้มคั้นเย็นๆ กินกันดีกว่า”
ธนัญญาหมุนร่างสมส่วนของหล่อนเดินผละออกไป ลักษมีตวัดหางตามาที่ธีรวิชแล้วก้าวตามส่วนปานจิตนั้นยิ้มหยันสามสาวก่อนจะเดินเร็วๆ ตามไปบ้าง
“ดูถูกกันแบบนี้แกอย่ายอมนะขวัญ เขียนให้ชนะยัยนัญฉันสนับสนุนแกเต็มที่”
นัชชาเปลี่ยนจากค้านความคิดของพาขวัญมาเป็นเห็นด้วยและพร้อมสนับสนุนเพื่อนทุกอย่างเพื่อให้งานชิ้นสำคัญชิ้นนี้ออกมาสวยงามที่สุด
“ถ้าแกสนับสนุนฉันก็ช่วยฉันคิดสิว่าจะพูดกับคุณแม่ฉันยังไงท่านถึงจะยอมให้ฉันเข้าไปหาข้อมูลในวงดนตรีลูกทุ่ง ช่วยคิดทีเร็วๆ ยัยวรรณ แกด้วยธี”
พาขวัญไม่ปล่อยให้เวลาอันมีค่าผ่านเลยไปเมื่อนัชชาเห็นด้วยกับเรื่องที่หล่อนจะเขียนก็ต้องช่วยคิดว่าจะทำอย่างไรมารดาของหล่อนจึงจะยอมอนุญาตให้หล่อนเข้าไปเป็นหางเครื่อง
“ฉันคิดไม่ออกหรอกแกคิดเองเถอะ” วรรณพรปฏิเสธตั้งแต่แรกเพราะไม่รู้ว่าจะช่วยคิดอย่างไร หล่อนรู้ว่าอย่างไรเสียมารดาของพาขวัญก็ไม่ยอม ความที่คุณหญิงดวงกมลมีเชื้อสายของผู้ดีเก่า วงศ์ตระกูลอยู่ในระดับมหาเศรษฐีมีหรือจะยอมให้ลูกสาวคนเดียวเข้าไปคลุกคลีอยู่กับชนชั้นต่างกันและไม่รู้ว่าลูกสาวเข้าไปแล้วจะเป็นอย่างไร
“ฉันก็คิดไม่ออกว่ะขวัญ แกคิดเองเถอะ” นัชชานิ่งเงียบไปครู่เดียวก็ยกมือยอมแพ้
“ฉันคิดออกแค่ให้แกเปลี่ยนเรื่องใหม่แค่นั้นแหละ” ธีรวิชตอบเสียงเรียบ
“แกตั้งสามคนคิดช่วยฉันไม่ได้เลยเหรอ” พาขวัญน้อยใจกับคำปฏิเสธของเพื่อนๆ
“เออ ให้ฉันช่วยคิดเรื่องอื่นดีกว่าขวัญ เรื่องคุณแม่แกฉันขอบาย” วรรณพรพูดขึ้นอีก
“ก็ได้ ฉันคิดหาวิธีของฉันเองก็ได้ ฉันกลับแล้ว ถ้าแกยังไม่กลับก็นั่งกันต่อละกัน ไปล่ะ”
หญิงสาวลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปดื้อๆ
“อ้าวขวัญ ทำแบบนี้เพื่อนมีงอนนะแก กลับก็กลับด้วยกันสิ ยัยวรรณเก็บของเร็ว วิชเอาขยะไปทิ้งด่วน”
นัชชา วรรณพรและธีรวิชเดินตามพาขวัญออกจากร่มเงาของจามจุรีในเวลาต่อมา เพื่อนๆ กลับบ้านด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งแต่สำหรับพาขวัญ สมองของหล่อนหนักอึ้งไปด้วยเหตุผลมากมายที่จะนำไปพูดกับมารดาแต่ยิ่งคิดยิ่งจนด้วยปัญญาไม่รู้จะหาคำพูดใดมาพูดกับมารดาให้ท่านยอมจำนนต่อหล่อนเรื่องออกไปหาข้อมูลมาเขียนหนังสือ ด่านใหญ่อยู่ที่มารดาเพียงด่านเดียวเท่านั้น
จากัวร์รุ่นใหม่ล่าสุดแล่นเลี้ยวเข้าซอยผ่านบ้านหลังใหญ่หลายหลังก่อนจะตีโค้งเข้ามาจอดนิ่งที่หน้าประตูอัลลอยสีน้ำเงินลายดอกกล้วยไม้ดูอ่อนช้อยงดงาม บานประตูเลื่อนเปิดออกช้าๆ ด้วยรีโมทคอนโทล พาขวัญพารถคู่ใจเคลื่อนเข้าไปด้านในช้าๆ
หลายครั้งที่บานประตูเปิดช้าไม่ทันใจลูกสาวเจ้าของบ้านแต่วันนี้พาขวัญมีความรู้สึกว่าบานประตูรั้วบ้านเสฏฐพงศ์เปิดเร็วผิดปกติ
ทุกอย่างดูผิดปกติไปหมดตั้งแต่เข็มสีแดงเข้มปลูกเป็นแนวยาวริมสนามหญ้าด้านซ้ายของถนนสู่ลานกว้างหน้าตัวตึก ดอกสีสดเคยเป็นที่ถูกใจของพาขวัญแต่วันนี้กลับดูเฉาไม่สดชื่นอย่างเช่นทุกวัน
ทิวต้นประดู่ด้านขวาทอดเงาร่มรื่นพาดถึงถนน ทิ้งดอกสีเหลืองทองลงบนพื้น บางวันก็โรยตัวจากต้นขณะที่หล่อนขับรถผ่านซึ่งเป็นภาพที่งดงามในสายตาของหญิงสาว แต่วันนี้ทิวประดู่ดูเคร่งขรึมเกร็ดทองที่เคยโปรยลงมาไม่มีให้เห็น พื้นถนนปราศจากดอกสีเหลืองทอง บรรยากาศจึงดูเงียบเหงามากยิ่งขึ้น
พาหนะคู่ใจของหญิงสาวเคลื่อนตัวช้าๆ ไปตามถนน หล่อนอยากยืดระยะทางจากประตูรั้วถึงตัวบ้านให้ไกลสัก 10 กิโลเมตร หล่อนยังไม่อยากกลับถึงบ้านขณะที่สมองยังมึนตื้อคิดไม่ออกว่าจะเอ่ยปากขออนุญาตมารดาอย่างไรดีท่านจึงจะยอมรับฟังเหตุผลของหล่อน
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ ขณะจอดรถในโรงจอดแล้วก้าวลงจากรถ หล่อนเดินช้าๆ ไปที่บันไดหินอ่อนก้าวขึ้นบันไดอย่างไร้เรี่ยวแรง ห้องโถงรับแขกหรูหราด้วยชุดรับแขกหนังสีครีมซึ่งเป็นชุดหนังสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศเพียงไม่กี่ชุดอวดความหรูให้น่านั่ง แจกันใบใหญ่โชว์สีสันของลวดลายอ่อนช้อยจากช่างฝีมือเยี่ยมตั้งประดับตามมุมต่างๆ
คุณหนูของบ้านยืนนิ่งกลางห้องโถงครู่หนึ่ง รอยยิ้มที่เลือนหายไปจากใบหน้าตั้งแต่กลับออกมาจากมหาวิทยาลัยก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อคิดถึงพรพรรณผู้เป็นป้า เท้าพาร่างสมส่วนไปที่ห้องครัวทันที