บทที่ 4 ชะนีหน้าแหลม
ธนัญญาเดินเข้ามาในลานร่มจามจุรีกับปานจิตและลักษมี ที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของนักศึกษาทุกคณะ ธนัญญาใช้สถานที่นี้พักผ่อนคลายร้อนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ หญิงสาวมองตรงไปข้างหน้าโต๊ะริมสุดเป็นเป้าหมายของหล่อนแต่ขณะเดินเกือบถึงโต๊ะลักษมีก็ขัดจังหวะด้วยการดึงแขนเสื้อของธนัญญาไว้
“อะไรของแกอีกยัยหมี ถึงโต๊ะก่อนไม่ได้รึไง” ธนัญญาหันมาถามสีหน้าไม่พอใจ
“ดูที่โต๊ะโน่นสิ พวกนังขวัญอยู่ครบเซ็ท สงสัยมารวมหัวคุยเรื่องงานที่อาจารย์สั่ง” ลักษมีชี้ชวนให้สองสาวมองตามมือของหล่อน ธนัญญากับปานจิตมองตาม อารมณ์หงุดหงิดของธนัญญาเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในทันที
“แกพอจะรู้มั้ยว่านังขวัญเขียนเรื่องอะไร” ธนัญญาเดินต่อจนถึงโต๊ะว่างริมสุด หล่อนถามเพื่อนทั้งสอง ลักษมีส่ายศีรษะ
“ถ้าแกอยากรู้ก็เข้าไปถามสิ” ปานจิตไม่ตอบคำถามของเพื่อนแต่ชี้นำให้เพื่อนเข้าไปถามพาขวัญด้วยตัวเอง
“เป็นความคิดที่ดีมาก ถ้างั้นแกสองคนตามฉันมา” ธนัญญาเชิดหน้าขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ตรงไปที่โต๊ะพาขวัญนั่งอยู่ ลักษมีกับปานจิตก้าวตามโดยไม่ต้องรอให้เรียกซ้ำ
“ไงจ๊ะขวัญ แอบมานั่งปรึกษากันอยู่ตรงนี้เอง” ธนัญญาส่งเสียงมาก่อนตัว หล่อนก้าวมาหยุดยืนข้างพาขวัญ
“ท่าทางซีเรียสนะคิดไม่ออกล่ะสิว่าจะเขียนเรื่องอะไรกัน” ลักษมีก้าวเข้ามายืนข้างธนัญญารอยยิ้มหยันปรากฏบนใบหน้าของหล่อน
“ถ้าคิดไม่ออกฉันช่วยมั้ยจ๊ะ” ปานจิตก้มตัวลงไปพูดใกล้นัชชา
“ขอบใจ แต่ไม่ต้องหรอกเพราะพวกฉันคิดกันเองได้” นัชชาเน้นเสียงตอบ
“อ้อเหรอ แล้วเขียนเรื่องอะไรกันบ้างล่ะที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะกลัวว่าพวกเธอจะคิดซ้ำกับพวกฉัน มันไม่ดี” ลักษมีออกตัวกับคำถามของหล่อน
“ถ้างั้นเธอไม่ต้องกลัวหรอกเพราะเรื่องที่พวกฉันคิดไม่ซ้ำกับของพวกเธอแน่ ฉันไม่เอาหรอกไอ้ชีวิตนักธุรกิจพันล้านน่ะเชิญเธอค้นคว้าหาข้อมูลได้ตามสบาย” ธีรวิชทนนั่งนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้เขารู้ว่าธนัญญาจงใจเข้ามาหาเรื่องและต้องการรู้ว่าพวกเขาเขียนเรื่องเกี่ยวกับอะไรโดยเฉพาะพาขวัญที่ธนัญญาอยากรู้มากกว่าคนอื่น
“นี่แกรู้เหรอว่าฉันจะเขียนเรื่องอะไร ใครบอกแก” ธนัญญาเสียงห้วนขึ้นทันที รอยยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนไป ธีรวิชหัวเราะอย่างเห็นขำกับกริยาของหญิงสาว
“ขำบ้าอะไร แกรู้มาจากไหนว่าฉันจะเขียนเรื่องนักธุรกิจพันล้าน”
“รู้มาจากพวกแกนั่นแหละเสียงดังแปดหลอด ใครเดินผ่านตรงนั้นไม่ได้ยินก็หูหนวกแหละวะ ระวังนะ เข้าไปหาข้อมูลสุ่มสี่สุ่มห้าระวังจะได้ของแถม”
หนุ่มตี๋ชำเลืองหางตามองหญิงสาวแล้วหัวเราะยิ่งเพิ่มความโกรธให้กับธนัญญามากขึ้น หล่อนก้าวเข้ามายืนข้างธีรวิช
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ไม่รู้สิ ฉันอยากพูดก็พูด”
“ทีหลังไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันหรือถ้าแกจะเขียนแข่งกับฉันก็ได้นะพ่อเป็นนักธุรกิจไม่ใช่เหรอ เชิญตามสบายเลย” หญิงสาวเหยียดยิ้ม หล่อนเบนสายตามาที่พาขวัญ
“เธอล่ะขวัญเขียนเรื่องอะไร” ธนัญญาปรับเสียงได้รวดเร็ว
“ก็คงไม่พ้นเรื่องของรัฐมนตรีชีวิตพ่อของตัวเองใช่มั้ยขวัญ” ลักษมีคาดเดาและคิดว่าหล่อนเดาได้ถูกต้อง
“ไม่ใช่หรอกไม่ต้องเดาเพราะพวกเธอเดาไม่ถูกหรอก” พาขวัญตอบแล้วยิ้ม
“งั้นเธอเขียนเรื่องอะไรล่ะ” ปานจิตถามอย่างอยากรู้
“อยากรู้อยากเห็นกันซะจริงนะ” วรรณพรเอ่ยเสียงติดรำคาญ
“อ้าว ถ้าไม่อยากรู้อยากเห็นแล้วก็แส่ไปทุกเรื่องเนี่ยคงไม่ได้ฉายาแก๊งชะนีสาระแนหรอกวรรณ”
นัชชาหัวเราะกิ๊กเมื่อเอ่ยถึงฉายาที่พวกหล่อนตั้งให้กับกลุ่มของธนัญญาและเพราะคำนี้ทำให้ลักษมีถึงกับกรี๊ดใส่หูธีรวิชเกือบแก้วหูระเบิด
“อ๊าย นี่พวกแกว่าฉันเป็นชะนีเหรอ”
“โอ๊ย หูจะแตก ออกไปกรี๊ดให้ไกลๆ เลยไปนังชะนีหน้าแหลม” ธีรวิชสวนกลับเกือบทันที
“ไอ้บ้า แกนั่นแหละหน้าแหลม ไอ้ตี๋เยาวราช”
“เออดี รวยดีฉันชอบ” หนุ่มตี๋ยอมรับพร้อมกับหัวเราะยั่วโมโหลักษมีมากขึ้น
“ไอ้..”
“พอกันซะที ถ้าพวกเธออยากรู้ว่ายัยขวัญเขียนเรื่องอะไรฉันจะบอกให้ ยัยขวัญเขียนเรื่องหางเครื่องได้ยินชัดมั้ย ถ้าชัดแล้วก็รีบๆ ไปซะอย่ามาแผดเสียงเป็นชะนีเรียกผัวที่นี่” นัชชาห้ามศึกระหว่างลักษมีกับธีรวิช หล่อนจ้องหน้าธนัญญาเป็นคนแรกขณะบอกเรื่องที่พาขวัญอยากเขียน ทุกเสียงเงียบกริบ ธนัญญานิ่งไปชั่ววินาทีแล้วยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา