บทที่ 3ชีวิตหางเครื่อง
หญิงสาวชายหนุ่มในชุดสีสันสดใสซึ่งอยู่ด้านหลังนักร้อง พวกเขาช่วยเพิ่มความสนุกสนานให้กับเสียงเพลงและเรียกร้องความสนใจของผู้ชมให้เข้ามาดูนักร้องได้มากทีเดียว
พาขวัญอยากเขียนถึงชีวิตของคนกลุ่มนี้ ชีวิตหางเครื่องซึ่งหล่อนไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไรและกว่าจะก้าวขึ้นมาอยู่บนเทวีได้เช่นนี้พวกนั้นต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง หล่อนเลือกจะศึกษาหาข้อมูลเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
ชื่อวงดนตรีชาญชลธีติดอยู่ในใจของพาขวัญมาตั้งแต่คืนนั้น ลีลาท่าเต้นของหางเครื่องเรียกรอยยิ้มให้กับคนดูไม่น้อย หล่อนอยากรู้ว่ากว่าท่วงท่าของทุกคนจะพร้อมเพียงกันได้ต้องใช้เวลาซ้อมนานแค่ไหนและท่าเต้นแต่ละเพลงไม่ซ้ำกันเลยพวกเขาทำได้อย่างไร
“นั่งยิ้มอยู่นั่นแหละแกจะเขียนเรื่องอะไรขวัญ” นัชชาถามย้ำอีกครั้ง
“ชีวิตหางเครื่อง” พาขวัญตอบชัดเจน
“หา..ชีวิตหางเครื่อง” นัชชาอุทานเสียงดัง ธีรวิชและวรรณพรเหลียวมามองเพื่อนสาวพร้อมกัน เกมส์ในโทรศัพท์มือถือที่หนุ่มตาตี่เพิ่งเล่นได้ครู่หนึ่งพลันชะงักลง มะม่วงแช่อิ่มจิ้มค้างอยู่ในถุงน้ำจิ้มนัชชาเลิกคิ้วสูงกับคำตอบของพาขวัญ ธีรวิชจ้องนิ่งที่ใบหน้าของเพื่อนรักยกเว้นวรรณพรที่ยังคงทานขนมต่อ หล่อนรู้คำตอบของพาขวัญมารอบหนึ่งแล้ว
“ตกใจอะไรยัยนัช ฉันพูดจริงแล้วก็จะหาข้อมูลเรื่องนี้มาเขียนส่งอาจารย์จริงๆ ด้วย”
รอยยิ้มเจิดจรัสของพาขวัญช่วยยืนยันคำพูดของหล่อนให้มีน้ำหนักมากขึ้น นัชชาถึงกับถอนหายใจเฮือก
“ยัยขวัญ ฉันว่าแกเลิกคิดเถอะแค่คิดแกก็ไม่มีทางทำสำเร็จแล้ว ขอบอก”
“ทำไมจะไม่สำเร็จ ฉันจะทำให้พวกแกดู” หล่อนสบตาเพื่อนทั้งสาม
“แกจะทำยังไง จะหาข้อมูลจากเน็ตเหรอ ฉันว่าไม่มีหรอกถึงมีก็น้อยมาก” ธีรวิชพยายามพูดเพื่อให้เพื่อนเปลี่ยนใจ
“ฉันก็ออกไปหาข้อมูลดิบเองน่ะสิไม่เห็นยาก” พาขวัญเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ
“ไปหาข้อมูลเอง” นัชชาชี้มือมาที่เพื่อนรัก พาขวัญยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
“ไปหาที่ไหน” วรรณพรถามบ้าง หล่อนเลิกสนใจขนมตรงหน้าไปชั่วขณะพาขวัญยิ้มรื่น นัชชาจ้องมองรอยยิ้มของเพื่อนรักแล้วดักคอว่า
“แกคงไม่เข้าไปหาที่วงดนตรีลูกทุ่งหรอกนะขวัญ”
“แกเข้าใจถูกต้องแล้วล่ะนัช เพราะฉันจะไปเป็นหางเครื่อง” พาขวัญยิ้มมากขึ้น
“หา..”
เสียงร้องอุทานของธีรวิช วรรณพรและนัชชาดังไม่เบานัก กลุ่มนักศึกษาโต๊ะข้างเคียงเหลียวมามองพร้อมกัน สายตาของบางคนมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สายตาของบางกลุ่มไม่พอใจคิดว่ากลุ่ม
ธีรวิชเรียกร้องความสนใจซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เสียงร้องที่ดังเมื่อครู่เกิดจากการตกใจของสองสาวกับหนึ่งหนุ่มและเนื่องมาจากคำพูดของเพื่อนสาวในกลุ่มอีกเช่นกัน
“ขวัญ แกพูดจริงเหรอวะ” ธีรวิชถามจริงจัง
“จริงดิ ทำไมล่ะ ฉันเป็นหางเครื่องไม่ได้เหรอ” หญิงสาวตอบแล้วยิ้ม
“ได้น่ะมันได้แต่มันไม่ง่ายอย่างที่แกคิดหรอก” นัชชาลากเสียง
“แกมุ่งมั่นจะทำ ฉันเชื่อว่าแกทำได้แต่แกคิดเหรอว่าคุณหญิงแม่ของแกจะยอมน่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะขวัญ” วรรณพรท้วงติงด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“ใช่ ๆ ฉันเห็นด้วย แกคิดเรื่องใหม่ดีกว่าขวัญ” ธีรวิชคล้อยตามสองสาว อย่างไรเสียมารดาของพาขวัญไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวซึ่งเป็นที่รักดั่งดวงใจและทะนุถนอมดั่งไข่ในหินออกไปเผชิญโลกภายนอกเพียงลำพังอย่างแน่นอน
เสียงคัดค้านของเพื่อนไม่ทำให้พาขวัญเปลี่ยนความคิด หล่อนมุ่งมั่นในสิ่งที่หล่อนคิดและต้องทำให้สำเร็จ
“ฉันรู้ว่าพวกแกห่วงฉัน แต่ยังไงฉันก็จะเขียนเรื่องนี้”
“แล้วแกจะบอกคุณหญิงแม่แกยังไง” นัชชายอมแพ้กับความดื้อของเพื่อน
“นี่แหละที่ฉันต้องการปรึกษาพวกแกล่ะ ยัยวรรณแกช่วยคิดทีสิว่าจะพูดกับคุณแม่ฉันยังไงท่านถึงจะยอมให้ฉันไปเป็นหางเครื่อง” พาขวัญพุ่งสายตาไปที่เพื่อนแก้มพอง
“ทางตันตั้งแต่แกคิดเรื่องนี้แล้วแหละ ยังไงคุณแม่แกก็ไม่ยอม”
“เพราะฉะนั้นแกเลิกคิดถึงชีวิตหางเครื่องได้เลย” ธีรวิชคัดค้านอีกครั้ง
“ฉันไม่เลิก ถ้าพวกแกไม่ช่วยคิดฉันคิดเองก็ได้” พาขวัญยังยืนกรานเช่นเดิมและเริ่มไม่พอใจกับคำคัดค้านของเพื่อน ๆ
“ตามใจถ้าคิดว่าคุณหญิงแม่ยอมก็ตามใจ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับแกแล้ว” นัชชาถอยอีกคน
บรรยากาศในกลุ่มเพื่อนสนิทตึงเครียดขึ้นทันทีเพราะความดื้อรั้นของพาขวัญ หญิงสาวรู้ว่าเพื่อนห่วงใยในตัวหล่อนจึงไม่เห็นด้วยกับการที่หล่อนคิดจะเข้าไปเป็นหางเครื่องแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหล่อนตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้แล้วไม่มีอะไรมาลบล้างความคิดของหล่อนได้แม้แต่มารดา