บทที่ 2 เตรียมส่งประกวด
ลานใต้ร่มจามจุรีมีหลากหลายกิจกรรมเช่นนี้ทุกวัน เสียงพูดคุยเบาบ้างดังบ้าง เสียงหัวเราะเฮฮาดังแทรกเป็นบางครั้ง พาขวัญเหลียวไปมองโต๊ะหนุ่มๆ ที่กำลังหัวเราะจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม หล่อนยิ้มไปกับภาพเหล่านั้นแล้วหันกลับมาที่วรรณพร
“วรรณ แกจะเขียนเรื่องอะไร” หญิงสาวถามเกี่ยวกับงานที่อาจารย์เพิ่งสั่งเมื่อครู่นี้
“เขียนอะไร” วรรณพรถามกลับขณะมือยังคงค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าถือของหล่อน
“งานที่อาจารย์ยุทธสั่งไง” พาขวัญเตือนความทรงจำให้กับเพื่อน
“อ๋อ.ยังไม่รู้เลยแต่คงเอาเรื่องใกล้ๆ ตัวนี่แหละ แกล่ะ”
“ฉันเหรอ ฉันอยากเขียนชีวิตหางเครื่องอยากรู้ว่าชีวิตของคนพวกนั้นเป็นยังไง” พาขวัญตอบอย่างที่ใจหล่อนคิด
“แค่คิดก็ยากแล้ว พวกหางเครื่องมันไกลตัวแกเกินไป” วรรณพรค้านความคิดของเพื่อน หล่อนเชื่อว่าถ้านัชชากับธีรวิชรู้ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน
“แต่ฉันอยากเขียนเรื่องนี้จริงๆ นะวรรณ” พาขวัญยืนยันความคิดของตัวเอง
“เฮ้ย เอาจริงเหรอ ฉันว่า..”
“ไม่ต้องพูด ฉันจะเขียนเรื่องนี้” พาขวัญยิ้มกับการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของตัวเอง
“ไม่รอฟังความคิดเห็นของยัยนัชกับไอ้วิชมันหน่อยเหรอเพื่อน” วรรณพรขยับแว่นตา
“สองคนนั่นก็ห้ามฉันเหมือนแกนั่นแหละ เพราะฉะนั้นฉันไม่รอ” พาขวัญยิ้มอีก
“ไม่รออะไรกันยะ วรรณของแกแตงโมปั่นไม่มีฉันเลยเอามะนาวมาแทนกินมั้ย ถ้าไม่กินฉันกินเอง” นัชชาวางแก้วน้ำผลไม้ปั่นลงบนโต๊ะ วรรณพรเลื่อนมาตรงหน้าแทนคำตอบ
“ฉันบอกแล้วไงว่าอะไรก็ซื้อมาเถอะยัยนี่กินได้หมดแหละ”
“แกนั่นแหละกินไม่เลือก” สาวแว่นหนาตอบกลับทันควัน ธีรวิชหัวเราะแล้ววางกระป๋องน้ำอัดลมลงกลางโต๊ะแก้วน้ำมะนาวปั่นของพาขวัญวางตามลงมา
“เมื่อกี้แกคุยอะไรกัน ใครไม่รอใคร” นัชชาจิ้มผลไม้แช่อิ่มเข้าปากเคี้ยว
“ยัยวรรณให้รอความคิดเห็นของแกสองคน แต่ฉันไม่รอ” พาขวัญช่วยอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ
“คิดเห็นอะไรวะ” ธีรวิชงงกว่าเดิม
“ก็ยัยขวัญน่ะสิ มันจะเขียนเรื่องชีวิตหางเครื่อง ฉันห้ามแล้วแต่มันไม่ฟัง ก็เลยจะให้รอพวกแกแต่มันไม่รอ” วรรณพรอธิบายชัดเจน นัชชากับธีรวิชหันมาจ้องหน้าพาขวัญพร้อมกัน
“เอาจริงเหรอขวัญ” นัชชาไม่ห้ามเพราะรู้ว่าเพื่อนรักคนนี้ดื้อแค่ไหน
“จริงสิ แกสองคนล่ะจะเขียนเรื่องอะไร ”
“ฉันไม่จริงจังเหมือนแกหรอกขวัญ ฉันหาข้อมูลในเน็ตแล้วก็เขียนส่ง แค่นี้จบ”
หนุ่มตาเล็กไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เพื่อนพูดถึง เขาไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของอาจารย์สรยุทธแต่เมื่อปฏิเสธไม่ได้เขาก็ต้องทำและจะทำแบบง่ายๆ ไม่หาข้อมูลให้ยุ่งยากเพียงแค่ค้นในอินเทอร์เน็ตและเก็บเอาเรื่องที่เห็นอยู่ทุกวันนำมาเขียนเพียงเท่านี้เขาก็มีงานส่งอาจารย์แล้ว
“แกจะเขียนเรื่องอะไร” นัชชาอยากรู้ว่าหนุ่มหนึ่งเดียวในกลุ่มจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร
“นายแบบ” ธีรวิชตอบสั้นๆ
“นายแบบ แบบว่านะยะรึเปล่า” นัชชากรีดนิ้วขณะต่อคำนายแบบให้เพื่อน
“บ๊า ไม๊ใช่ย่ะ นายแบบจริงๆ” ธีรวิชเล่นด้วยการกรีดนิ้วยื่นหน้าตอบกลับมา
“ไอ้บ้า” วรรณพรหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ถึงแม้ว่าจะทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่อยแต่ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ เมื่อเพื่อนแสดงกิริยาที่ไม่เคยทำให้เห็นก็อดหัวเราะไม่ได้ พาขวัญส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มขำๆ
“เล่นอยู่เรื่อยนะแกน่ะ ตกลงแกเขียนเรื่องนายแบบ แกล่ะนัช” พาขวัญหันมาที่นัชชา
“ฉันชีวิตไฮโซ ใกล้ตัวเหมือนกันหาข้อมูลง่ายมาก”
“เอาชีวิตส่วนตัวออกมาตีแผ่ว่างั้นเถอะ” วรรณพรเหน็บแนม
“แน่นอน แล้วแกล่ะว่าแต่คนอื่น” นัชชาย้อนถามวรรณพร
“ฉันเหรอ ฉันชอบนิยายน้ำเน่าฉันจะเขียนเรื่องรักๆ เลิกๆ ของวัยรุ่นอย่างพวกเรานี่แหละ”
“แกเนี่ยนะวัยรุ่น ฉันนึกว่าวัยป้าซะอีก” ธีรวิชตอแยอีกจนได้
“ไอ้บ้า” หญิงสาวแว่นใสสวนกลับเกือบทันที หนุ่มตี๋ยิ้มตาหยียั่วต่อพาขวัญจึงต้องเป็นกรรมการห้ามศึกระหว่างเพื่อนอีกเช่นเคย
“ไอ้วิช หยุดเลยแกเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีกหรอก”
“นั่นสิ แกไม่อยากรู้รึไงว่ายัยคุณหนูขวัญของเราจะเขียนเรื่องอะไร” นัชชาเห็นด้วยกับคำปรามของพาขวัญแล้ววกกลับมาเรื่องงานที่อาจารย์สั่ง
“นั่นสิ แกจะเขียนเรื่องอะไรขวัญ” ธีรวิชหันมาที่พาขวัญหยุดยั่วโมโหวรรณพรลงเพียงเท่านั้น
คุณหนูขวัญของเพื่อนๆ ยิ้มอวดไรฟัน ดวงตาเป็นประกายวาววับ ความคิดของหล่อนแล่นไปถึงเวทีวงดนตรีลูกทุ่งในงานกาชาดที่เคยเข้าไปยืนดู