บท
ตั้งค่า

หลบหนี

“เกรงว่าจะไม่ได้เพราะในตอนนี้ข้างนอกยังไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้า และหน้าที่สองข้าคือการจับตาดูเจ้าที่อาจจะเป็นสายลับของกบฏตระกูลฉู่”

“…”

“ข้าจะไม่สังหารเจ้าอย่างแน่นอน และใครก็แตะต้องเจ้าไม่ได้หากข้าไม่ยินยอม เพราะฉะนั้นวางใจได้หากเจ้ารับปากที่จะช่วยข้าเรื่องแหล่งกบดานของพวกมัน”

"ข้าไม่รู้ว่าเขาลูกนั้นอยู่ที่ใด..."

"เจ้าจะเอาแต่ปฏิเสธข้าไปถึงเมื่อไหร่ หานหยาง?"

เสียงของหลี่เจ๋อเย็นเยียบแต่กลับแฝงไว้ด้วยโทสะ แม้เขาพยายามกดข่มเท่าไหร่ แต่มันก็ยังแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวออกมา

"ข้าพยายามให้โอกาสเจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่าใดของมัน เจ้าอยากลองดีกับข้าใช่หรือไม่?"

หานหยางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา แม้ใจจะสั่นด้วยความกลัวแต่เรื่องที่บิดาอยู่ฝั่งกบฏนั้นนางไม่เคยรับรู้มาก่อน ส่วนที่ว่าภาพวาดหุบเขาไป๋หูนั้นคือเขาลูกไหน นางก็จำได้เพียงลางๆ เพราะตอนนั้นนางยังเป็นเด็ก และอีกอย่างหุบเขาในหนานซานมีตั้งมากมายหลายแห่ง

“ท่านอ๋อง ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่รู้ ข้าจำไม่ได้จริงๆ ว่าเขาลูกนั้นอยู่ที่ไหน" หานหยางยังคงยืนกรานปฏิเสธ แต่คำพูดของนางราวกับการราดน้ำมันลงในกองไฟ

หลี่เจ๋อกระแทกโต๊ะจนเสียงดังลั่น สายตาอันดุดันของเขายิ่งกดดันนางจนแทบจะทำให้นางหายใจไม่ออก

"ข้าเกลียดนักคนที่ชอบปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผล เจ้ารู้หรือไม่ว่าตั้งแต่เล็กจนโตนั้นข้าไม่เคยถูกผู้ใดปฏิเสธ? และเจ้าเพิ่งทำสิ่งที่ข้าไม่อาจยอมรับได้ลงไป"

ท้ายที่สุดน้ำตาหยดสุดท้ายของหานหยางก็หลั่งออกมาพร้อมกับสติที่ดับวูบไป...

แต่ก่อนที่ร่างของหานหยางจะร่วงลงบนพื้นเย็นเฉียบกลับมีอ้อมแขนอบอุ่นประคองนางไว้ ดวงตาสีน้ำตาลทองพินิจไปยังไปหน้างามที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ดูท่าว่าหญิงสาวในอ้อมกอดของเขาคงผ่านเรื่องร้ายแรงมามากภายในวันเดียว

อ๋องหนุ่มอุ้มคนในอ้อมกอดด้วยท่าอุ้มเจ้าสาว พาไปยังห้องนอนที่เตรียมไว้ให้และวางนางลงบนเตียงใหญ่ จัดแจงห่มผ้าด้วยกลัวว่าร่างบางของนางจะเหน็บหนาว

เขาจ้องมองหานหยางอยู่ชั่วขณะ ราวกับกำลังชั่งใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป โทสะที่คุกรุ่นเกือบจะทำให้เขาเผยด้านมืดที่เก็บซ่อนอยู่ในส่วนลึกของตัวเอง แต่ในที่สุด เขาก็สูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติกลับคืนมา

"หยางเอ๋อร์ ข้าไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้อีกแล้ว"

เขากล่าวเสียงต่ำ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ประตูถูกปิดดังลั่นตามแรงอารมณ์ของเขา ทิ้งไว้เพียงบรรยากาศเงียบงันที่น่าหวาดหวั่น

เฟิงอี้ที่รออยู่ด้านนอกจ้องมองนายของตน บัดนี้คิ้วขององครักษ์หนุ่มกับขมวดติดกันจนแทบจะมัดปมได้อยู่รอมร่อ

ท่านอ๋อง… เหตุใดนางจึงสำคัญต่อท่านถึงเพียงนี้กัน?

จากนั้นไม่นานหลี่เจ๋อก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งให้เฟิงอี้ทำการเก็บกวาดหลักฐานการมีอยู่ของหานหยางให้หมด แถมยังให้เฟิงอี้ติดต่อกับเจ้าเมืองหนานซานเพื่อทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญบางอย่าง

นางอาจจำข้าไม่ได้… แต่นางเคยเป็นแสงสว่างเดียวในชีวิตของข้า หากแม้ต้องแลกทุกสิ่ง… ข้าก็จะไม่มีวันยอมปล่อยให้นางถูกเหล่ากบฏทำอันตรายเด็ดขาด

“ข้า...อยู่ที่ไหนกัน?” หานหยางตกใจเป็นอย่างมากกับภาพแรกที่ได้พบเห็นเมื่อนางได้สติกลับคืนมา ห้องนอนใหญ่ที่ประดับไปด้วยเครื่องเรือนไม้แกะสลักชั้นดีผนวกกับม่านผ้าไหมทอมือสีม่วงอ่อนสลับเข้มซึ่งเป็นสีโปรดของนาง กลางห้องมีโต๊ะกลมใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีแสงไฟจากตะเกียงส่องสะท้อน

แม้ว่าลมหนาวจะโชยเข้ามาทางบานหน้าต่างบานหนึ่ง ทำให้กลิ่นกำยานไม้จันทน์หอมลอยอบอวล ทว่าสำหรับหานหยางในตอนนี้แล้ว กลิ่นหอมเย็นของมันกลับไม่สามารถปลอบโยนนางจากจิตใจที่ตึงเครียดได้เลย

หานหยางก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง กระแสลมเย็นเยียบมิอาจหยุดยั้งความพยายามของหานหยางได้ ร่างบอบบางของนางสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าเพราะอากาศหนาวหรือเพราะความหวาดกลัวที่แทรกซึมเข้าไปถึงหัวใจ แววตาสีนิลคู่งามกำลังสอดส่องเพื่อหาทางหนี มือเรียวบางจับขอบหน้าต่างเตรียมพร้อมที่จะกระโดดออกไป แต่ทันใดนั้น...เสียงฝีเท้าหนักเสียงหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ประตูเรื่อยๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel