๒.๒ ติวเตอร์มือใหม่
“นอนอยู่ในห้องโน่นแน่ะ” ปริญชยาบุ้ยปากไปทางห้องของตน
“ไหนว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำไมนอนด้วยกันไม่ได้ หรือว่าเพื่อนคุณไม่ใช่แต๋วแท้”
“คุณจะพิสูจน์ด้วยตัวเองไหมล่ะคะ” หญิงสาวพูดอย่างท้าทาย ลอยหน้าลอยตายั่วยวนเหมือนเย้ยหยันทำเอารามิลนึกอยากจะจับมาจูบสั่งสอนซะให้หายซ่า
“ไม่ล่ะ ผมไม่ชอบไม้ป่าเดียวกัน แต่ถ้า...” ใบหน้าหล่อคมก้มลงมาใกล้จนปากแทบจะสัมผัสกับหล่อน “ไม้คนละป่าก็ไม่แน่ หึหึ...”
ปริญชยาผงะหน้าหนีอย่างทำอะไรไม่ถูก นอกจากรีบคว้าหมอนมากอดไว้ราวกับจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว รามิลมองภาพนั้นแล้วอดยิ้มอย่างขบขันไม่ได้ หล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กไร้เดียงสา หากเขาจะทำอะไรจริงๆ หมอนใบนั้นจะขัดขวางอะไรได้
“แต่ฉันไม่พิศวาสคุณหรอกนะ” เสียงหวานรีบโต้
“แล้วคิดว่าอย่างคุณน่าพิศวาสนักหรือไง?” เขาพูดเหมือนดูถูกทำเอาใบหน้าสวยหวานแดงแปร๊ดขึ้นอย่างอับอาย
“มีใครเคยบอกไหมว่า คุณเป็นผู้ชายที่ปากร้ายที่สุด!”
ใบหน้าหล่อคมสันแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะทำให้เขาดูมีเสน่ห์ชวนมองจนปริญชยาต้องตาพร่าไปชั่วขณะ มิน่าล่ะสาวๆ ถึงได้จ้องอยากจะขึ้นเตียงกับเขานัก หล่อนอยากจะรู้นักว่าบทรักของเขาจะร้อนแรงได้สักเสี้ยวของพระเอกในนิยายของหล่อนบ้างหรือเปล่า หญิงสาวรีบกะพริบแพขนตาถี่ๆ เพื่อสลัดความคิดบ้าๆ นั้นออกไปสมอง
“คุณเป็นคนแรกที่กล้าพูดกับผมแบบนี้”
“แสดงว่ารอบตัวคุณ มีแต่คนที่ใส่หน้ากากเข้าหากันน่ะสิ”
“รู้สึกว่าคุณนี่จะรู้จักผมดีเหลือเกินนะ”
“แน่นอนสิก็คุณเป็นพระเอกของฉัน”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นพลางผุดยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเสน่ห์ “งั้นเหรอ?”
“ฉันหมายถึงพระเอกในนิยายที่คุณต้องสวมบทบาท” ปริญชยารีบแก้ต่างพลางนึกโกรธตัวเองที่พูดจากำกวม
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่”
“แต่ฉันดูจากสายตาและสีหน้าของคุณ ฉันรู้ว่าคุณคิด”
“แล้วในชีวิตคุณมีพระเอกตัวจริงกับเขาหรือยัง” เขาถามหมิ่นๆ
“มีสิ” หล่อนรีบตอบจนดูมีพิรุธ
“ก็ดี๊” เขาไหวไหล่ “เวลาสอนเลิฟซีน อะไรๆ มันจะได้ง่ายหน่อย”
รามิลหัวเราะอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินอย่างสง่างามเข้าห้องตัวเองไป ปล่อยให้ปริญชยานั่งอ้าปากหวออยู่คนเดียว
ตอนเช้าของวันใหม่... แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านมู่ลี่เข้ามาทำให้ดวงตาคู่สวยต้องค่อยๆ ปรือขึ้นแล้วยันกายลุกขึ้น หยิบแว่นมาใส่ คว้าเอาหมอนแล้วเดินเข้าห้อง เมื่อเข้าไปแล้วก็พบว่าในห้องว่างเปล่าเพราะวีวี่ออกไปทำงานแต่เช้าแล้ว หล่อนจึงเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นเสร็จ ปริญชยาก็ค้นเอาโน้ตบุ๊กคออกมาเปิดเพื่อพิมพ์นิยายต่อในช่วงว่างๆ แต่แล้วท้องก็ร้องจ๊อกๆ ขึ้นทำให้ต้องออกจากห้องเพื่อหาอาหารประทังความหิว ตอนแรกตั้งใจว่าจะลงไปซื้อหาอะไรกิน หากแต่ก็ยังไม่รู้ว่าตรงไหนที่เขาขายอาหารคงต้องรอให้วีวี่ซึ่งคล่องแคล่วกว่าเป็นคนพาไป แต่กว่าวีวี่จะกลับมาอีกทีก็เย็นแล้วหล่อนคงเป็นโรคกระเพาะก่อนพอดี
เท้าเล็กๆ เดินเข้าไปในครัวของรามิลอย่างถือวิสาสะ
“ขอโทษนะคุณโรม แต่ฉันหิวจริงๆ”
หญิงสาวพึมพำเบาๆ เป็นเชิงขออนุญาตก่อนจะลงมือเปิดตู้เย็นแบบสองฝาออก หล่อนพบว่าข้างในนั้นเต็มไปด้วยเครื่องดื่มบำรุงร่างกายสารพัดรายการ สายตาคู่สวยสอดส่ายหาอะไรบางอย่างที่พอจะกินประทังความหิวได้ แล้วก็ต้องคลี่ยิ้มอย่างดีใจเมื่อมองเห็นขนมปังโฮลวีตและกระปุกแยมสตรอว์เบอรี่ มือบางเอื้อมไปหยิบเอาทั้งสองอย่างออกมาแล้วนำไปวางที่โต๊ะอาหารจัดหาอุปกรณ์ก่อนจะลงมือทาแยมลงบนขนมปังสองแผ่น วางเรียงไว้บนจาน และปัดมือเล็กน้อยหลังจากทำเสร็จ
ร่างอรชรนั่งลงบนเก้าอี้หยิบขนมปังชิ้นหนึ่งขึ้น อ้าปากขึ้นน้อยๆ เตรียมกัดเข้าปาก
“นั่นคุณทำอะไร!” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้ร่างบางสะดุ้ง
“ฉันเอ่อ... กำลังจะกินขนมปัง”
“ด้วยการขโมยกินอย่างนั้นเหรอ?”
ใบหน้าสวยก้มลงไม่กล้าสบตาเขาด้วยรู้สึกว่าตัวเองทำผิดจริงๆ แต่ขนมปังกับแยมแค่นี้เขาไม่เห็นต้องหวงนี่นา ‘คนอะไรนอกจากจะหื่นแล้วยังขี้งกอีก!’
“ก็ฉันหิว แต่ไม่รู้ว่าจะไปกินข้าวที่ไหนนี่คะ” หล่อนตอบออกไปตรงๆ
“งั้นไปแต่งตัว เดี๋ยวจะพาไปหาอะไรกิน”
รามิลสั่งเรียบๆ แต่ทำเอาปริญชยาตาโต ‘เขาเนี่ยนะจะพาหล่อนออกไปกินข้าวข้างนอก’ แล้วหล่อนจะเป็นข่าวไหม? แล้วจะมีปาปารัสซี่ตาถ่ายรูปหล่อนหรือเปล่า? หญิงสาวคิดไปต่างๆ นานาตามประสาคนช่างคิด
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อหล่อนเงียบไป “เป็นอะไร?”
“คุณคิดดีแล้วเหรอคะ”
เขาหรี่ตาลงแคบๆ “เรื่องอะไร?”
“ก็ที่จะพาฉันไปกินข้าว ไม่กลัวเป็นข่าวเหรอคะ”
“ลงไปกินแค่ข้างล่าง คงไม่มีนักข่าวมาคอยจับตาดูคุณหรอก อีกอย่างเขาเห็นคุณในสภาพนี้คงคิดว่าเป็นคนใช้มากกว่าจะมาเป็นคู่ขาผม”
รามิลพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจและสามารถยั่วให้ปริญชยาโมโหขึ้นมาได้ทันที
“ก็ได้ ฉันจะไปแต่งตัวใหม่เอาให้เหมาะสมกับพอที่จะเดินกระทบไหล่ดาราดังอย่างคุณก็แล้วกัน”
ร่างบางลุกพรวดพราดขึ้นแล้วก้าวฉับๆ กลับไปยังห้องตัวเองด้วยความกระฟัดกระเฟียด ดวงตายาวรีสีน้ำตาลมองตามหลังพลางหัวเราะขันๆ ที่จริงแล้วเขาก็พูดไปอย่างนั้นล่ะ แต่เพราะเวลาที่หล่อนใส่กางเกงขาสั้นแบบนั้นมันน่ามองเกินไป ...ขาหล่อนเรียวสวยดั่งหยกสลักและสามารถกระตุ้นอารมณ์บุรุษเพศให้ร้อนรุ่มได้อย่างง่ายดายโดยที่เจ้าตัวคงไม่รู้
ปริญชยาเดินกลับออกมาใหม่ด้วยชุดเสื้อยืดผ้าชีฟองแขนตุ๊กตาสีขาวกางเกงห้าส่วนและรองเท้าหุ้มส้นทรงเตี้ย นี่คือชุดที่ดีที่สุดของหล่อนแล้ว ถ้าเขาไม่พอใจหล่อนก็จะยอมอดข้าวล่ะ...
“พอจะเดินกับคุณได้หรือยัง” เสียงหวานพูดกระแทกกระทั้น
เขากวาดสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะยักไหล่น้อยๆ “ก็พอได้”
“ถ้างั้นไปกันเถอะฉันหิวจนจะกินช้างได้เป็นตัวแล้ว” หญิงสาวเป็นฝ่ายเร่ง
ร่างสูงสง่าเดินนำโดยที่ปริญชยาคอยเดินตามหลัง หล่อนไม่กล้าเดินข้างๆ เขาหรอก เพราะรู้ดีว่าไม่เหมาะสม ขนาดรามิลอยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดคอโปโลกางเกงขาสั้นเขายังดูหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยาก
เมื่อเดินมาถึงข้างล่างปริญชยาก็ขาแทบขวิดเมื่อสายตาหลายๆ คู่มองมายังหล่อนอย่างสนใจและซุบซิบๆ กัน บางครั้งถ้อยคำเหล่านั้นก็ลอยมาเข้าหู
“ใครเดินตามคุณโรมน่ะ?”
“ไม่รู้สิ คู่ควงคนใหม่ของคุณโรมหรือเปล่า”
“ไม่ใช่หรอก กะโปโลแบบนั้นคุณโรมไม่มองหรอก”