บทย่อ
“ฉันไม่ชอบคนที่ไม่เป็นงาน” แกริคพูดย้ำแล้วก็หลับตาเอนหลังพิงโซฟา ตอนนี้เขาอยากปลดปล่อย เพราะอัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนพิรุณรักตาหลุกหลิกมองคนที่หลับตาอยู่ นึกถึงหนังที่ตัวเองดูและคำแนะนำของเพื่อน เธอไม่ควรทำให้เขารำคาญปลายฝนเธอค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งไม่กล้าจะเทน้ำหนักลงไปทั้งตัวกลัวว่าเขาจะหนัก แต่คนที่หลับตาอยู่ก็จับเธอกดลงบนตักเขาทั้งตัว ทำให้เธอผวาจับบ่าเขาไว้เพราะกลัวตก“เริ่มเลย” แกริคสั่งทั้งที่หลับตาอยู่“ตรงนี้เหรอคะ” ขอให้เธอถามเพื่อเตรียมใจอีกสักนิด นี่เธอกำลังจะเป็นของเขาจริงๆ เหรอแกริคเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองเธอ“เอ่อ หนูคิดว่า เราเข้าห้องกันดีกว่าค่ะ” ที่นี่มันโล่งแจ้งเกินไป ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครลงมาก็เถอะ แต่ลูกน้องของเขาก็อยู่ข้างบนตั้งหลายคน
บทที่ 1
สาวหน้าสวยหวานนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในร้านอาหารตามสั่งข้างมหาลัย ข่าวนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงหน้าตาหล่อเหล่าติดท๊อปสิบหนุ่มชวนฝันของโลก เป็นที่หมายปองของสาวๆ ตั้งแต่อ่านมาเธอไม่อาจละสายตาไปจากตัวหนังสือในนั้นได้เลย นางสาวพิรุณรัก เจตจำนนท์ หรือ ปลายฝน คลั่งไคล้หนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งเป็นลูกครึ่งไทยด้วยแล้วยิ่งน่าหลงใหล
รายละเอียดในนั้นบอกว่า เขาชื่อ แกริค ซีคีเลียโน ลูกครึ่งไทย อิตาลี แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นคนอิตาลี แต่หน้าตาของเขาออกไปทางอิตาลีมากกว่าไทย จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนาดกดำ ปากกระจับได้รูปสีเข้ม ผมสีดำเข้มแถมมีเคราหน่อยๆ อย่างที่เธอคลั่งไคล้ รูปร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อสูทนั้นคงมีซิกแพคแน่นๆ อย่างคนที่ชอบดูแลตัวเองเป็นแน่ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งครบวงจร ทั้งทางเรือ ทางบก และอากาศ แถมยังมีบอกอีกว่าตระกูลซีคีเลียโนสืบเชื้อสายมาจากมาเฟียอิตาลี
เร้าใจเป็นบ้า
บทสัมภาษณ์มีตั้งแต่เรื่องงาน การก่อตั้งธุรกิจที่สืบทอดมาจากครอบครัวและชายหนุ่มเป็นคนก่อตั้งเอง
แต่ที่ทำให้ให้พิรุณรักสนใจมากคงไม่พ้นเรื่องความรักหรือสเปคสาวๆ ของเขา คงไม่มีสาวๆ คนไหนที่ไม่อยากรู้เรื่องนี้ แต่คำตอบที่แกริค ซีคีเลียโน ตอบนั้นมันสั้นมากแถมไม่มีสเปคตายตัว แต่ก็เป็นคำตอบที่สะกดสาวๆ ได้เหมือนกัน คือ ผู้หญิงที่ทำให้เขาหัวใจเต้นแรงได้ตั้งแต่แรกเจอ เขาตอบไว้แค่นั้น พิรุณรักครุ่นคิดว่าคนแบบไหนกันนะที่ทำให้ผู้ชายแบบนี้หัวใจเต้นแรงได้ ต้องเพอร์เฟคขนาดไหน
“ยัยปลายฝนแกอ่านอะไรอยู่ พวกฉันกินข้าวจะเสร็จแล้วนะ” เสียงเรียกของเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามทำให้คนที่กำลังตั้งใจอ่านข้อความในกระดาษหนังสือพิมพ์ต้องสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองเพื่อน ซึ่งก็คือ หทัยรัตน์ หรือหวานใจ เพื่อนสนิทของเธอ
“ข่าวทั่วไป รีบกินไปไหนรอด้วย” เธอว่างหนังสือพิมพ์ลงแล้วหันมาสนใจจานข้าวตรงหน้า สลัดใบหน้าหล่อเหล่าราวกับเทพพระบุตรของชายในฝันออกไป
“เร็ว เรามีสอบนะ” และก็มีอีกหนึ่งคนนั้นก็คือ เอกพล หรือ เอมมี่ ที่มันให้เพื่อนเรียก เป็นสาวประเภทสองที่สวยมากแต่ยังไม่ตัด เมื่อเพื่อนพูดแบบนั้นเธอก็เร่งรีบกินอย่างไว ลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองมีสอบ
“เออ” ทั้งสามคนเรียน คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา คอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้ทั้งสามคนได้อยู่ปีสามแล้ว
ชีวิตของพิรุณรักไม่มีอะไรมาก เธอไม่ได้เป็นสาวเมืองกรุงและไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ลำบากจนเกินไป พ่อแม่ทำไร่ทำสวนพอมีพอกิน แต่ที่ได้เข้ามาเรียนในเมืองใหญ่เพราะพ่อกับแม่อยากให้เธอเรียนมหาลัยดีๆ ท่านบอกว่าพวกท่านส่งได้
เธอดำเนินชีวิตเหมือนหญิงสาวทั่วไป มีเที่ยวมีเล่นตามประสาวัยรุ่นแต่ก็ไม่เคยทำตัวเหลวแหลกแม้ว่าบางครั้งสถานการณ์เอื้ออำนวยก็ตาม แต่เธอก็ยับยั้งช่างใจไว้ได้
“แกอาทิตย์หน้าฉันไม่อยู่ทั้งอาทิตย์นะไปเที่ยวกับเสี่ยฝากจดเลคเชอร์ให้ด้วย” เมื่อสอบเสร็จทั้งสามคนก็ออกมานั่งรอเรียนวิชาต่อไป เป็นหทัยรัตน์ที่พูดขึ้น
“เที่ยวที่ไหนวะ”
“ลงใต้มั้งเสี่ยเขาอยากไปเที่ยวทะเล” หทัยรัตน์ตอบด้วยท่าทีสบายๆ
“คนนี้แกอยู่กับเขานานนะ เขาดีกับแกเหรอวะ” พิรุณรักถามเพื่อนด้วยความสงสัยใคร่รู้ เธอรู้ว่าเพื่อนเป็นเด็กเสี่ยเป็นมานานแล้วแต่ก็ไม่เคยนึกรังเกียจเพราะคนเราก็ต้องมีเหตุผลของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ
“อืม ก็ดีนะเสี่ยเขาตามใจฉันทุกอย่างเลย อีกอย่างจะไปไหนมาไหนกับเขาฉันก็ไม่กลัวเพราะว่าเขาไม่มีเมีย” เสี่ยที่หทัยรัตน์พูดถึงคือคนที่เลี้ยงเธออยู่ ซึ่งคนนี้หทัยรัตน์อยู่กับเขามาได้ร่วมหกเดือนแล้ว
“ไม่ใช่ว่าแกรักเสี่ยไปแล้วหรอกนะ”
“บ้า ฉันก็แค่ไม่อยากเปลี่ยนคนเลี้ยงบ่อยๆ ในเมื่อเขายังไม่เบื่อฉัน ฉันก็คิดว่าอยู่ไปแบบนี้เรื่อยๆ ก็ไม่เสียหาย อีกอย่างเขายังไม่แก่แถมยังใจป๋ามากด้วย ฉันชอบ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ฉันไม่คิดหรอก เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนมารักผู้หญิงแบบฉันหรอก” หทัยรัตน์พูดด้วยท่าทีสบายๆ ไม่มีแววซีเรียสอยู่ในน้ำเสียงเลยสักนิด ซึ่งเรื่องที่เธอพูดมันก็คือเรื่องที่เธอรู้สึกมาตลอด ชีวิตของเธอไม่ได้สุขสบายเหมือนคนอื่นๆ เธอต้องปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็กๆ แถมยังมียายต้องเลี้ยงดู
ถึงบางคนจะบอกว่าชีวิตคนเรามีหลายทางเลือก และเลือกที่จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดีก็ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เคยทำอย่างนั้น เธอลองมาหมดแล้วทุกอย่าง จนกระทั่งชีวิตจนตรอกจริงๆ ยายเธอต้องผ่าตัด ทำให้เธอเลือกทางเดินนี้ ทางที่ได้เงินเร็วและเยอะ ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ถอนตัวจากทางนี้ไม่ได้แล้ว
เพราะมันทำให้เธอสุขสบายขึ้น ถึงบางครั้งจะไม่สบายใจก็เถอะ แต่หทัยรัตน์ก็เลือกผู้ชายที่เธออยู่ด้วย เธอพยายามจะไม่ให้คนที่มีครอบครัวเลี้ยงดู
“แล้วเสี่ยเขาไม่มีท่าทีชอบแกบ้างเหรอวะ” พิรุณรักยังถามต่อ ทั้งสามคนไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังกันจึงสามารถถามได้ทุกเรื่อง เว้นแต่เรื่องที่เพื่อนไม่อยากพูดพวกเธอก็จะไม่เซ้าซี้
“ไม่นะ เขาก็เฉยๆ ก็ดูแลฉันปกติ”
“ถ้าฉันมีบ้างจะเป็นยังไงนะ” พิรุณรักพูดเบาๆ
“อะไรนะยัยปลาย” เอมมี่ร้องถามเพื่อนเสียงดัง เพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“แกจะตะโกนทำไม”
“แล้วเมื่อกี้พูดอะไร อยากมีอะไร”
“ก็....ฉันแค่ลองคิดว่าถ้ามีเสี่ยเลี้ยงแบบยัยหวานบ้างจะเป็นยังไง”
“หยุดความคิดแบบนั้นของแกเลย คิดยังไงอยากเป็นเด็กเสี่ย”
“ก็ แค่คิด แต่ฉันไม่เป็นหรอกน่า”
“แกไม่ทำแหละดีแล้ว อนาคตแกอาจจะเจอผู้ชายดีๆ สักคน แกควรเก็บสิ่งสำคัญไว้ให้กับพ่อของลูก ชีวิตแกก็ไม่ได้ลำบากอะไร” หทัยรัตน์บอกเพื่อนที่มีความคิดแผงๆ เธอไม่โกรธหรืออะไรเพื่อนเลยสักนิด
“จะเจอรึเปล่าก็ไม่รู้” ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกเธอที่เพื่อนว่าเธอยังคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง เพราะเธอคลั่งไคล้หนุ่มตาน้ำข้าวเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่มีโอกาสจะเจอหล่อๆ ตามสเปคที่เธอตั้งไว้สักนิด
“คนมาจีบแกเยอะแยะเลือกๆ สักคนเถอะ”
“ฉันไม่ชอบหนิ”
“แกก็รู้ว่ามันชอบล่ำๆ ของนอก ของไทยตัวเล็กๆ มันไม่ชอบหรอก” พิรุณรักมองค้อนเพื่อนที่พูดได้ตรงเผง
“เลิกพูดแล้วไปเรียนได้แล้ว”