บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ทาสในเรือนเบี้ย

ทาสในเรือนเบี้ย

หญิงสาววัยย่างยี่สิบสองปีโปรยยิ้มหวานให้คนงานและสาวใช้ที่ทำงานอยู่หน้าบ้าน แก้วตาแวะทักทายตามประสาคนเพิ่งกลับมาบ้าน ก่อนเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหาเจ้าของบ้านที่รอการกลับมาของตน

“คุณป้าขา” แก้วตาคือเจ้าของเสียง หล่อนโผกอดร่างเนาวรัตน์ที่กอดตอบร่างเล็กด้วยความรักและคิดถึง “คิดถึงคุณป้าที่สุดเลยค่ะ”

คำคิดถึงมาพร้อมกับปลายจมูกกดลงบนแก้มของเนาวรัตน์ทั้งซ้ายและขวา

“ปากหวานเหมือนเดิมนะเราเนี่ย”

“ปากหวานที่ไหนกันคะ คิดถึงคุณป้าจริงๆ ค่ะ พอว่างปุ๊บก็รีบมาหาคุณป้าเลยค่ะ”

ตอนนี้แก้วตากำลังศึกษาแพทยศาสตร์ชั้นปีที่สาม หล่อนจึงไม่ได้กลับบ้านบ่อยนัก เนื่องจากเรียนหนักและต้องทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยอีกด้วย ซึ่งเนาวรัตน์ก็รู้ถึงเหตุผล

“คิดถึงแต่แม่ ไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอ พี่น้อยใจนะ”

เมฆาที่เดินถือกระเป๋าเดินทางแก้วตาเข้ามาในบ้านพูดขึ้น ก่อนไปทรุดกายนั่งข้างมารดา แก้วตารีบลุกมานั่งข้างพี่ชายนอกสายเลือด กอดและหอมพี่ชายอย่างเอาใจ

“คิดถึงพี่เมฆเหมือนกันค่ะ รักพี่เมฆด้วยค่ะ”

เมฆามองหน้าสาวสวยตรงหน้าที่ตนปักใจรักมานานหลายปีด้วยรอยยิ้ม มือใหญ่วางลงบนศีรษะหล่อนแล้วโยกเบาๆ

“อย่าไปรักใครล่ะ พี่หวง”

เมฆาใช้ความเป็นพี่ชายกันชายหนุ่มที่มักแวะมาขายขนมจีบให้แก้วตาเนืองๆ ทุกคนคิดว่า เขาหวงแก้วตาตามประสาพี่ชายหวงน้องสาว แต่แท้จริงแล้ว เขาหวงไว้เพื่อตัวเองต่างหาก เมฆาเคยคิดเล่นๆ ว่า หากแก้วตามีคนรักและแต่งงานมีครอบครัว เขาคงใจสลาย อยู่อย่างเจ็บปวดหัวใจไปตลอดชีวิตแน่นอน

“ถ้าพี่เมฆไม่อนุมัติ แก้วตาก็จะไม่มีใครค่ะ แก้วตาอยู่กับพี่เมฆกับคุณป้าไปตลอดชีวิตได้ค่ะ” แก้วตาพูดด้วยรอยยิ้ม “รวีไปไหนคะคุณป้า แก้วตาซื้อของมาฝากรวีหลายอย่างเลยค่ะ”

แก้วตาถามถึงณัฐรวี คนถามไม่ได้เกลียดชังณัฐรวีตามคนในบ้าน หล่อนกลับสงสารที่อีกฝ่ายถูกมารดาทิ้งให้อยู่กับคนไม่ชอบหน้า แก้วตารู้ว่าเนาวรัตน์ กิ่งโพยมและเมฆาชิงชังณัฐรวีเข้าไส้ แต่ไม่รู้ว่า ณัฐรวีต้องเจอกับอะไรบ้างตอนที่ตัวเองไม่อยู่บ้านหลังนี้

“จะซื้อมาฝากรวีทำไมให้สิ้นเปลือง พี่ว่าเก็บเงินไว้ใช้ดีกว่า รวีอยู่ที่นี่ไม่ต้องใช้อะไรมาก มีข้าวให้กิน มีที่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว” เจ้าของเสียงคือเมฆา

“แก้วตาสงสารรวีนี่คะ รวีใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ มาตั้งหลายปีแล้ว แก้วตากลับมาบ้านทีไรก็เห็นใส่แต่ชุดเดิมๆ บางตัวก็หมองและเก่า เงินที่ซื้อเสื้อผ้าให้รวีก็ไม่ได้มากด้วย ไม่ถึงพันค่ะ”

เมื่อก่อนตอนเชษฐายังมีชีวิตอยู่ เรื่องเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว ณัฐรวีมีมากกว่าแก้วตาหลายเท่า เป็นเพราะเชษฐารักและเอ็นดูณัฐรวีในฐานะลูกเลี้ยงมาก ซื้อให้มากกว่าลูกตัวเองเสียอีก เสื้อผ้ามีถึงสี่ตู้ แต่พอเชษฐาจากโลกนี้ไป ทุกอย่างตรงกันข้าม เมฆานำเสื้อผ้าของณัฐรวีไปบริจาคเหลือเพียงสิบชุด ไม่รวมชุดชั้นในที่เหลือเพียงห้าชุดเท่านั้น และนับแต่นั้นจนมาถึงวันนี้สามปีเศษ ณัฐรวีไม่เคยได้เสื้อผ้าใหม่อีกเลย ต่างกับแก้วตาที่ได้ทุกอย่างที่ณัฐรวีไม่ได้ ส่วนเรื่องเงินและเครื่องประดับที่เชษฐาซื้อให้ เมฆาก็ริบไว้จนหมด พูดได้ว่าณัฐรวีเหลือแต่ตัวกับเสื้อผ้าเก่าๆ เท่านั้น

“แม่ว่า แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดคงไม่เป็นไรมั้ง ให้มันมีใหม่ๆ บ้างก็ได้ ที่มันใส่อยู่ก็เก่ายิ่งกว่าคนใช้ในบ้านใส่ซะอีก”

เนาวรัตน์นึกเวทนาณัฐรวีในบางครั้ง แต่พอนึกถึงการกระทำของรุ่งวดี ความเกลียดชังก็พุ่งใส่ใจทันที และนั่นทำให้นางมาลงกับณัฐรวี

“ใช่ค่ะพี่เมฆ แค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเองค่ะ” แก้วตาบอกเมฆาที่อารมณ์ตึงขึ้นมาทันใด “ว่าแต่รวีไปไหนคะคุณป้า”

“ไปไร่เพียงฟ้า” เนาวรัตน์ตอบ “ก่อนหน้าที่เมฆกับแก้วตาจะมาถึงบ้าน ภูเอาผลไม้และรังนกมาให้แม่น่ะ บอกว่าสมสมรฝากมาให้ แล้วที่ไม่ได้มาด้วยตัวเองเพราะปวดเมื่อยตัว แล้วก็ปวดขาลุกเดินไม่สะดวก บ่นๆ ว่าหมอนวดที่ไหนก็นวดไม่ถูกใจ แม่ก็เห็นว่าสมสมรมีน้ำใจกับแม่ก็เลยให้รวีไปนวดให้สมสมรน่ะ รวีนวดเก่ง แม่คิดว่าคงถูกในสมสมร เย็นๆ ภูจะมาส่งที่บ้าน”

เรื่องการนวด ณัฐรวีถือว่ามีฝีมือมาก หล่อนมักนวดให้เนาวรัตน์และกิ่งโพยมบ่อยๆ นวดทีไรกล้ามเนื้อรู้สึกคลาย ผ่อนคลายร่างมาก

“ดีจังค่ะ รวีจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง เผื่อไปเจอหนุ่มๆ หล่อๆ รวยๆ รับไปเลี้ยงดู คุณป้ากับพี่เมฆจะได้ไม่ต้องทนขัดตา”

แก้วตาไม่ได้พูดประชด หล่อนมีความคิดว่า หากณัฐรวีไม่อยู่ในบ้านหลังนี้ หรือออกไปจากชีวิตเนาวรัตน์กับเมฆา ทุกคนจะมีความสุข ไม่เว้นแต่ณัฐรวีก็จะได้เป็นอิสระ ไม่ต้องทนถูกกดขี่ ต่อว่า และถูกใช้งานยิ่งกว่าทาส

คำพูดประโยคนี้ของแก้วตา ทำให้เมฆาถึงกับหูผึ่ง ฉับพลันภาพณัฐรวีตกอยู่ในอ้อมกอดชายอื่นฉายขึ้นมาในหัว รู้สึกผิดแปลกใจอกขึ้นมาทันใด แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกนั้นไว้สุดกำลัง

“พี่กลัวว่าจะไม่มีผู้ชายคนไหนเหลียวมองมากกว่า หน้าตาก็งั้นๆ แต่งตัวก็โทรม ใครจะมามอง” เมฆาพูดขึ้น “อีกอย่างนึงนะ...”

เมฆารีบระงับเสียงที่กำลังจะเอ่ยออกมา หากเขาพูดประโยคนี้ไป รับรองได้ว่า แก้วตาคงรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนกับณัฐรวดี ‘ดีนะที่หยุดพูดได้ทัน ไม่งั้นความแตกแน่’ เมฆาพูดกับตัวเองในใจ

“อีกอย่างอะไรคะ” แก้วตารีบถาม

“อีกอย่างนึงก็คือ พี่ไม่อยากให้รวีไปจากที่นี่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จนกว่าพี่จะตามหาตัวแม่ของรวีเจอ” เขาหาคำแก้ตัวได้อย่างหวุดหวิด “พี่ว่าแก้วตาขึ้นไปพักที่ห้องดีกว่านะ มาเหนื่อยๆ อย่าพูดเรื่องรวีให้หงุดหงิดรำคาญใจเลย เดี๋ยวเย็นนี้เราจะได้กินอาหารฝีมือคุณแม่กัน คุณแม่เตรียมทำกับของโปรดให้น้องสาวพี่เพียบเลยนะ”

“เมฆพูดถูก อย่าพูดถึงรวีมากนักเลย แค่เห็นหน้ามันทุกวันก็เต็มกลืนแล้ว” เนาวรัตน์เห็นด้วยกับคำพูดบุตรชาย

“ค่ะคุณป้า” แก้วตาทำตามอย่างว่าง่าย หล่อนเดินขึ้นไปชั้นบนโดยถือกระเป๋าเดินทางของตนขึ้นไปด้วย คล้อยหลังแก้วตาขึ้นไปชั้นบน การสนทนาของสองแม่ลูกก็เริ่มขึ้น

“ดูท่าทางลูกจะไม่ชอบใจที่รวีไปไร่เพียงฟ้า” คนเป็นแม่ดูปฏิกิริยาลูกชายออก แม้ว่าอีกฝ่ายจะเก็บไว้มิดชิดก็ตามที

“ผมกลัวว่ารวีจะปากพล่อยเล่าเรื่องที่ผมไม่อยากให้ใครรู้ ให้ทางโน้นฟังน่ะครับ”

เขาตอบราวกับมีคำตอบในใจ ไม่ตะกุกตะกักหรือทำให้เนาวรัตน์รู้สึกว่า เป็นการแก้ตัว

“แม่ลืมคิดข้อนี้ไป” เหมือนนางเพิ่งนึกขึ้นได้ น้อยครั้งนักที่ณัฐรวีจะได้ออกจากบ้าน ยิ่งไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่ตนกับเมฆายิ่งไม่เคย นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปี “แต่แม่ว่า มันคงไม่กล้าบอกใครหรอก มันกลัวคำขู่เมฆจะตายไป ไม่งั้นคงไม่ยอมแม่กับเมฆขนาดนี้”

“ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” พูดจบเมฆาก็ลุกขึ้นยืน “ผมเข้าไปดูงานในไร่ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมีบริษัทมารับเมล็ดชากับกาแฟ”

เนาวรัตน์พยักหน้ารับรู้ มองตามร่างบุตรชายที่เดินออกไปจากบ้าน ก่อนหันมองรูปถ่ายของเชษฐาที่ติดอยู่บนฝาผนังบ้าน

“เพราะคุณคนเดียว หลายคนต้องเจ็บปวด ถ้าคุณไม่พามันเข้ามาในบ้าน คงไม่มีใครต้องทุกข์ทรมาน”

เนาวรัตน์ปรารถนาให้เชษฐาได้ยินประโยคนี้ เขาจะได้รู้ว่า ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดคือเขา ที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ คิดไตร่ตรองไม่รอบคอบ นำผู้หญิงที่ชื่อรุ่งรดีเข้าในชีวิต นำความสุขมาให้เชษฐาเพียงคนเดียว ส่วนคนรอบข้างมีแต่ความทุกข์และปวดร้าวใจ

...........................

ราวสองทุ่มเศษ

เสียงทีวีในห้องรับแขกดังเข้ามาในหูณัฐรวีที่กำลังเดินเข้าไปในบ้าน หล่อนแปลกใจไม่น้อยเพราะปกติเวลานี้เนาวรัตน์ เมฆาจะอยู่ในห้องนอน จะว่าคนรับใช้เปิดทีวีดูก็ไม่น่าใช่ เนื่องจากในห้องพักคนรับใช้จะมีทีวีหนึ่งเครื่องไว้ดูหลังเลิกงาน แล้วใครกันที่เปิดทีวีในห้องรับแขก

“กลับมาแล้วเหรอรวี แก้วตาคอยตั้งนาน”

ณัฐรวีหายสงสัยเมื่อเห็นเมฆานั่งดูทีวีอยู่กับแก้วตา และเมื่อได้ยินและเห็นหน้าเจ้าของเสียง ทำให้หล่อนนึกขึ้นได้ว่า วันนี้แก้วตากลับมาบ้าน ณัฐรวียิ้มน้อยๆ ส่งให้ผู้พูด แล้วรอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบในฉับพลันเมื่อปะทะสายตากับเมฆา

“ขอโทษทีนะเมฆที่มาส่งรวีช้า คุยกันเพลินน่ะ” ภูมิภัทรลูกชายสมสมรเจ้าของไร่เพียงฟ้าพูดขึ้น ในมือถือถุงกระดาษสองใบ “วันนี้รวีทำแกงส้มผักแปดเซียนให้ฉันกับคนที่บ้านกิน คุณพ่อคุณแม่และพี่ปิ่นชมไม่หยุดเลย กินข้าวคนละตั้งสองจาน ฉันเองก็ฟาดไปสาม”

“ใครได้กินแกงส้มผักแปดเซียนของรวี ต้องชมกันทุกคนค่ะ ยกเว้นพี่เมฆที่บอกว่า งั้นๆ แต่แก้วตาคิดว่า มันอร่อยมากเลยค่ะ” แก้วตาเห็นด้วยกับเรื่องนี้ “ว่าแต่พี่ภูถืออะไรมาคะ”

“อ๋อ...เสื้อผ้าของพี่ปิ่นน่ะ พี่ปิ่นไม่ใส่แล้วเลยให้รวี มีตั้งหลายชุดแน่ะ สวยๆ ทั้งนั้นเลย บางตัวพี่ปิ่นก็ยังไม่ใส่” ภูมิภัทรตอบ เมฆาหลุบมองดูถุงกระดาษในมือผู้พูด ก่อนตวัดสายตามองณัฐรวีที่ไม่กล้าสบสายตา “นายคงไม่ถือนะเมฆ ที่พี่ปิ่นให้เสื้อผ้ารวี”

ภูริภัทรรีบพูดดักคอ เขาไม่รู้ความแค้น ความชิงชังที่ครอบครัวเมฆามีให้ณัฐรวี เขารู้เพียงว่า ณัฐรวีเป็นลูกสาวภรรยาน้อยเชษฐาที่หนีตามชายชู้ไป และเป็นต้นเหตุทำให้เชษฐาคิดสั้นฆ่าตัวตาย เหตุผลที่ใครต่อใครรู้ว่า ที่ณัฐรวียังอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นเพราะเนาวรัตน์เมตตาสงสารณัฐรวีที่ไม่มีที่ไป จึงให้อยู่บ้านหลังนี้ต่อไป แต่ที่ปิ่นประภาให้เสื้อผ้าณัฐรวี เพราะเห็นว่า ชุดที่ณัฐรวีใส่ค่อนข้างเก่า ด้วยจิตเมตตาสงสารจึงให้เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่ให้กับณัฐรวี

“ฉันไม่ถือหรอก” เมฆาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

“ฉันขออนุญาตนายเลยละกัน”

“ขออนุญาตอะไร” เมฆาถาม ความสงสัยมีในหัว

“พรุ่งนี้คุณแม่อยากให้รวีนวดให้อีกน่ะ ฉันเลยต้องขออนุญาตนายพารวีไปนวดให้คุณแม่น่ะ มารับสายๆ บ่ายๆ พามาส่ง” ภูริภัทรบอกความตั้งใจกับเมฆา “รวีบอกว่า ต้องขออนุญาตคุณป้าหรือไม่ก็แกน่ะ รวีตัดสินใจเองไม่ได้”

เมฆามองหน้าณัฐรวีที่ยังคงไม่กล้าสบตาเช่นเดิม ก่อนย้ายสายตาไปมองภูริภัทร

“ได้สิ” แม้ว่าใจไม่อยากให้ไป แต่ก็คงหาเหตุผลใดมากล่าวอ้างไม่ได้ อีกทั้งสมสมรเป็นบุคคลที่เขาเคารพรักเสมือนญาติคนหนึ่งการปฏิเสธจึงยาก

“งั้นพรุ่งนี้ฉันมารับรวีตอนเก้าโมงครึ่งนะ”

“อืมได้” เมฆารับรู้

“พี่กลับก่อนนะรวี พรุ่งนี้พี่มารับนะ ได้ทิปเพียบแน่” ภูมิภัทรพลั้งปากพูด “เจอกันพรุ่งนี้นะรวี พี่ไปล่ะ”

ภูริภัทรวางถุงกระดาษใส่เสื้อผ้าลงบนพื้น ก่อนเดินออกจากบ้าน คำพูดของภูริภัทรทำให้เมฆาเข้าใจว่า ณัฐรวีต้องได้สินน้ำใจในการนวดให้สมสมร ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบ

“รวี แก้วตาซื้อเสื้อผ้ามาให้รวีด้วยนะ ขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า”

แก้วตาที่นั่งรอการกลับบ้านของณัฐรวีเดินมาหาอีกฝ่าย ณัฐรวีก้มลงหยิบถุงกระดาษขึ้นมา ก้าวเดินตามแก้วตาขึ้นไปชั้นบน โดยไม่ได้มองหน้าเมฆา เพราะหล่อนรับรู้ถึงรังสีไม่พอใจแผ่กระจายรอบตัวเขา หากแก้วตาไม่อยู่ตรงนี้ด้วย หล่อนคงถูกเขากระทำบางอย่างแน่นอน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel