3.เอ่ยคำลา
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของหนุ่มจางๆ
การทำงานของนิดานั้นถือได้ว่าเธอทำงานอยู่ในขั้นที่เรียกว่าดีเยี่ยม ส่วนหน้าตาก็..น่ารักดี
เขาแค่ชอบที่เธอชอบแทนตัวเองว่าหนูกับทุกคนในออฟฟิต อาจจะเป็นเพราะว่าเธออายุน้อยที่สุดก็เป็นได้ คำพูดของนิดาที่พูดกับคนอื่นมันถึงได้ ถ่อมตนอยู่เสมอ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปแสงและมุมต่างๆ เอาไว้เป็นโลเกชั่นถ่ายรูปคร่าวๆ ในครั้งต่อไป คู่รักส่วนใหญ่นิยมมาถ่ายพรีเวดดิ้งที่ริมทะเลซะส่วนใหญ่ ทำให้เขาได้เดินทางมาที่นี่บ่อยๆ
เขาชอบเวลาที่คลื่นซัดเข้าฝั่ง เสียงคลื่นที่ดังกระทบกับหาดทรายพร้อมกับลมเย็นๆ ที่ปะทะใบหน้ามันชวนให้เขาลืมเลือนเรื่องที่หนักอึ้งในใจเต็มไปหมดเลย
ไม่นานนักเขาก็เดินมาที่โรงแรมที่นิดาจองห้องเอาไว้ ซึ่งเธอมายืนต้อนรับเขาที่ด้านหน้าลอบบี้
“หายไปนานเลยนะคะ หนูเอากุญแจห้องมาให้ค่ะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าหนูได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้วในห้อง ทั้งชุดนอนและชุดที่คุณหนุ่มจะใส่ในวันพรุ่งนี้ เรื่องมื้อเย็นบอสสามารถเลือกทานได้เลยนะคะว่าจะทานในห้องหรือว่าจะทานที่ห้องอาหารของโรงแรม”
เธอเว้นช่องว่างเอาไว้อย่างชัดเจนพร้อมกับคำกล่าวอำลาที่แสนจะเรียบง่าย เขาได้แต่มองกุญแจห้องในมือก่อนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ตอนที่อยู่ในรถ ที่เธอพยายามดูแลเขา เขาคิดว่าเธอมีใจซะอีก..
แต่เท่าที่ดูจากแววตาของเธอแล้ว มันไม่ได้..มีความรู้สึกใดๆ แอบแฝงอยู่เลย
คาดหวังอะไรอยู่กันเนี่ย ไม่สมเป็นเขาเลย
นิดาเดินมาที่ร้านสะดวกซื้อ เธอซื้อข้าวกล่องและน้ำสองสามขวด ก่อนจะตรงเข้าห้องในทันที ทว่าเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องเธอก็พบกับวิวทะเลยามเย็น..
ห้องพักของเธออยู่ติดทะเลเลย เพราะแบบนั้นนิดาจึงวางของทั้งหมดที่ด้านหน้าห้อง เธอเปิดขวดเบียร์ออก พร้อมกับกรอกเบียร์ใส่ปากเร็วๆ
ทั้งที่ควรจะได้ใช้เวลานี้พักผ่อนแท้ๆ แต่กลับต้องมีเรื่องให้คิดมาก วันนี้เธอควรจะมีความสุขที่สุดเพราะว่านิยายที่เธอเขียนมานานกำลังจะตีพิมพ์
เธอควรจะได้ฉลองความสำเร็จนี้กับใครสักคนสิ ไม่ใช่มานั่งเศร้าอยู่คนเดียวแบบนี้
เพื่อนสนิทก็ไม่มีเพราะตอนเรียนก็เอาแต่ตั้งใจเรียนเพื่อจะได้สอบชิงทุน พอทำงานก็ก้มหน้าตั้งใจทำงานมากจนกว่าจะมีแฟนคนแรกก็อายุเกือบสามสิบ
“เฮ้อ ให้มันได้แบบนี้สิชีวิต”
นิดาหลับตาลงช้าๆ แต่อยู่ๆ กลับมีมือมาแย่งขวดเบียร์ไปจากมือเธอ แสงสุดท้ายของดวงตะวันสาดส่องกระทบใบหน้าที่ไม่ว่าใครก็จะต้องหลงใหลไปกับเขาอย่างแน่นอน เขามองหน้าเธอในขณะที่กำลังกระดกขวดเบียร์ลงคอ
“มีเรื่องกลุ้มใจรึไง? ทั้งที่ได้มาพักผ่อนแบบนี้แท้ๆ”
พักผ่อนงั้นเรอะ เธอพึ่งจะขับรถจนเมื่อยไปทั้งตัว แถมพึ่งจะจัดการเรื่องงานเสร็จก่อนเขากลับมา เธอยุ่งขนาดนี้แต่เขากลับเรียกว่านี่คือการพักผ่อน..เยี่ยมจริงๆ
“เปล่าค่ะ แค่บรรยากาศมันชวนให้อยากดื่ม มาทะเลทั้งทีก็ต้องเมาหน่อยสิคะ”
“นึกว่างานที่เธอกำลังทำอยู่มันหนักไปซะอีก”
นิดาลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเก้าอี้ที่กำลังเอนนอน เธอมองหน้าของเจ้านายด้วยสายตาตกใจ
“หากให้ตอบจริงๆ มันก็เหนื่อยค่ะ เพราะกับบางงานบอสไม่ให้พักเลยนี่หากว่างานไม่เสร็จ แต่เมื่อเสร็จงานก็ได้วันพักเท่ากับวันที่ทำงาน ได้นอนเต็มอิ่มแถมยังได้โอทีด้วย มันก็เลยทำให้ความเหนื่อยพอจะจางหายไปบ้าง..”
เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เธอพร้อมกับมองไปเบื้องหน้า มองแสงของดวงตะวันที่กำลังหายไปจากปลายขอบฟ้า
“ขยันทำงานจังเลยนะ จะรีบสร้างครอบครัวงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามแบบนั้นนิดาก็ค่อยๆ หุบยิ้มลง
“ไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ..”
เพราะว่าตอนนี้ความคิดของเธอกับแฟนมันดูเหมือนจะไม่ตรงกันแล้ว กลับไปก็ไม่รู้ว่าจะคุยกันยังไงดี
ดูจากแววตาก็รู้แล้วว่าเธอกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับความรัก เรื่องนี้เขาให้คำแนะนำไม่ได้ซะด้วยสิ เพราะว่าเขาเองก็ไร้ประสบการณ์เรื่องความรักเหมือนกัน
เพราะแบบนั้นเราทั้งสองคนจึงนั่งเคียงข้างกันเงียบๆ นั่งมองคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่ซัดเข้ามายังชายฝั่ง..
...........
“ลูกค้าพอใจกับงานมากเลย คิดถูกจริงๆ ที่ส่งนิดาไปดูสถานที่ก่อนถ่าย เราไม่เคยทำให้พี่ผิดหวังเลยรู้ไหม”
หลังจากที่กลับมาจากทะเลก็ปาเข้าไปเกือบสองเดือนแล้ว เธอได้รับโบนัสเพิ่มเพราะว่าลูกค้าชอบงานของเรามาก อันที่จริงไม่ใช่แค่เธอที่ได้แต่เราทุกคนต่างก็ได้รับโบนัสปลายปีกันถ้วนหน้าเพราะความเมตตาจากบอส เหมือนว่าปีนี้จะได้มากกว่าทุกปีด้วย
“วันพรุ่งนี้เป็นงานกินเลี้ยงปีใหม่นะ มาให้ตรงเวลาด้วยล่ะ”
นิดาส่งยิ้มให้กับพี่เอื้อ พรุ่งนี้เป็นงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทที่จะจัดขึ้นในร้านอาหารชื่อดัง
เธอได้รับคำชม ได้รับเงินโบนัสและนิยายของเธอเลื่อนเวลาตีพิมพ์เข้ามาเร็วขึ้น
นิยายที่เธอเขียนขายหมดตั้งแต่ที่วางขายได้สามวันกับจำนวนหนึ่งพันเล่ม ยังไม่รวมกับยอดดาวน์โหลดของอีบุ๊คด้วย
นี่เธอสามารถเรียกตัวเองว่านักเขียนชื่อดังได้รึยังนะ..ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะโรยด้วยกลีบกุหลาบยกเว้นความรักของเธอ
เรามีปากเสียงกันตลอดตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากทะเล เหมือนเขาไม่ใช่ตินที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป การมีแฟนมันเหนื่อยเพราะความสัมพันธ์ที่เขาด่าว่าเธอมากกว่าจะชวนคุย
หากมีแฟนแล้วมันทำให้เป็นทุกข์มากขนาดนี้ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังรั้งเขาเอาไว้ทำไม..
เมื่อเดินออกมาจากบริษัท ก็พบกับอากาศที่เย็นจนต้องสวมเสื้อกันหนาว แต่มันไม่ได้หนาวเท่ากับภาพเบื้องหน้าที่เธอพบเห็น
ช่วงเวลาที่ห่างกัน เราต่างก็กำลังสับสน และช่วงเวลานั้นอาจจะทำให้เขารู้ว่าเธอและเขา เราไม่ได้มีความคิดที่ตรงกันสักเท่าไหร่ เมื่อมีคนใหม่เดินเข้ามาและเธอคนนั้นมีความคิดและความต้องการตรงกันกับเขา คงจะเพราะแบบนั้นเขาถึงได้มีคนใหม่อย่างไม่ลังเลเลย
ร้านกาแฟที่เธอเคยเข้าไปบ่อยๆ ตอนนี้เธอกลับไม่อยากเข้าไปแล้วล่ะสิ เมื่อเห็นเขากำลังจับมือกับผู้หญิงคนอื่น
หากจะถามหาคนที่ผิดจากเรื่องนี้ คนคนนั้นมันคือเธอรึเปล่านะที่เธอเลือกความฝันของตัวเอง ไม่ได้เลือกความรัก..
“พรุ่งนี้มาคุยกันหน่อยสิ”
นิดากดส่งข้อความไปหาเขา และเขาตอบกลับมาในทันทีราวกับว่ากำลังรอคอยข้อความของเธออยู่
“ดีเลย พรุ่งนี้พี่ก็มีเรื่องจะคุยกับเราเหมือนกัน”
เมื่อถึงวันพรุ่งนี้..เรื่องราวความรักของเรามันคงจะจบลงและเอ่ยคำลาพร้อมกับหลงเหลือเอาไว้แค่คำว่าพี่น้อง